10 GADGET ใหม่ใกล้ตัวคุณ

1. APPLE IPHONE 11 PRO/11 PRO MAX ราคาเริ่มต้น 1,049/1,149 ปอนด์ apple.com/uk

หากเปรียบเทียบกับ IPHONE รุ่น XR ปี 2018 IPHONE ใหม่นี้ อัพเกรดขึ้นมาไม่มากนัก จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็น IPHONE รุ่น XSS ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ใช้งานโมเดลเก่ามากๆ และต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ มากกว่าคนที่มีโมเดลรุ่นใหม่ๆ อยู่แล้ว   อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ 11 PRO มีก็นับว่ายอดเยี่ยม มีฟีเจอร์เด่น คือ หน้าจอ และกล้อง หน้าจอ (ขนาด 5.8 นิ้ว ในรุ่น 11 PRO และขนาด 6.5 นิ้ว ในรุ่น 11 PRO MAX) ใช้เทคโนโลยี OLED เหมือนจอทีวี ความสว่างสูงสุด 1,200 NITS ให้ความคมชัดแบบ HDR พร้อมระบบเสียงแบบ DOLBY ATMOS จึงนับเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ดูหนังได้ดีที่สุด   IPHONE รุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกที่มีกล้อง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์มุมกว้าง และ 2X TELEPHOTO (เหมือนรุ่นก่อนหน้า) และเลนส์ ULTRA WIDE (ซูม 0.5X) ซึ่งcม้ระดับความซูมจะไม่เท่ากับที่โทรศัพท์ HUAWEI P30 PRO ทำได้ แต่สิ่งที่ APPLE ให้ความสำคัญคือ คุณภาพของรูปภาพ โดยปรับให้ภาพซูมมีความสว่างมากขึ้น และพัฒนา NIGHT MODE เพื่อใช้สำหรับการถ่ายรูปในที่แสงน้อยมากๆ   ยิ่งกว่านั้น การมีชิพ A13 ยังทำให้ระบบทำงานได้เร็วขึ้น และมีระบบประมวลผลที่จะทำให้ภาพถ่ายงดงามกว่าเดิมด้วย   หมดกังวล สำหรับคนกลัวรู เพราะการออกแบบเลนส์กล้องทั้ง 3 ตัว ดูดีกว่าที่เราคิดเอาไว้ กรอบเลนส์ที่แข็งแกร่งให้อารมณ์เหมือนกล้อง KODAK KEYSTONE 3 เลนส์ มากกว่า   ความเห็น เป็นการอัพเกรดที่ตรงจุด ซึ่งเราเชื่อว่า บรรดาผู้ชอบถ่ายภาพจะต้องตกหลุมรักแน่นอน    

ความไม่เรียบของหน้าจอ

แม้ว่าโทรศัพท์รุ่นอื่นจะกำจัดปุ่มกดออกไปได้ แต่ด้านบนหน้าจอของ IPHONE 11 ยังมีความไม่เรียบนิดหน่อย ตรงจุดที่ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง FACE ID และกล้องเซลฟีที่พัฒนาให้มีความคมชัด 12MP พร้อมวีดีโอ SLO-MO ความคมชัด 4K    

อายุการใช้งานเเบทเตอรี

ด้วยขนาดของแบทเตอรีที่ใหญ่ขึ้น และการจัดการพลังงานภายในที่ดีขึ้น IPHONE 11 PRO สามารถใช้งานใน 1 วันได้นานกว่ารุ่น XS 4 ชั่วโมง และรุ่น PRO MAX สามารถใช้งานได้นานกว่ารุ่น XS ถึง 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากทีเดียว

สร้างหนังได้เลย

คุณสามารถถ่ายวีดีโอด้วยความคมชัดระดับ 4K ได้อย่างดีที่สุด เนื่องจากมีระบบ CINEMATIC VIDEO STABILISATION เพื่อความเสถียรของภาพ ทำให้ได้วีดีโอเดโมที่น่าประทับใจ และยังสามารถสลับใช้งานเลนส์ทั้งสามได้อย่างไร้รอยต่อ    

2. APPLE IPHONE 11 ราคาเริ่มต้น 749 ปอนด์ apple.com

หากคุณชื่นชอบ IPHONE รุ่นใหม่ แต่ไม่อยากจ่ายในราคาแพง แนะนำให้เลือก IPHONE 11 รุ่นสแตนดาร์ด ที่เปิดตัวพร้อมกัน ซึ่งมีราคาถูกกว่ารุ่น PRO มาก โดยไม่ได้ตัดฟีเจอร์ออกไปมากนัก คุณจะได้หน้าจอ RETINA ที่สว่างสดใส แทนหน้าจอ OLED และขนาด 6.1 นิ้ว ก็กำลังดี ด้านในโทรศัพท์ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ชิพ A13 เช่นเดียวกัน ทำให้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว หากเทียบกับรุ่น XR ได้เลนส์ ULTRA WIDE รวมถึงเลนส์ไวด์ธรรมดา พร้อม NIGHT MODE ด้วย แต่จะไม่ได้เลนส์ซูมเหมือนกับรุ่น PRO ซึ่งสำหรับคนทั่วไป เป็นโทรศัพท์ที่ดีเพียงพอแล้ว แถมมีหลายสีให้เลือก และราคาจับต้องได้ ความเห็น รุ่นนี้จะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน เนื่องจากมีฟีเจอร์ และราคาที่น่าสนใจ    

3. APPLE WATCH SERIES 5 ราคาเริ่มต้น 399 ปอนด์ apple.com

APPLE WATCH รุ่นที่ 5 มาพร้อมกับสิ่งที่เราต้องการให้มีตั้งแต่เวอร์ชันก่อน นั่นคือ หน้าจอที่แสดงอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องหมุนข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา และปล่อยแขนลงให้หน้าจอดับ จึงใช้สะดวกในเวลาต้องการดูสถิติการออกกำลังกาย แต่ไม่สามารถขยับข้อมือให้ถูกตำแหน่งได้ หน้าจอสามารถเปลี่ยนได้ตามใจ แต่มีข้อเสีย คือ คนอื่นๆ ก็จะเห็นจอนาฬิกาเช่นกัน การที่หน้าจอติดตลอดเวลานั้น ไม่มีผลกับอายุการใช้งานของแบทเตอรี เนื่องจากหน้าจอใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเเสดงผลโดยใช้พลังงานเพียง 1 FPS แถมมีระบบเข็มทิศ ทำให้ใช้แผนที่ได้เป็นประโยชน์มากขึ้น ระบบ INTERNATIONAL EMERGENCY CALLING ใหม่ ทำให้สามารถโทรออกด้วยนาฬิกาได้ใน 150 ประเทศทั่วโลก หากเป็นรุ่นที่มีเซลลูลาร์ และมีรุ่นตัวเรือนไททาเนียมด้วย ความเห็น หน้าจอใหม่ แสดงผลตลอดเวลา พร้อมฟีเจอร์มากมายด้านใน    

4. SONOS MOVE ราคา 399 ปอนด์ sonos.com

MOVE ประกอบด้วยฟีเจอร์มากมาย ซึ่งเหมาะกับการใช้งานทั้งใน และนอกอาคาร โดย TRUE PLAY ใน SONOS จะปรับแต่งเสียงโดยอัตโนมัติได้ดีกว่าลำโพงแบบอื่นๆ คุณจึงเพลิดเพลินกับการฟังเพลงได้ไม่ว่าจะวางมันไว้ที่ไหน ตัวลำโพงรองรับระบบสั่งการด้วยเสียงจาก GOOGLE ASSISTANT และ AMAZON ALEXA มีระบบป้องกันทุกสภาพอากาศอย่าง IP56 เล่นต่อเนื่องได้นาน 10 ชั่วโมง/การชาร์จ 1 ครั้ง จึงสามารถพกพาออกจากบ้านได้ และยังสามารถชาร์จไฟแบบไร้สายได้ด้วย MOVE มีเทคโนโลยี MULTI-ROOM ทำงานแบบไร้สายในระยะไกล พร้อมระบบบลูทูธ ความเห็น ลำโพงเเบบพกพารุ่นเเรกของ SONOS ที่ทุกคนรอคอย    

5. SONY A6600 ราคา 1,449 ปอนด์ (เฉพาะตัวบอดี) sony.co.uk

กล้อง MIRRORLESS APS-C รุ่นล่าสุดจาก SONY เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างโหดหิน มาพร้อมแบทเตอรีที่ทรงพลังเหมือนแบบที่ใช้งานในกล้อง FULL FRAME เช่นเดียวกัน ตัวกล้องกันฝุ่น และความชื้น เนื่องจากวัสดุเป็นแมกนีเซียมอัลลอย และเพื่อให้คุณได้ภาพถ่ายที่มีความเสถียร จึงมีการติดตั้งระบบรักษาความเสถียรเหมือนรุ่น A6500 หน้าจอแสดงผล LCD 921 K-DOT ทำให้คุณสามารถดูภาพที่ถ่ายไปได้ทุกมุม และยังมี EVF ออโทโฟคัส ความเร็ว 0.02 วินาที ที่เลนส์ 24 ล้านพิกเซล เพื่อให้ถ่ายภาพได้รวดเร็ว ไม่พลาดแม้แต่ชอทเดียว ความเห็น รวดเร็ว ใช้งานได้นาน สามารถถ่ายเซลฟี และอัด VLOG ได้ เรียกว่า ครบ จบในเครื่องเดียว    

6. ALIENWARE AURORA R9 ราคาเริ่มต้น 969 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 803 ปอนด์) dell.com

รูปลักษณ์ และสีสันสุดไซ-ไฟ บวกกับขนาดที่เล็ก และบางกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก ทำให้เราทึ่งที่ DELL สามารถสร้าง AURORA R9 ให้เจ๋งขนาดนี้ได้ โดยรุ่นเล็กที่สุดประกอบด้วย INTEL CORE I5 PROCESSOR เเละกราฟิคคาร์ด NVIDIA GEFORCE GTX 1650 และมันสามารถทรงพลังได้มากกว่านี้ หากมี INTEL CORE I9-9900K PROCESSOR และกราฟิคคาร์ด NVIDIA GEFORCE RTX และ 2080 SUPER พร้อม RAM ขนาดมากถึง 64GB นอกจากนี้ DELL ยังเพิ่มความสามารถใช้การระบายอากาศทำให้อุณหภูมิตัวเครื่องลดลงถึง 8 % เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ความเห็น พีซีสำหรับเล่นเกมรุ่นล่าสุดจาก DELL จัดว่าล้ำสมัยที่สุดเเล้วตอนนี้    

7. BANG & OLUFSEN BEOSOUND STAGE ราคา 1,250/1,900 ปอนด์ bang-olufsen.com

ออกแบบร่วมกับ NORM สตูดิโอของสถาปนิกสัญชาติเดนมาร์ค มีให้เลือก 3 แบบ คือ ALUMINIUM BRONZE TONE (ราคา 1,250 ปอนด์ ทั้ง 2 รุ่น) และ SMOKED OAK (ราคา 1,900 ปอนด์) ซาวน์ดบาร์ BEOSOUND STAGE มีเสียงที่ไพเราะ และมีขนาดผอมบาง สามารถตั้งไว้หน้าทีวี หรือติดตั้งบนผนังได้ ส่วนเสียงที่ออกมาก็ดีไม่แพ้รูปลักษณ์ของมัน เป็นลำโพงขนาด 550 วัตต์ โหมดฟังเพลงพรีเซทได้ 5 โหมด รองรับ 4K HDR TONE TOUCH EQUALIZER และ DOLBY ATMOS รวมถึงมีบิลท์-อินบลูทูธ 4.2 CHOMECAST และ APPLE AIR PLAY 2 แม้ว่าจะเป็นซาวน์ดบาร์ที่มาช้าไปสักหน่อย แต่แน่นอนว่าอัดแน่นไปด้วยความสามารถที่น่าประทับใจ ความเห็น แม้จะแพง แต่มีความสามารถที่คุ้มค่า    

8. PHILIPS OLED+934/OLED+984 OLED+934 ราคาเริ่มต้น 2,200 ปอนด์/OLED+984 ราคา 4,500 ปอนด์ philips.co.uk

เมื่อหน้าร้อนที่แล้ว PHILIPS เซอร์พไรส์เราด้วยการเปิดตัวทีวี 65 นิ้ว (OLED 903) สุดพรีเมียม ที่มีลำโพง BOWERS & WILKINS บิลท์-อิน 1 ปีผ่านไป PHILIPS เปิดตัวทีวีอีก 2 รุ่น พร้อมเทคโนโลยี B&W รุ่น OLED+934 เป็นสเปค 2.1.2 พร้อมระบบเสียง DOLBY ATMOS (หน้าจอขนาด 55 เเละ 65 นิ้ว) ที่น่าจะถูกใจคนทั่วไป และรุ่นทอพอย่าง OLED+984 (ขนาด 65 นิ้ว เท่านั้น) ที่จะเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ PHILIPS กล่าวว่า รุ่น OLED+984 เป็นทีวีที่มีระบบเสียงดีที่สุด มาพร้อมกับซาวน์ดบาร์ เเละทวีเตอร์ เพื่อขับเสียงย่านความถี่สูง ขอให้เราได้ทดลองใช้ก่อน และจะมารีวิวให้อ่านกันแน่นอน ความเห็น เสียงประทับใจ บวกกับภาพคุณภาพสูง ทำให้ OLED เป็นสุดยอดแห่งทีวี    

9. FITBIT VERSA 2 ราคาเริ่มต้น 199.99 ปอนด์ fitbit.com

หลังเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ VERSA มาเพียง 18 เดือน FITBIT ก็เปิดตัวรุ่นที่ 2 ซึ่งรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง ALEXA ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพอากาศ ตั้งค่าการแจ้งเตือน เชครอบภาพยนตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย มี 2 ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยการนอนหลับ คือ SLEEP SCORE ช่วยคำนวณเวลานอนหลับของคุณในเวลากลางคืน และ SMART ALARMS จะปลุกคุณในเวลาเหมาะสม แบทเตอรีใช้งานได้นาน 4-5 วัน มีหน้าจอ AMOLED และปุ่มตั้งค่ารูปทรงยาว ในราคาที่น้อยกว่า 200 ปอนด์ ความเห็น สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดจาก FITBIT ที่จะทำให้การออกกำลังกาย และการนอนหลับของคุณดียิ่งขึ้น ในราคาที่สมเหตุผล    

10. SNAP SPECTACLES 3 ราคา 330 ปอนด์ spectacles.com

กล้องแว่นตาชิ้นแรกจาก SNAP ที่เปิดตัวในปี 2017 นับเป็นหายนะครั้งใหญ่ เพราะทำให้บริษัทสูญเสียเงินไปถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รุ่นที่ 2 เปิดตัวในปีถัดมา ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าที่ควร แต่สำหรับ SPECTACLES รุ่น 3 ที่มาพร้อมกับกล้อง 2 ตัวในแว่นดีไซจ์นสเตนเลสส์สตีลแนวๆ แถมยังติดตั้งเอฟเฟคท์ AR ลงในแอพพลิเคชัน ทำให้สามารถเพิ่มพื้นหลัง และอีโมจิลงไปในวีดีโอได้ด้วย แต่กล้องแว่นตารุ่นนี้ สามารถทำยอดในตลาดได้หรือไม่ เวลาจะเป็นตัวตัดสิน ความเห็น รูปลักษณ์ดูมีสไตล์กว่ารุ่นก่อน มีการเพิ่ม 3D และ AR เข้ามาเพื่อเสริมความสนุก