พิเศษ
4 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ปี 2020 แรงยังเหลือ ลุยข้ามปี ขุนพลจอมพลัง
แม้ดูเหมือนว่าช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีจะดูเงียบ แต่ในช่วงปลายปีก็มีรถใหม่เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็ได้คัดสรรมา 4 รุ่น คือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 เอม, เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค, เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350 ดี และโพร์เช คาเยนน์ คูเป
BMW X3 M
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับรถยนต์ในตระกูล บีเอมดับเบิลยู เอม (BMW M) ที่เปิดตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในเซกเมนท์ MID-SIZE SPORTS ACTIVITY VEHICLE (SAV) ควบด้วย บีเอมดับเบิลยู เอม ใน เอกซ์ 3 เอม เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 480 แรงม้า ที่ 6,250 รตน. แรงบิดสูงสุด 61.2 กก.-ม. หรือ 600 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600-5,600 รตน. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ M STEPTRONIC ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M XDRIVE ตัวเลขจากโรงงาน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกลอคเอาไว้ที่ 250 กม./ชม. ระบบเฟืองท้าย M SPORT ช่วงล่าง ADAPTIVE ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ CRUISE CONTROL พร้อมฟังค์ชันชะลอความเร็ว BRAKING FUNCTION ระบบช่วยการขับขี่ DRIVING ASSISTANT ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และคนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติขณะถอยจอด ระบบเตือนป้ายจราจร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M XDRIVE ระบบท่อไอเสีย M SPORT หน้าจอแสดง ข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า HEAD-UP DISPLAY ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ PARKING ASSISTANT รุ่น PLUS ระบบไฟหน้าอแดพทีฟแอลอีดี ปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี หลังคากระจกพาโนรามิค ซันรูฟ เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า POWER TAILGATE ฝาท้ายเปิด/ปิดโดยไม่ต้องใช้มือ HANDS-FREE TAILGATE ราวหลังคาสีดำเงา ภายในห้องโดยสาร กระจกมองข้าง และกระจกมองหลัง ปรับลดแสงอัตโนมัติ คอนโซลหน้าบุด้วยหนัง SENSATEC วัสดุตกแต่งอลูมิเนียมลายคาร์บอนพร้อมแถบโครเมียม ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร AMBIENT LIGHT มาตรวัดแบบ FULL DIGITAL ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย WIRELESS CHARGING ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3-ZONES ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมแผงควบคุมแยกส่วน พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังดีไซจ์น M SPORT เข็มขัดนิรภัยดีไซจ์น M เบาะนั่งคู่หน้าแบบ M SPORT ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังด้วยไฟฟ้า LUMBAR SUPPORT เบาะนั่งคนขับ มีระบบบันทึกความจำ MEMORY SEAT ฟังค์ชันช่วยการจัดเก็บสัมภาระ STORAGE COMPARTMENT ระบบความบันเทิง วิทยุ AM/FM รุ่น PRO FESSIONAL หน้าจอกลางระบบสัมผัสทัชสกรีน ขนาด 10.25 นิ้ว เครื่องเล่น CD/DVD ระบบ CONNECTED DRIVE ระบบแสดงข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ บริการติดต่อผู้ช่วยส่วนตัว CONCIERGE SERVICE ระบบ REMOTE SERVICE ระบบ TELESERVICE ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน INTELLIGENT EMERGENCY CALL ฟังค์ชันสั่งงานระบบ IDRIVE ด้วยการเคลื่อนไหวมือ GESTURE CONTROL และระบบเสียงรอบทิศทางจาก HARMAN KARDON ระบบความปลอดภัย ได้แก่ ระบบเบรค ABS/EBD/BA ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ DSC ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน DTC ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรคขณะเข้าโค้ง CBC ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTIVENESS ASSISTANT ระบบเตือนการเชค ระยะเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ไฟเบรคกะพริบฉุกเฉิน DYNAMIC BRAKING LIGHTS ระบบเบรคมือไฟฟ้า พร้อมฟังค์ชัน HOLD ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง SIDE IMPACT PROTECTION ระบบ ACTIVE PROTECTION ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า/ด้านหลัง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 เอม (นำเข้า) ราคา 7,699,000 บาท มาพร้อม แพคเกจ BSI STANDARD ประกอบด้วย การบริการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เช่นเคย ลูกค้าสามารถซื้อแพคเกจเพิ่มเติมได้ BSI PLUS เพิ่ม 40,000 บาท/WARRANTY PLUS เพิ่ม 50,000 บาท และ BSI ULTIMATE เพิ่ม 90,000 บาทRANGE ROVER EVOQUE
เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ใหม่ เปลี่ยนตัวเองจากครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีสุดหรูสำหรับคนเมืองแบบดั้งเดิม ให้เหมาะสมกับงานลุย และออกแบบให้สามารถใช้สมรรถนะ และความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ แต่ยังคงความเรียบหรู ดีไซจ์นอันเป็นที่จดจำในเวลาอันรวดเร็วของรุ่นแรก เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค รุ่นใหม่นี้ โครงร่างที่คล้ายรถคูเป ซึ่งมีแบบฉบับมาจากเส้นหลังคาที่เป็นเอกลักษณ์ และบั้นท้ายที่กระดกขึ้น ซึ่งบ่งบอกความเป็นตัวตนของ เรนจ์ โรเวอร์ ได้เป็นอย่างดี ไฟหน้าเมทริกซ์ แอลอีดี สุดบางเฉียบ ทำให้เกิดภาพกราฟิคจากไฟด้านหน้า และไฟท้ายที่ดูมีระดับ มือจับประตูแบบฟลัช ช่วยเพิ่มความสวยงามเรียบเนียน ไฟเลี้ยวแสดงออกถึงความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในมีลายเส้นที่ดูหรูหรา แต่คงไว้ซึ่งความเรียบง่าย ระบบหน้าจอสัมผัส TOUCH PRO DUO ที่มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ตัวใหม่ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม และการปรับประจุในอากาศของห้องโดยสารที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิม พื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิม ฐานล้อที่ยาวขึ้น ทำให้มีพื้นที่เบาะหลังเพิ่มขึ้น 20 มม. มีช่องเก็บของเพิ่มขึ้น กว้างกว่าเดิม และช่องใส่ของตรงกลางที่ปัจจุบันสามารถใส่แทบเลท กระเป๋าถือ และขวดได้อย่างสบาย มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 10 % (591 ลิตร) และกว้างขึ้น สามารถบรรทุกเรือท้องแบนแบบพับ หรือชุดไม้กอล์ฟ ด้วยพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 1,383 ลิตร เมื่อพับที่นั่งแถวที่ 2 ที่มีความยืดหยุ่น 40:20:40 เครื่องยนต์ดีเซล INGENIUM ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 180 แรงม้า และรุ่นระบบไฟฟ้าไฮบริดแบบพลัก-อิน (PHEV) ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมกับ ACTIVE DRIVELINE รุ่นที่ 2 ที่มี DRIVELINE DISCONNECT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ADAPTIVE DYNAMICS เพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย และความคล่องตัวไปพร้อมกัน TERRAIN RESPONSE 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีครั้งแรกใน เรนจ์ โรเวอร์ ทำงานโดยตรวจจับพื้นผิวการขับขี่โดยอัตโนมัติ และปรับการตั้งค่าไปตามสภาพพื้นผิวที่ตรวจจับได้ ปัจจุบัน เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ใหม่ สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 600 มม. (ก่อนหน้านี้ 500 มม.) เบาะนั่งคนขับที่เป็นจุดเด่นของ เรนจ์ โรเวอร์ ได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทอลด้วย “กระจกมองหลัง CLEAR SIGHT” รายแรกของรุ่นที่เปลี่ยนเป็นหน้าจอวีดีโอระดับ HD หากการมองภาพด้านหลังถูกรบกวนจากผู้โดยสาร หรือสิ่งของขนาดใหญ่ คนขับก็เพียงแค่หมุนสวิทช์ที่ด้านล่างของกระจก จากนั้นฟีดกล้องที่ด้านบนของตัวรถจะแสดงภาพสิ่งที่อยู่ด้านหลังรถ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค รุ่นใหม่นี้ เป็นรถรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี GROUND VIEW ซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการแสดงภาพจากกล้องขึ้นบนหน้าจอสัมผัสด้านบน เพื่อให้คนขับได้มองเห็นภาพด้านล่างของหน้ารถแบบ 180 องศา ซึ่งถือว่ามีประโยชน์เวลาจอดรถในที่ๆ มีพื้นที่น้อย เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ราคาเริ่มต้น 3,999,000 บาท ในรุ่น เอสอี และเพิ่มอีก 5 แสนบาทในรุ่น อาร์-ไดนามิคMERCEDES-BENZ GLS 350 D 4MATIC AMG PREMIUM
เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350 ดี 4 เมทิค เอเอมจี พรีเมียม ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีหรู แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมขุมพลังดีเซล โดดเด่นในเรื่องความหรูหรา สง่างาม ที่มาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด และความสะดวกสบาย เช่นเดียวกับรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ในตระกูล เอส-คลาสส์ ดีไซจ์นภายนอก มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีไฟหน้าแบบมัลทิบีม แอลอีดี พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE HIGHBEAM มาพร้อมกับไฟท้ายแบบแอลอีดี และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ดีไซจ์น สปอร์ทจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ 21 นิ้ว เพิ่มความสะดวกด้วยบันไดแบบอลูมิเนียมสำหรับเข้า/ออกห้องโดยสาร ที่มาพร้อมปุ่มยางกันลื่น นอกจากนี้ ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ที่เลื่อนเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้กว้างขวาง โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 ท่าน ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่นั่งแถวที่ 2 โดยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ และยังสามารถเลื่อนปรับเบาะให้ถอยหลังไปได้อีก 10 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางขา พนักพิงสามารถปรับเอนได้มากขึ้นกว่าเดิม และยังมาพร้อมกับระบบ EASY-ENTRY ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งแถวที่ 3 โดยเบาะและพนักพิงของที่นั่งแถวที่ 2 จะถูกพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถเข้าสู่แถวที่ 3 ได้อย่างสะดวก และง่ายดาย ส่วนเบาะที่นั่งแถวที่ 3 เป็นแบบเต็มตัว (FULL SIZE) สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูงได้ถึง 194 ซม. นอกจากนี้ เบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ยังสามารถพับเก็บ หรือปรับแต่งได้อย่างอิสระ เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยหากพับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ให้แบนราบทั้งหมด จะสามารถเพิ่มความจุสำหรับเก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 2,400 ลิตร อีกทั้งยังได้เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร THERMOTRONIC เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ระบบมัลทิมีเดีย MBUX (MERCEDES-BENZ USER EXPERIENCE) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ DIGITAL WIDESCREEN COCKPIT จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอ รวมถึงระบบแผนที่นำทาง ที่มีความแม่นยำสูง โดยผู้ขับขี่สามารถป้อนข้อมูลด้วยการสัมผัส หรือระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบเสียงรอบทิศทาง BURMESTER ฟังค์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ IOS และ ANDROID (APPLE CAR PLAY & ANDROID AUTO) ปลอดภัยไปอีกขั้นกับระบบ REMOTE DOOR LOCK/UNLOCK ที่สามารถลอครถได้จากทุกที่ทั่วโลก ไร้ความกังวลเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจได้ว่ารถยนต์จะอยู่ในการควบคุมตลอดเวลา เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางกับความสบายในแบบที่ควบคุมได้ ด้วยระบบ REMOTE ENGINE START ช่วยสตาร์ทพร้อมเปิดระบบปรับอากาศ และออกเดินทางไปกับความเย็นสบาย ในแบบที่ควบคุมได้เอง และในวันที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ ก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งที่จอดรถอีกต่อไป ด้วยระบบ PARKED VEHICLE LOCATOR ที่ช่วยแสดงตำแหน่งของรถยนต์ภายในรัศมี 1.5 กม. เพื่อค้นหารถยนต์ที่จอดไว้ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึง VEHICLE TRACKER ระบบที่ติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน GPS และยังมีระบบ GEOFENCING ฟังค์ชันที่ช่วยจำกัดพื้นที่การขับขี่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์จะปลอดภัย และอยู่ในการควบคุม เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 286 แรงม้า นอกจากนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350 ดี 4 เมทิค เอเอมจี พรีเมียม ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ซึ่งถูกคิดค้น และพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด นุ่มนวลที่สุด และช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยสามารถลดการใช้น้ำมันลงได้ถึง 6.5 % อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 227 กม./ชม. เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350 ดี 4 เมทิค เอเอมจี พรีเมียม มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (BLIND SPOT ASSIST) ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์ที่อยู่ในจุดอับสายตา ในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร และเมื่อผู้ขับขี่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ระบบจะทำงานต่อเนื่องไปอีก 3 นาทีหลังจากดับเครื่องยนต์ไปแล้ว เพราะฉะนั้นหากมีการเปิดประตูรถด้านที่มีรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาในจุดอับสายตา ผู้ขับขี่จะยังคงได้รับการเตือนจากระบบนี้ ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (ACTIVE LANE KEEPING ASSIST) ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (ACTIVE DISTANCE ASSIST DISTRONIC) ระบบกันช่วงล่าง AIRMATIC ที่สามารถตอบสนองต่อความเร็ว สภาพถนน และลักษณะการขับขี่ และปรับตัวรถได้อัตโนมัติ รวมถึงระบบช่วยเบรคแบบแอคทีฟ (ACTIVE BRAKE ASSIST) ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (CROSSWIND ASSIST) พโรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (ELECTRONIC STABILITY PROGRAM) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (ACCELERATION SKID CONTROL) ระบบป้องกันล้อลอค ABS (ANTI-LOCK BRAKING SYSTEM) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ELECTRONIC TRACTION SYSTEM 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส 350 ดี 4 เมทิค เอเอมจี พรีเมียม ราคา 8,859,000 บาทPORSCHE CAYENNE COUPE
โพร์เช คาเยนน์ คูเป สะท้อนเอกลักษณ์อันแตกต่างของตัวถังคูเป โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังคา กระจกบังลมหน้า และเสาเอที่ลาดเอียงกว่า คาเยนน์ รุ่นดั้งเดิม ตำแหน่งของขอบหลังคาที่ลดระดับต่ำลงประมาณ 20 มม. ประตูคู่หลังรูปทรงใหม่ พร้อมซุ้มล้อที่ได้รับการขยายขนาดให้กว้างขึ้นถึง 19 มม. สปอยเลอร์หลังคาปรับระดับอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการติดตั้งใน โพร์เช คาเยนน์ เทอร์โบ สปอร์ทเอสยูวีพลังแรงเป็นครั้งแรก โพร์เช คาเยนน์ คูเป ใหม่ ติดตั้งหลังคาแก้วพาโนรามิคเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้วยพื้นที่กระจกเป็นบริเวณมากกว่า 2.16 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่โปร่งแสงขนาด 0.92 ตารางเมตร ที่มอบสัมผัสอันปลอดโปร่ง โอ่โถง พร้อมม่านปรับบังแสงที่ติดตั้งไว้ด้วยกัน เพื่อปกป้องผู้โดยสารจากความร้อนของแสงอาทิตย์ หรือความหนาวเย็นภายนอกรถ สามารถเลือกติดตั้งหลังคาคาร์บอนเป็นอุปกรณ์พิเศษได้ตามต้องการ ช่วยเสริมบุคลิกภาพของตัวรถให้เทียบเคียงรถสปอร์ทพันธุ์แท้ เฉกเช่น โพร์เช 911 จีที 3 อาร์เอส (911 GT3 RS) หลังคาคาร์บอนสามารถติดตั้งร่วมกับชุดแต่ง LIGHTWEIGHT SPORTS PACKAGES ซึ่งประกอบด้วย อุปกรณ์ที่ให้ความเป็นสปอร์ทรุ่นใหม่ ได้แก่ พวงมาลัย GT DESIGN ขนาด 22 นิ้ว น้ำหนักเบาพิเศษ เบาะนั่งสปอร์ทหุ้มผ้าลายตารางหมากรุกสุดคลาสสิค ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยคาร์บอน และหนังอัลคันทารา พิเศษสุดสำหรับ คาเยนน์ เทอร์โบ คูเป ชุดแต่งดังกล่าวได้เพิ่มเติมระบบระบายไอเสียแบบสปอร์ทเอาไว้ด้วย สะดวกสบายทุกการเดินทางด้วยเบาะสปอร์ท 4 ที่นั่ง พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ทใหม่ ปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง หมอนรองศีรษะรวมเป็นชิ้นเดียวกับพนักพิงหลัง พร้อมปีกเบาะด้านข้างที่ให้การรองรับสรีระอย่างเหมาะสม ผ่อนคลายทุกการเดินทาง ในส่วนของห้องโดยสารตอนหลัง เวอร์ชันคูเปได้รับการติดตั้งเบาะนั่งแบบแยกอิสระเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือสามารถเลือกติดตั้งเบาะหลังแบบ 2+1 ที่นั่ง ระดับความสูงของพื้นห้องโดยสารตอนหลัง ที่วางตัวต่ำลง 30 มม. เมื่อเปรียบเทียบกับ คาเยนน์ ตัวถังปกติ คาเยนน์ คูเป เริ่มด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า เมื่อติดตั้งชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ SPORT CHRONO PACKAGE สปอร์ทเอสยูวีคันล่าสุดนี้ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 6.0 วินาที และจะลดลงเหลือ 5.9 วินาที เมื่อติดตั้งชุดแต่ง LIGHTWEIGHT SPORTS PACKAGES พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 243 กม./ชม. สำหรับรุ่นเรือธง คาเยนน์ เทอร์โบ คูเป มั่นใจในความแรงเต็มพิกัดจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.0 ลิตร วี 8 ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุดกว่า 550 แรงม้า ส่งผลให้ คาเยนน์ เทอร์โบ คูเป มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น พร้อมทะยานผ่านความเร็วสูงสุดที่ 286 กม./ชม. โพร์เช คาเยนน์ คูเป ราคาเริ่มต้นที่ 8.1 ล้านบาท ในรุ่น 340 แรงม้าABOUT THE AUTHOR
ธ
ธนสาร เสาวมล
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2563
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)