ในอดีตซึ่งไม่ได้เนิ่นนานจนภาพในความทรงจำเลอะเลือน เมื่อพูดถึงรถสปอร์ทสายพันธุ์อิตาลี คนรักรถสปอร์ททั่วโลกจะนึกถึงรถ 3 ยี่ห้อ คือ FERRARI (แฟร์รารี) เจ้าของสัญลักษณ์ “ม้าลำพอง” LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) เจ้าของโลโก “กระทิงดุ” และ MASERATI (มาเซราตี) เจ้าของเครื่องหมายการค้า “ตรีศูล” หรือ “สามง่าม” ทั้งหมดเป็นชื่อที่ลงท้ายด้วยตัว I อย่างไรก็ตาม หลังจากยุคของรถสปอร์ท MASERATI MC12 (มาเซราตี เอมซี 12) ซึ่งเริ่มผลิตเมื่อปี 2004 และเป็นรถสปอร์ท “ซูเพอร์คาร์” ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาอีกทอดหนึ่งจากรถสปอร์ทยอดดัง FERRARI ENZO (แฟร์รารี เอนโซ) สิ้นสุดลง ผู้คนก็แทบจะลืมกันไปเลยว่าค่าย ”สามง่าม”ก็ เคยทำรถสปอร์ทระดับ ”ซูเพอร์คาร์”จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 9 กันยายน 2020 วันที่รถติดป้ายชื่อ MASERATI MC20 (มาเซราตี เอมซี 20) ปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ ”ครั้งแรกในโลก” ในงานเปิดตัวซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษที่เมือง MODENA (โมเดนา) อิตาลี อันเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และโรงงานของค่ายนี้ ความทรงจำเก่าๆ จึงหวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นรถสปอร์ทระดับ ”ซูเพอร์คาร์” ที่ใช้เวลาเพียง 24 เดือนในการออกแบบพัฒนา และนับเป็นรถแบบแรกในช่วงเวลา 15 ปี ที่ค่ายนี้ทำขึ้นเองตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ จากค่าย ”ม้าลำพอง” ซึ่งเคยเป็นเจ้าของกิจการของค่ายนี้ยาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ ก่อนขายกิจการทั้งหมดกลับคืนให้แก่ยักษ์ใหญ่ FIAT GROUP (เฟียต กรุพ) เมื่อปี 2005 ผู้นำในการออกแบบ คือ KLAUS BUSSE (เคลาส์ บุสเซ) นักออกแบบเลือดเยอรมันวัย 51 ปี และเป็นการออกแบบเพื่อให้สามารถเป็นได้ทั้งรถคูเป และรถเปิดประทุน เป็นได้ทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกนี้จะมีแต่รถคูเป 2 ที่นั่ง ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน และติดป้ายราคาซึ่งจะเริ่มต้นที่ระดับ 7.50 ล้านบาทไทย ที่จะติดตามมาในปี 2021 คือ รถเปิดประทุนติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดิม ส่วนรถพลังไฟฟ้าต้องรอจนถึงปี 2022 ค่าย ”สามง่าม” เปิดรับการจองแล้ว และบอกว่าก่อนสิ้นปีหนูทองท้องแห้งนี้จะเริ่มการผลิต โดยใช้สายการผลิตที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในโรงงานเดิมซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง MODENA ตัวถังคูเปประตูปีกผีเสื้อ ยาว 4.669 ม. กว้าง 1.965 ม. สูง 1.221 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำกว่า 0.38 มีชิ้นส่วนหลายชิ้นที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ และวัสดุมวลเบาแต่แข็งแรงอื่นๆ จึงมีน้ำหนักตัวพร้อมขับที่ค่อนข้างเบา คือ เบากว่า 1,500 ม. เนื่องจากเป้าหมายสำคัญในการออกแบบ และพัฒนารถแบบนี้ คือ สมรรถนะการขับขี่อันเยี่ยมยอด และประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์แบบสุดๆ การทดสอบในอุโมงค์ลมจึงต้องกระทำอย่างเข้มข้น มีการจำลองสถานการณ์มากกว่า 1,000 แบบ กับใช้แรงงาน และเวลาในการทดสอบมากกว่า 2,200 คนชั่วโมง มีการออกแบบ และปรับแต่งมากมายในส่วนล่างของตัวถัง และส่วนที่อยู่ใต้พื้นรถ เพื่อนำกระแสอากาศให้ไหลหลีกล้อรถ และก่อให้เกิดแรงกดลงสู่พื้นถนน อุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ที่มองเห็นได้ชัดมีเพียงชิ้นเดียว คือ สปอยเลอร์ขนาดเล็กที่ท้ายรถ ซึ่งช่วยเพิ่มแรงกดได้ถึง 100 กม. เมื่อวิ่งเร็ว 240 กม./ชม. เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังของเครื่องยนต์ที่ค่ายนี้เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่ และตั้งชื่อว่า NETTUNO (เนตตูโน) หรือ NEPTUNE (เนพทูน) ซึ่งเป็นเทพโรมันผู้ถือสามง่ามเป็นอาวุธ เป็นเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 90 องศา 3,000 ซีซี วางกลางลำ ซึ่งให้กำลังสูงสุด 463 กิโลวัตต์/630 แรงม้า ที่ 7,500 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 730 นิวตัน-เมตร/74.5 กก.-ม. ที่ 3,000-5,500 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อคู่หลังเป็นเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ มีโหมดการขับให้เลือก 5 โหมด คือ GT-WET-SPORT-CORSA-ESC OFF โหมดสุดท้ายนี้จะตัดการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวทั้งหมด สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาไม่ถึง 2.9 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ใช้เวลาไม่ถึง 8.8 วินาที การห้ามล้อ 100-0 กม./ชม. ใช้ระยะสั้นกว่า 33 เมตร ความเร็วสูงสุดก็ไม่ระบุตัวเลขชัดเจน บอกเพียงว่าสูงกว่า 325 กม./ชม. เนื่องจากใช้ชื่อรุ่น MC (ย่อจาก MASERATI CORSE) ซึ่งหมายถึง การแข่งของ MASERATI จึงคาดหมายกันว่าค่าย ”สามง่าม” จะหวนคืนสู่สนามแข่งรถอีกครั้งหนึ่ง โดยมีรถรุ่นนี้เป็นพื้นฐาน ส่วน 20 หมายถึง ปี 2020 MASERATI MC20