ค่าย โฟล์คสวาเกน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งที่กำลังเอาจริงเอาจังกับการออกแบบ/พัฒนารถพลังไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้ในช่วงปีที่ผ่านมาตามงานแสดงรถยนต์ระดับ “อินเตอร์” รายการต่างๆ ทั้งในยุโรป ทวีปเอเชีย และสหรัฐอเมริกา เราจึงมีโอกาสสัมผัสผลงานใหม่ด้านรถแนวคิดพลังไฟฟ้าของค่ายนี้ อยู่เป็นประจำ โฟล์คสวาเกน ไอดี วิซชัน (VOLKSWAGEN ID VIZZION) ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้นับนิ้วได้ว่าเป็นผลงานชิ้นที่ 4 ถัดจากรถแนวคิด โฟล์คสวาเกน ไอดี (VOLKSWAGEN ID) โฟล์คสวาเกน ไอดี ครอซซ์ (VOLKSWAGEN ID CROZZ) และโฟล์คสวาเกน ไอดี บัซซ์ (VOLKSWAGEN ID BUZZ) เพิ่งอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งที่ 88 เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2018 และก็เช่นเดียวกัน กรุณาอย่าถามว่าอีกนานไหมจึงจะกลายเป็นรถตลาด ? เพราะตอบไม่ได้จริงๆเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ ตัวถังยาว 5.163 ม. กว้าง 1.947 ม. และสูง 1.506 ม. ซึ่งเคลือบสีส้ม BALADI ORANGE เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบอย่างพิถีพิถันและวิลิศมาหรา หน้าตาและรูปทรงองค์เอวเห็นแล้วเกิดความรู้สึกเหมือนกำลังหลับตาฝัน ประตูข้างทั้ง 2 ด้านเปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลางให้เกะกะสายตาและการขึ้น/ลงรถเหมือนประตูตู้กับข้าว ห้องโดยสารที่นั่งได้รวม 4 คน ก็ออกแบบอย่างพิเศษตามแนวความคิด OPEN SPACE ซึ่งทำให้การเดินทางไปกับรถคันนี้ในชีวิตประจำวันทั้งระยะสั้นและระยะยาว เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์ ก่อเกิดผลผลิต และสามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศแวดล้อมได้ โดยใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายจาก ARTIFICIAL INTELLIGENCE หรือระบบปัญญาจำลอง ตัวอย่างเช่น ตรวจจับอากัปกิริยาและท่าทีของผู้โดยสาร แล้วปรับลักษณะของเก้าอี้ที่นั่ง ปรับระดับอุณหภูมิอากาศ และปรับระบบแสงสว่างให้เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติและสอดรับกับข้อมูลที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำ รวมทั้งยังสามารถจัดลำดับ PLAYLISTS ในเครื่องเล่นตามความชอบของผู้โดยสารแต่ละคนได้ด้วย เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 กิโลวัตต์/102 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า ส่วนอุปกรณ์ป้อนพลังไฟฟ้าเป็นแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 111 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลถึง 665 กม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 6.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. เป็นรถไร้ผู้ขับสมบูรณ์แบบ อย่างที่เรียกกันทางเทคนิคว่า LEVEL-5 AUTONOMOUS DRIVE จึงไม่ต้องมีเก้าอี้ที่นั่งผู้ขับ ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีแผงหน้าปัดอุปกรณ์ และไม่มีคันบังคับใดๆ ติดตั้งอยู่บนพื้นรถ แต่ใช้วิธีบังคับควบคุมรถด้วยเสียงกับการเคลื่อนไหวของมือและนิ้ว อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า VOICE AND GESTURE CONTROL ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์เชื่อว่าระบบขับโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ขับ LEVEL-4 และ LEVEL-5 นี้จะมีให้ใช้แน่นอนในเวลาไม่นานจนเกินรอ คือ ไม่ช้ากว่าปี 2025 แน่นอน จริง หรือไม่จริงก็ต้องติดตามกันต่อไป