เจาะลึกรถใหม่ formula
MITSUBISHI OUTLANDER PHEV นุ่มสบาย ควบคุมง่ายๆ ปลอดภัยจริง
ครอสส์โอเวอร์เสียบปลั๊กโฉมใหม่ เครื่องปั่นไฟของนักเดินทาง ขับได้ใกล้เคียงของเดิม ช่วงล่างเน้นความนุ่มนวล เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 128 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 82 แรงม้า ที่ล้อคู่หน้า และ 95 แรงม้า ที่ล้อคู่หลัง กำลังโดยรวม 305 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWCMITSUBISHI OUTLANDER PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) พลัก-อิน ไฮบริด ใหม่ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี อเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง แบบพลัก-อิน ไฮบริด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ภายนอกสะดุดตากับตัวอักษร OUTLANDER ที่ขอบฝากระโปรงหน้า ไฟหน้าเฉี่ยวแบบ LED ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมไฟหรี่แบบ LED, กระจังหน้าแบบไดนามิค ชีลด์ เสริมด้วยการ์ดกันชนหน้าสีดำเงา ตัดเส้นสายขอบคิ้วโครเมียม บริเวณกันชนหน้าได้รับการติดตั้งเซน เซอร์ 4 จุด พร้อมด้วยไฟตัดหมอกหน้า ชายประตู ทั้ง 4 บานเสริมด้วยขอบคิ้วโครเมียม ด้านซ้ายของตัวรถติดตั้งช่องเติมน้ำมัน ด้านขวาเป็นช่องเสียบชาร์จไฟแบบ 2 หัว คือ หัวชาร์จแบบ TYPE 1/ช่องชาร์จไฟแบบ BI-DIRECTIONAL CHARGER ไฟท้ายขนาดใหญ่ แบบ LED เสริมหล่อด้วยสปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED และเสาอากาศแบบครีบฉลาม ภายในใช้โทนสีดำเป็นหลักตัดกับคิ้วโครเมียม คอนโซลหน้า และแผงแดชบอร์ดใช้วัสดุซอฟท์ทัชแต่ดีไซจ์นดูเรียบ พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน มีฟังค์ชันการใช้งานครบครัน พร้อม PADDLE SHIFT ที่ด้านหลังพวงมาลัย มาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ชัดเจน คอนโซลเกียร์ ใช้วัสดุแบบ PIANO BLACK ตัดขลิบขอบโครเมียม นอกจากนี้ ยังมีปุ่มเลือกโหมด SAVE CHARGE, โหมด EV ปุ่มเกียร์ P แยกออกมา ส่วนระบบการขับเคลื่อนก็มีให้เลือกใช้งานได้ที่ปุ่ม TWIN MOTOR 4WD โหมดสปอร์ทก็ยังมีให้เลือก ส่วนปุ่มข้างๆ เป็นเบรคมือไฟฟ้า และ AUTO HOLD พร้อมให้กล่องที่เท้าแขน, ที่ห้องโดยสารตอนหน้าเพื่อให้ตัวปรับเลื่อนสายเบลท์ที่ตำแหน่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารมาให้ครบครัน หน้าจอขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย BLUETOOTH, รองรับระบบ APPLE CAR PLAY ด้านล่างมีช่องเสียบไฟ 12 โวลท์ ปุ่มเปิด/ปิดประตูท้ายรถ, ช่องเก็บกุญแจ, ช่องต่ออุปกรณ์ USB 1 จุด, ปุ่มควบคุมการทำงาน BLIND SPOT, ปุ่มควบคุมการจ่ายไฟ AC 1,500 วัตต์ และปุ่ม ECO MODE ห้องโดยสารตอนหลัง กว้างขวาง มีช่องลมแอร์หลังที่เท้าแขน มาพร้อมกับช่องต่ออุปกรณ์ USB 1 จุด, ช่องจ่ายไฟ AC 1,500 วัตต์ แบบปลั๊ก 3 ขา เบาะนั่งแถว 2 นั่งสบายปรับเอนได้ซึ่งมาพร้อมที่เท้าแขนบริเวณตำแหน่งกลางเบาะ และตัวเบาะสามารถปรับพับได้แบนราบ เพิ่มพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 128 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.3 กก.-ม (199 นิวตัน-เมตร) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ด้านหน้ากำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.0 กก.-ม. (137 นิวตัน-เมตร) และด้านหลังกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.9 กก.-ม. (195 นิวตัน-เมตร) แบทเตอรี LITHIUM-ION 300 โวลท์ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง (KWH) กำลังโดยรวม 305 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC (SUPER–ALL WHEEL CONTROL) เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที มีบวก/ลบ และโหมดให้เลือกใช้ทั้ง NORMAL และ SPORT ในโหมด SPORT เน้นอัตราเร่ง และแรงบิดอย่างต่อเนื่อง จากผลทดสอบดาทรอน อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. MITSUBISHI OUTLANDER PHEV ทำได้ภายในเวลา 9.9/17.5 วินาที ส่วนอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ใช้เวลาเพียง 31.2 วินาที เร็วกว่า MITSUBISHI PAJERO SPORT 4WD GT-PREMIUM (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ขับเคลื่อน 4 ล้อ จีที-พรีเมียม) ที่ทำเอาไว้ 12.4/18.7/33.8 วินาที และ MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB GT-PREMIUM AT (มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ จีที-พรีเมียม เกียร์อัตโนมัติ) ที่ทำเอาไว้ 11.2/17.9/32.9 วินาที สมรรถนะช่วงเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 5.4/7.0 วินาที เร็วกว่า PAJERO SPORT 4WD GT-PREMIUM (6.4/8.2 วินาที) และ MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB GT-PREMIUM AT (5.8/7.5 วินาที) อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม./ลิตร หรือ 1.9 ลิตร/100 กม. และไปได้ไกล 55 กม. ด้วยพลังไฟฟ้า 100 % (อ้างอิงผลการทดสอบจาก ECO STICKER) ตามมาตรฐาน NEDC มีอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัม/กม. EV DRIVE MODE ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % สามารถใช้งานได้ถึง 55 กม. ในความเร็วสูงสุดไม่เกิน 135 กม./ชม. SERIES HYBRID MODE ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ เมื่อกำลังไฟฟ้าของแบทเตอรี หรือขึ้นทางลาดชัน PARALLEL HYBRID MODE ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมกำลังไปพร้อมกัน เมื่อขับในความเร็วสูง หรือเร่งแซง นอกจากนี้ ยังมีปุ่มเลือกโหมด SAVE CHARGE ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนไปจนกว่าแบทเตอรีมีประมาณ 80-90 % S-AWC เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อระดับตำนานจาก MITSUBISHI ผสมผสานการทำงานของระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS) ร่วมกันกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC: ACTIVE STABILITY CONTROL) ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และการเบรคระหว่างล้อซ้าย และล้อขวา (AYC: ACTIVE YAW CONTROL) มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า/หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ และยังทำงานร่วมกันกับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยรักษาสมดุลอย่างอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมโหมดให้เลือกใช้งานตามสภาพเส้นทางที่เหมาะสม ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC มีโหมดการขับให้เลือก ประกอบด้วย NORMAL (ระบบกระจายแรงบิดแต่ละล้อตามสภาพถนน) SNOW (ใช้สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวถนนลื่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว) LOCK (ใช้สำหรับการขับขี่ที่ต้องการแรงฉุดลากสูงสุด เหมาะสำหรับการขับขี่บนพื้นผิวถนนขรุขระ หรือขับบนทราย) และ SPORT (เน้นอัตราเร่ง และการแปรผันที่ให้กำลังสูงสุด) ระบบทำงานผสานกับระบบช่วยเหลือต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รถกลับมาอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้ ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) โดยระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็ว และรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด ผลทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. MITSUBISHI OUTLANDER PHEV ระยะเบรค 16.4/29.1/45.6 ม. ตามลําดับ MITSUBISHI OUTLANDER PHEV ออกแบบมาเพื่อรถครอบครัวที่แท้จริง ทั้งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางดูไม่อึดอัด การออกตัวที่ นุ่มนวล ระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ครบครัน การควบคุมผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC ที่ไว้ใจได้ ตอบโจทย์สายท่องเที่ยว MITSUBISHI OUTLANDER PHEV ใหม่ ยังสามารถผลิต และจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ เพื่อใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) 220 โวลท์ MITSUBISHI OUTLANDER PHEV มีให้เลือก 2 รุ่น 3 สี ได้แก่ ขาว, เงิน และดำ ราคาเริ่มต้นที่รุ่น GT 1,640,000 บาท และ GT-PREMIUM 1,749,000 บาท ถือว่ากำลังดี ไม่สูงจนเกินไป ส่วนระยะเวลาการรับประกันแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 10 ปี หรือ 160,000 กม. แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน 0-100 กม./ชม.
- 9.9 วินาที
- 17.5 วินาที ที่ความเร็ว
- 135.3 กม./ชม.
- 31.2 วินาที ที่ความเร็ว
- 170.7 กม./ชม.
- 45.6 ม.
ABOUT THE AUTHOR
ธ
ธนสาร เสาวมล
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2564
คอลัมน์ Online : เจาะลึกรถใหม่ formula