รถไฟฟ้า กำลังมาหานะเธอ ! เป็นข้อมูลที่เราทราบกันว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าต่อจากนี้ โลกยานยนต์กำลังจะเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถไฟฟ้า มันเป็นทเรนด์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชนิดของรถยนต์ที่วิ่งกันเพ่นพ่านทั่วโลกว่ามีอะไรบ้าง ?ประเภทรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราจะคุยกันเฉพาะกลุ่มเครื่องยนต์เป็นหลักนะครับ ประเภทแรก คือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE: INTERNAL COMBUSTION ENGINE) ประเภทที่ 2 เครื่องยนต์ไฮบริด (HEV: HYBRID ELECTRIC VEHICLES) เป็นรถที่มีทั้งเครื่องยนต์และแบทเตอรีอยู่ในคันเดียว และสลับการใช้งาน ประเภทที่ 3 พลัก-อิน ไฮบริด (PHEV: PLUG-IN HYBRID ELECTRIC VEHICLES) เป็นรถยนต์ที่เหมือนรถไฮบริด เพียงแต่ว่ามีสายสำหรับชาร์จไฟฟ้า ประเภทที่ 4 รถไฟฟ้า (BEV: BATTERY ELECTRIC VEHICLES) เป็นรถยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์ เช่น รถยนต์ เทสลา, นิสสัน ลีฟ และมิตซูบิชิ ไอ-เมียฟ ประเภทสุดท้าย คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ในการขับเคลื่อน (FCEV: FUEL CELL ELECTRIC VEHICLES) ค่ายรถที่สนใจพัฒนาพลังงานชนิดนี้ เป็น 2 ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น คือ โตโยตา และฮอนดา เมื่อเรารู้แล้วว่า บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ มีรถยนต์ประเภทอะไรบ้าง คราวนี้มาดูกันว่า แล้วรถไฟฟ้าพวกนี้ได้รับความนิยมในประเทศใดบ้าง ? จากข้อมูลสถิติระหว่างปี 2553-2559 พบว่า ประเทศในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เยอรมนี เป็นประเทศที่ให้ความสนใจรถแบบพลัก-อิน ไฮบริด มากกว่ารถไฟฟ้าล้วน ส่วนประเทศจีน, นอร์เวย์, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น และอื่นๆ นิยมใช้รถไฟฟ้ามากกว่ารถพลัก-อิน ไฮบริด ขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ มีสัดส่วนของรถ 2 ประเภทนี้แบบก้ำกึ่งกัน ส่วนประเทศไทย ดูเหมือนว่าภาครัฐจะเอนเอียงไปทางรถไฮบริดมากกว่ารถไฟฟ้าประเภทอื่นๆ นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า ตัวเลขยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าในปี 2583 ทั่วโลกจะมียอดจำหน่ายสูงถึง 65 ล้านคัน/ปี ถือว่าเป็นตัวเลขที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก ทุกประเภท ในปัจจุบัน มียอดประมาณ 90 ล้านคัน นั่นแปลว่า ในอีก 20 กว่าปีข้างหน้า ตัวเลขรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น และชัดเจนมากขึ้นว่า "รถไฟฟ้า" ได้แจ้งเกิดแบบเต็มตัวบนเวทียานยนต์โลก ! เพื่อให้แน่ใจว่า รถไฟฟ้ามาแน่ๆ เรามาดูค่ายรถต่างๆ เขาโฟคัสธุรกิจรถยนต์กันสักหน่อย ในปี 2563 ค่าย เรอโนลต์-นิสสัน ตั้งเป้าไว้ 1.5 ล้านคัน ค่าย โวลโว และเทสลา ตั้งเป้า 1 ล้านคัน ค่าย ฮอนดา ตั้งเป้า 1 ล้านคัน ในปี 2573 ค่าย โฟล์คสวาเกน ตั้งเป้า 3 ล้านคัน ในปี 2568 และปิดท้ายด้วยค่ายรถบแรนด์เมืองจีน ตั้งเป้ารวมกันทุกค่าย 4.52 ล้านคัน ในปี 2563 เช่นกัน แน่นอนว่า ถ้าเป้าหมายชัดเจนขนาดนี้ ต้องมีการลงทุนขนาดมโหฬารในอุตสาหกรรมรถยนต์ยุคใหม่ และแน่นอนว่า จะต้องมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้น พร้อมกับธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนแบบเก่าที่ต้องสูญหายไปจากระบบการผลิต และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA: INTERNATIONAL ENERGY AGENCY) เปิดเผยรายงาน "GLOBAL EV OUTLOOK 2018" ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลก ระบุยอดขายรถไฟฟ้าทั่วโลกเมื่อปี 2017 เพิ่มขึ้น 54 % เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2016 และเปิดเผยว่าประเทศจีน เป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าได้มากที่สุดในโลก ซึ่งทำยอดขายในปี 2017 โตมากถึง 50 % เมื่อเทียบกับปี 2016 แต่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 2.2 % ในขณะที่ประเทศนอร์เวย์ เป็นประเทศเดียวในโลกที่ครองส่วนแบ่งการตลาดรถไฟฟ้าได้มากสุดถึง 39.2 % แต่กลับทำยอดขายได้เพียง 6.4 % ของยอดขายรถไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2017 ทเรนด์ของรถไฟฟ้ามาแน่ ทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย บางประเทศ ภาครัฐเขาขานรับและออกมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับรถไฟฟ้า สำหรับประเทศไทย คงต้องรอความชัดเจนหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะนโยบายจากภาครัฐ แต่เชื่อว่าคงจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ เราอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะหนึ่ง อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 10 ปี แต่เชื่อว่า ค่ายรถในบ้านเราไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่ !