ชีวิตอิสระ
บ้านห้วยห้อม สัมผัสความสุข บนความพอเพียง
ห้วยห้อม เป็นชื่อของหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางเขาสูงใน อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน เป็นชุมชนต้นแบบของการใช้ชีวิต ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน และด้วยภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยขุนเขา จึงมีทัศนียภาพที่สวยงาม รวมถึงอากาศที่เย็นสบายตลอดปี จนปัจจุบันได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่รักความสงบ "ชีวิตอิสระ" จะพาไปสัมผัสวิถีชีวิตที่พอเพียง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน อ. แม่ลาน้อย แห่งนี้
ไต่เขา ฝ่าโค้ง สู่เมืองสามหมอก
- บ้านห้วยห้อม เป็นชุมชนเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขาสูงใน อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
เรามุ่งหน้าสู่ จ. แม่ฮ่องสอน ตามทางหลวงหมายเลข 32 ผ่าน จ. นครสวรรค์, กำแพงเพชร และตาก เมื่อถึง อ. เถิน จ. ลำปาง เลี้ยวซ้ายไปทาง อ. ลี้ จ. ลำพูน เพื่อเข้าทางหลวง 108 ผ่าน อ. ฮอด อ. แม่สะเรียง โดยมีปลายทางที่ อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน ถ้าดูจาก GOOGLE MAP ในโทรศัพท์มือถือ ระยะทางเกือบ 900 กม. จากกรุงเทพฯ ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 12 ชม. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ยิ่งช่วง 300 กม. สุดท้าย ถือว่าโหดพอสมควร เพราะเป็นเส้นทางไต่เขาที่คดเคี้ยว และสูงชัน แต่การเดินทางครั้งนี้ ผมมากับ มาซดา บีที-50 พโร จึงรู้สึกไม่กังวลอะไร เนื่องจากรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถึง 3.2 ลิตร เทอร์โบ 5 สูบ ที่ให้แรงม้ามากถึง 200 ตัว จึงมีแรงบิดมหาศาล ให้กำลังอย่างเหลือเฟือ ทางชันแค่ไหนก็ผ่านได้สบาย ยิ่งคันนี้มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้ด้วย ยิ่งสบายใจขึ้นอีกเยอะ
วิถีห้วยห้อม น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง
บ้านห้วยห้อม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ อ. แม่ลาน้อย ประมาณ 30 กม. ชาวบ้านที่นี่เป็นชาวกะเหรี่ยงปกาเกอญอ ที่มีภาษาพูด และภาษาเขียนเป็นของตนเอง โดยมีมิชชันนารีพัฒนาภาษาเขียนให้ใหม่ตามอักษรพม่า ที่เขาเรียกว่า "สิ โร เหม่"
- คุณยายกำลังนำใบพลูมาตากแดดยามเช้า
- ฤดูนี้ช่วงเช้า ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก จะออกไปเก็บเมล็ดกาแฟ
การแต่งกายเน้นเอกลักษณ์ด้านสีสัน โดยเฉพาะสีแดง สมัยก่อนชาวบ้านห้วยห้อมนับถือผี การทำพิธีต่างๆ จึงเน้นไปทางไสยศาสตร์ทั้งหมด ต่อมามีผู้นำคริสต์ศาสนาเข้ามาเผยแพร่ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จนถึงปัจจุบัน
- เกือบทุกบ้านจะเลี้ยงหมูป่าเพื่อส่งขาย และเป็นอาหาร
อาชีพหลักของชาวบ้าน คือ การปลูกข้าว เสาวรส และกาแฟพันธุ์อราบิกาที่มีรสชาติเข้มข้น นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริม คือ การทอผ้าจากขนแกะ รวมถึงฝ้ายธรรมชาติ และด้วยความที่มีอาชีพส่งเสริมรายได้ที่มั่นคงเช่นนี้ คนในชุมชนจึงไม่นิยมไปทำงานต่างถิ่น แต่จะส่งลูกหลานไปเรียนรู้ภาษาไทย และสังคมเมืองจนจบปริญญาตรี แล้วกลับมาพัฒนาชุมชนของตน
เดินเก็บเมล็ดกาแฟ พร้อมลิ้มรสกาแฟห้วยห้อม
- เจ้าของไร่ กำลังเก็บเมล็ดกาแฟอย่างเพลิดเพลิน
- กาแฟห้วยห้อม มีกลิ่นหอม และรสชาติเข้มข้น
สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวของที่นี่ ถ้ามาช่วงปลายปีถึงต้นปี จะเป็นการเก็บเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิกา ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของบ้านห้วยห้อมมาช้านาน ถือเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว จากรสชาติที่หอมและเข้มข้น การปลูกต้นกาแฟไมใช้สารเคมีทุกชนิด จะเป็นการปลูกแบบออร์แกนิค เพราะนอกจากจะประหยัดต้นทุนแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าไม่มีสารพิษตกค้าง ที่สำคัญชาวบ้านสามารถผลิตกาแฟได้เองแบบครบวงจร ตั้งแต่การเพาะต้นกล้ากาแฟ การนำไปปลูกยังหุบเขาที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต การเก็บผลผลิต ไปจนถึงวิธีการคัดเมล็ดกาแฟ ตาก นำมาคั่วและบดเป็นกาแฟ ไปจนถึงการบรรจุเป็นหีบห่อสวยงาม คุณป้ามะลิวัลย์ ผู้นำชุมชนห้วยห้อมแอบกระซิบเราว่า กาแฟห้วยห้อมตอนนี้ ส่งร้านสตาร์บัคด้วยนะ
ชมฟาร์มแกะ เรียนรู้วิธีการทอ
- แกะกำลังเล็มหญ้าบนนาข้าว เราสามารถลงไปเล่นกับมันได้
หลังจากสัมผัสกระบวนการทำกาแฟห้วยห้อมไปแล้ว บ้านห้วยห้อมยังมีกระบวนการผลิต "ผ้าทอขนแกะ" ที่ได้รับการส่งเสริมจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ให้เป็นอาชีพเสริม โดยพระราชทานพันธุ์แกะให้เลี้ยงเพื่อตัดขนมาทำผ้าทอ และโปรดฯ ให้รวมกลุ่มเป็นกลุ่มทอผ้าขนแกะของหมู่บ้าน
- ป้ามะลิวัลย์ สาธิตวิธีการปั่นขนแกะให้เป็นเส้นด้าย
นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตวิธีการทอได้ ผ้าทอที่นี่มีความนุ่ม และลวดลายสวยงาม เป็นผ้าทอที่ทำด้วยมือทุกผืน ที่สำคัญมีลายที่เป็นเอกลักษณ์มาช้านานจากรุ่นสู่รุ่นอย่าง ลายข้าวโพด และลายดอกเข็ม ผลิตภัณฑ์ที่ทอออกมาจะเป็นผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ย่าม ผ้าตัดเสื้อ และผ้าคลุมโต๊ะ ในราคาเริ่มต้นที่ 800 บาท ซึ่งตอนนี้มีออร์เดอร์เยอะมาก ผลิตไม่ทัน ต้องสั่งจองล่วงหน้า ที่สำคัญส่งออกต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ในช่วงสาย เขาจะปล่อยแกะออกมากินหญ้าในนาข้าว เราสามารถลงไปเล่น และถ่ายรูปกับมันได้ เป็นความสนุกแบบแปลกๆ ที่ต้องสัมผัส
แวะโครงการหลวงแม่ลาน้อย ชมแปลงสาธิตเกษตร
- นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมโรงเรือนปลูกผักต่างๆ ของโครงการฯ ได้
จากบ้านห้วยห้อม มุ่งหน้าไป อ. แม่ลาน้อย ประมาณ 9 กม. จะเจอกับ "โครงการหลวงแม่ลาน้อย" เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ครั้งที่เสด็จเยี่ยมราษฎรบ้านป่าแป๋และบ้านห้วยห้อม ทรงรับสั่งให้ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เข้าช่วยเหลือพัฒนาอาชีพแก่ชาวเขา โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม แทนการปลูกฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอย เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นต้นน้ำแม่ลาน้อย และแม่น้ำแม่สะเรียง กระทั่งปี 2523 ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อยได้ก่อตั้งขึ้น และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
- นาขั้นบันไดฤดูนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นไร่ดอกกระหล่ำ
- ต้นถั่วเหลือง มีให้เห็นตลอดสองข้างทาง
- ผลผลิตที่ได้จากโครงการฯ ถูกคัดคุณภาพในโรงคัดบรรรจุ
- สักการะพระธาตุธัมมิกราช เพื่อขอพรก่อนกลับ
ตลอดสองข้างทาง เราสามารถเยี่ยมชมแปลงผักต่างๆ ได้ โดยมีการหมุนเวียนปลูกพืชผลต่างๆ ตลอดทั้งปี ถ้ามาในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม จะเป็นฤดูทำนาข้าว เราจะเห็นนาขั้นบันไดสวยงาม นอกจากนี้ปากทางเข้าโครงการหลวงฯ เป็นที่ตั้งของ "พระธาตุธัมมิกราช" ที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยสร้างขึ้นเพื่อฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ให้กราบไหว้อีกด้วย
ถ้ำแก้วโกมล ความงาม 1 ใน 3 ของโลก
- ธรรมชาติรังสรรค์ความงดงาม ภายในถ้ำ
ก่อนถึงตัว อ. แม่ลาน้อย เราพบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง "ถ้ำแก้วโกมล" ที่ภายในมีความสวยงามของผลึกแร่แคลไซท์สีขาวใส ที่แต่งแต้มให้ท้องถ้ำมีชีวิตชีวา ยิ่งยามต้องแสงไฟ ผลึกแร่จะเปล่งประกายดั่งเกล็ดแก้วน้ำแข็ง
- ศิลาจารึก สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ถ้ำแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า ถ้ำผลึกแคลไซท์แม่ลาน้อย เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร จึงพระราชทานนามให้ใหม่ว่า ถ้ำแก้วโกมล ซึ่งยังพระราชทานนามให้กับห้องย่อยต่างๆ อีกด้วย เช่น พระทัยธาร วิมารเมฆ และเฉกหิมพานต์ เป็นต้น ว่ากันว่าถ้ำลักษณะนี้ มีเพียง 3 แห่งในโลก คือ ประเทศออสเตรเลีย จีน และไทย ดังนั้นทางวนอุทยานถ้ำแก้วโกมล จึงห้ามสัมผัสผนังถ้ำ และห้ามถ่ายรูปอย่างเด็ดขาด ภายในถ้ำอากาศค่อนข้างร้อน และยังถ่ายเทไม่สะดวก จึงจำกัดผู้เข้าชม ครั้งละไม่เกิด 20 คน/รอบ และให้ชมได้ไม่เกิน 20 นาที
แผนที่
ที่กิน
เมื่อมาถึงบ้านห้วยห้อม ถ้าอยากฝากท้องกับรสชาติอาหารพื้นบ้าน ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลให้เสียเวลา เพราะที่ "โฮมสเตย์บ้านห้วยห้อม" มีอาหารไว้คอยบริการ ด้วยเมนูที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นพืชผักที่ชาวบ้านปลูก ผมสั่ง ต้มจืดลูกฟักแม้ว ยอดฟักแม้วผัดน้ำมันหอย ข้าวผัดหมู และไข่เจียวหมูสับ แม้เมนูที่สั่งหน้าตาจะดูธรรมดา แต่รสชาตินั้นกลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง รสชาติกลมกล่อม จนไม่ต้องปรุง ผมกับช่างภาพจึงทานหมดอย่างรวดเร็ว
ที่นอน
มาถึง อ. แม่ลาน้อย ทั้งที ก็ต้องมาพักผ่อนในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ ผมเลือกพัก "โฮมสเตย์บ้านห้วยห้อม" เพราะนอกจากเป็นวิวที่ดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว ยังสามารถเดินไปจุดที่น่าสนใจอื่นๆ ได้สะดวก ที่พักมีให้เลือกทั้งแบบนอนรวมกันหลังใหญ่ คิดคนละ 150 บาท และแบบส่วนตัว หลังละ 800 บาท โดยมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น
ขอขอบคุณ
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง