นอกจากค่าย โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ (OPEL/VAUXHALL) ที่กล่าวไปแล้ว สโกดา (SKODA) ผู้ผลิตรถยนต์ของสาธารณรัฐเชคที่คนรักรถในบ้านเราคงคุ้นชื่อก็เป็นอีกรายหนึ่งที่ไม่เคยทำรถไฮบริด ไม่ว่าเป็นไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก หรือไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบ จนกระทั่งปลายเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี่เอง เมื่อมีงานเปิดตัวรถ สโกดา ซูเพิร์บ ไอวี (SKODA SUPERB IV) ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในสโลวาเกียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของสาธารณรัฐเชค เป็นการเปิดตัวเคียงคู่กับรถพลังไฟฟ้า สโกดา ซิทีโก อี ไอวี (SKODA CITIGO E IV) ซึ่งอ่านรายละเอียดได้ใน "ข่าวรอบโลก" เดือนนี้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เพียงรายเดียวของสาธารณรัฐเชค ซึ่งปัจจุบันมีฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในสังกัดของยักษ์ใหญ่โฟล์คสวาเกนกรุพ (VOLKSWAGEN GROUP) แห่งเยอรมนี เริ่มนำรถติดป้ายชื่อ สโกดา ซูเพิร์บ (SKODA SUPERB) ออกสู่ตลาดเมื่อปี 2001 เป็นรถเก๋งขนาดกลางซึ่งใช้พแลทฟอร์มร่วมกันกับรถ โฟล์คสวาเกน พาสสัท (VOLKSWAGEN PASSAT) และมีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ตัวถัง 4 ประตูซีดาน กับตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ รถรุ่นดังกล่าวอยู่ในตลาดประมาณ 8 ปี แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 2 เมื่อปี 2008 รถรุ่นนี้มีตัวถัง 2 แบบเช่นกัน และเฉพาะตัวถังซีดานมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ประตูบานท้าย ซึ่งสามารถเปิดได้ 2 จังหวะ ส่วนรุ่นล่าสุดที่จำหน่ายขณะนี้เป็นรถรุ่นที่ 3 เปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2015 และเริ่มการผลิตที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองควาซินี (KVASINY) ในสาธารณรัฐเชคตอนกลางปี หลังจากนั้นจึงขยายการผลิตไปกระทำในสาธารณรัฐประชาชนจีนในอินเดียและในคาซัคสถาน รถรุ่นล่าสุดนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 แต่ต้องรอจนถึงต้นปี 2020 จึงจะเริ่มการจำหน่าย นอกจากการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมายแล้ว สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกันกับการปรับปรุงครั้งนี้ คือ รถโมเดลพิเศษสุด สโกดา ซูเพิร์บ ไอวี (SKODA SUPERB IV) ที่กล่าวได้โดยไม่ต้องกลัวใครโต้แย้ง ว่านี่คือ รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรีแบบแรกในประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นเมื่อปี 1895 ของค่าย สโกดา (SKODA) เป็นระบบขับล้อหน้าแบบไฮบริดที่เคยพบกันมาก่อนแล้วในรถร่วมเครือ คือ โฟล์คสวาเกน พาสสัท จีทีอี (VOLKSWAGEN PASSAT GTE) ระบบนี้ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,395 ซีซี 115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์/116 แรงม้า ได้กำลังสุทธิสูงสุด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ และป้อนพลังไฟฟ้าด้วยแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟเต็มที่แต่ละครั้งและเมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP รถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 55 กม. การชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งติดตั้งใต้พื้นรถหน้าเพลาท้ายและมีเต้าเสียบซ่อนอยู่ตรงแผงกระจังหน้าดังที่เห็นในภาพนี้ ทำได้หลายวิธี และใช้เวลาแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การชาร์จด้วยไฟบ้านธรรมดาๆ ต้องใช้เวลาข้ามคืน แต่การชาร์จด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า WALL BOX ขนาด 3.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที เป็นรถที่เลือกโหมดการขับได้ 3 แบบ คือ SPORT MODE รถจะใช้กำลังสูงสุดทั้งจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ คือ ได้สูงถึง 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า E-MODE รถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียว และจะมีการสร้างเสียงเครื่องยนต์เทียม ด้วยอุปกรณ์ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า E-NOISE SOUND GENERATOR เพื่อเป็นการเตือนคนเดินถนน หรือผู้ขี่จักรยาน และ HYBRID MODE จะทำงานในลักษณะไฮบริดที่แท้จริง SKODA SUPERB IV * รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี/ขับล้อหน้า * เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1,395 ซีซี 115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า+มอเตอร์ไฟฟ้า * กำลังสุทธิสูงสุด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ * แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าได้ไกล 55 กม. * เริ่มจำหน่ายในยุโรป ต้นปี 2020