ตลาดโดยรวม | +21.0% |
รถยนต์นั่ง | +18.0 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | +36.1 % |
รถอเนกประสงค์ (MPV) | +5.7 % |
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ | +22.2 % |
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ | +24.1 % |
อื่นๆ | +2.0 % |
รื่นเริงบันเทิงใจรับปีใหม่ 2562 กันด้วยความชื่นมื่น เมื่อตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน มีปริมาณการขาย 94,643 คัน เพิ่มขึ้น 21.2 % ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีมาอย่างต่อเนื่องทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนและการใช้จ่ายส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นความเห็นจากค่ายยักษ์ใหญ่จากสำโรง และเชื่อกันอีกว่า ปี 2562 นี่ก็จะยังคงมีปริมาณการขายที่ค่อนข้างคงที่ เพราะบรรดาโครงการใหญ่เบิ้มทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางด่วน รถไฟทางคู่ และอีกหลายโครงการ จะเริ่มต้นลงมือทำงานกันอีกแล้ว แต่บนความราบเรียบของฟองคลื่น ใต้ผิวน้ำลงไป ก็ยังมีคลื่นใต้น้ำที่หมุนวนเป็นเกลียวอยู่เช่นกัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองถึงตลาดส่งออกรถยนต์โดยรวมของไทยในปี 2562 นี้ ยังน่าจะต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดหลายด้าน เมื่อเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าหลายประเทศต้องเจอกับผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าโลก ความผันผวนของอัตราค่าเงินในประเทศคู่ค้า และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนสูง ไม่เพียงเท่านี้การย้ายฐานการผลิตรถยนต์เข้าใกล้ตลาดมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง รวมถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ในบางกรณีอาจส่งผลลบต่อการส่งออกรถยนต์ไทย เช่น ทวีปยุโรป หรือทวีปอเมริกาเหนือ ที่จะมีผลในระยะถัดไปด้วย หลังความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (UNITED STATES-MEXICO-CANADA AGREEMENT: USMCA) ซึ่งมีการตั้งข้อกำหนดเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้ารถยนต์ที่เข้มงวดขึ้นมาก และมุ่งเน้นให้เกิดการผลิตในกลุ่มประเทศสมาชิก จะถูกนำมาใช้ตั้งแต่ต้นปี 2563 ซึ่งจะกระทบกับการส่งออกไทยตั้งแต่ช่วงปี 2562 จากการลงทุนของค่ายรถในประเทศสมาชิก USMCA มากขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดส่งออกบางกลุ่มที่ค่ายรถยนต์วางไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไป เช่น โอเชียเนีย และเอเชียนั้น ต่างยังคงมีแนวโน้มตอบรับต่อรถยนต์ที่ผลิตจากไทยได้ดีในปี 2562 โดยเฉพาะเวียดนาม ที่หลังจากปัญหา DECREE 116 คลี่คลายลงไปบางส่วน การส่งออกรถยนต์จากไทยก็พุ่งขึ้นสูงมาก ซึ่งคาดว่ายังมีแนวโน้มดำเนินต่อในปี 2562 นี้ ผนวกกับทิศทางการลงทุนผลิตรถยนต์ในไทยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า และการผลักดันโครงการอีโค อีวี ของทุกภาคส่วน อาจจะช่วยกระตุ้นการส่งออกรถยนต์จากไทยไปยังประเทศคู่ค้าที่ต้องการรถยนต์ประเภทนี้ได้ ทำให้โดยรวมแล้ว คาดว่าการส่งออกรถยนต์ไทยปี 2562 มีโอกาสที่จะขยายตัวเล็กน้อยที่ประมาณ 1-4 % จากปี 2561 หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ส่งออกประมาณ 1,150,000-1,180,000 คัน เพิ่มขึ้นจากที่คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 1,135,000 คัน ในปี 2561 นี้ ทางด้านรถยนต์ไฟฟ้า ที่หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็นโพรดัคท์แชมเพียนตัวใหม่ของเรา ปี 2561 นี้ ยอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอาจจะมีจำนวนสูงกว่า 21,000 คัน หรือขยายตัวกว่า 75 % จากปี 2560 โดยงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ที่ผ่านมานี้ เป็นอีกปัจจัยเร่งที่สำคัญ ทั้งนี้อาจแบ่งประเภทของรถเป็นยอดขายรถยนต์ไฮบริดประมาณ 12,200 คัน ขยายตัว 270 % ขณะที่รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 8,745 คัน ขยายตัว 1 % และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบทเตอรี 55 คัน ขยายตัว 104 % ส่วนในปี 2562 ยอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศของไทย อาจจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นไปอีก โดยน่าจะอยู่ระหว่าง 37,000-38,500 คัน หรือขยายตัวกว่า 76-83 % จากปี 2561 โดยแบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ไฮบริดประมาณ 25,100-26,050 คัน หรือขยายตัว 106-114 % ขณะที่รถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 11,500-12,000 คัน หรือขยายตัว 32-37 % และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบทเตอรี 400-450 คัน ขยายตัว 627-718 % ตัวเลขนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์คร่าวๆ เท่านั้น เพราะปลายปีนี้ ได้รู้กันแน่