GMC (จีเอมซี) มีเป้าหมายในการผลิต HUMMER EV (ฮัมเมอร์ อีวี) เพื่อเป็นรถเอสยูวีขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่ GMC เคยผลิตออกมา โดยมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ e4WD ที่ไม่เหมือนใคร พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 3 ตัว ที่จะมอบความแรงในระดับซูเพอร์คาร์กันเลยทีเดียว คาดว่าจะออกจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ ตัวรถมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบรถเอสยูวี และรถกระบะ 4 ประตูการออกแบบภายนอกของ HUMMER EV ยังคงมีเค้าโครง และกลิ่นอายของ HUMMER รุ่นเดิมๆ ระยะฐานล้อที่ 3,218 มม. (รุ่นเอสยูวี) และ 3,445 มม. (รุ่นกระบะ) ถือว่าใกล้เคียงกับ HUMMER H2 (ฮัมเมอร์ เอช 2) แต่นำมาปรับโฉมเน้นความทันสมัย โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่ดุดันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าทรงเรียวขนาดใหญ่ พร้อมฝังชื่อ HUMMER ที่สามารถเรืองแสงได้ในยามค่ำคืน รับกับไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบแอลอีดี หลังคาแบบ ที-ทอพ ที่สามารถเปิดออกได้ครบ 4 ที่นั่ง ช่วยเสริมภาพลักษณ์การใช้งานในแนวสมบุกสมบันได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของตัวลุยแบบดั้งเดิม คือ ยางอะไหล่ถูกติดตั้งบริเวณด้านนอกประตูบานท้าย ภายในห้องโดยสารออกแบบได้ล้ำสมัย เน้นเส้นสาย และรูปทรงเหลี่ยม ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญจะถูกแสดงผลบนหน้าจอดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบลอยตัวบริเวณคอนโซลกลางมีขนาด 13.4 นิ้วรองรับการแสดงภาพจากกล้องมองภาพใต้ท้องรถ และรอบคัน 18 ทิศทาง หนึ่งในสิ่งที่สร้างชื่อให้แก่ HUMMER มาแต่ไหนแต่ไร สำหรับ HUMMER EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 3 ตัว สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ความจุของแบทเตอรียังไม่เผยออกมาในตอนนี้ แต่ระบุว่าสามารถรองรับสูงสุดที่ 800 วัตต์ แบทเตอรี 20 โมดูล ติดตั้งใต้พื้นห้องโดยสาร วางเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น เบื้องต้นผู้ผลิตคาดหมายว่าจะมีพละกำลังสูงสุดในระดับ 830 แรงม้า (ในรุ่นเอสยูวี) และอาจมากถึง 1,000 แรงม้า (ในรุ่นกระบะ) พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 1,590.4 กก.-ม. ! การใช้งานพละกำลังมหาศาลสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ คือ หนึ่งในจุดเด่นของรถไฟฟ้า ในแง่ของการออกตัวบนทางเรียบ มีโหมด WATTS TO FREEDOM ระบบจะลดความสูงตัวรถลงมา พร้อมระบบช่วยออกตัว สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ! นับเป็นสิ่งที่ HUMMER เครื่องยนต์สันดาปไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน ขณะที่ระยะทำการเมื่อชาร์จแบทเตอรีเต็ม GMC ระบุในเบื้องต้นว่า จะมากกว่า 480 กม. (หรือ 300 ไมล์) แน่นอนว่าสิ่งสำคัญของชื่อชั้น HUMMER คือ ประสิทธิภาพการลุยทางสมบุกสมบัน โดย HUMMER EV ยังมี EXTRACT MODE ระบบจะยกความสูงของตัวรถสูงสุด พร้อมกล้องมองภาพใต้ท้องรถ และรอบคัน สามารถลุยทางสมบุกสมบันได้ดียิ่งขึ้น ห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีความทันสมัย คอนโซลเกียร์ทรงหนา แต่ไม่กินเนื้อที่มากเหมือนกับรุ่นดั้งเดิม แผงมาตรวัดแบบดิจิทอล แสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงองศาของตัวรถ ขณะแล่นบนทางสมบุกสมบัน และการส่งกำลัง/แรงบิดของล้อแต่ละตำแหน่ง จอภาพสำหรับระบบความบันเทิง และการใช้งานต่างๆ บนคอนโซลกลางมีขนาดใหญ่ วัสดุที่ตกแต่งมีความหรูหรา ผสมกับเอกลักษณ์ดั้งเดิม รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย ภายใต้โหมด SUPER CRUISE ตัวรถสามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองเป็นระยะทางไกล HUMMER EV มีพละกำลังถึง 830 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลขนาด 128.1 กก.-ม. สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ถือว่าเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกของ GMC ที่ใช้แบทเตอรีแบบ ULTIUM DRIVE แบบใหม่ ซึ่งผลิตจากนิคเคิล โคบอลท์ แมงกานีส และอลูมิเนียม โดยเน้นการใช้ปริมาณธาตุโคบอลท์ที่น้อยกว่าเดิม เนื่องจากเป็นวัสดุที่หายาก และมีราคาแพง สามารถรองรับสูงสุดที่ 800 วัตต์ แบทเตอรี 20 โมดูล ติดตั้งใต้พื้นห้องโดยสาร วางเรียงซ้อนกัน 2 ชั้น ทำให้การชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางไกลราว 560 กม. ระบบชาร์จเร็ว 800-VOLT DC PUBLIC FAST-CHARGING ใช้เวลาชาร์จแค่ 10 นาที สามารถใช้งานต่อได้ไกลถึง 160 กม. การชาร์จแบบปกติด้วยแท่นชาร์จที่ติดตั้งในบ้าน ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ส่วนการชาร์จแบบด่วนจะได้ปริมาณไฟในแบทเตอรี 80 % ต่อการชาร์จนาน 1 ชม. ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (ADAPTIVE AIR SUSPENSION) ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่าความแข็ง/อ่อน หรือปรับระดับความสูง/ต่ำของตัวรถได้ เมื่อปรับยกระบบรองรับให้อยู่ในระดับสูงสุด จะทำให้ตัวรถมีความสูงเพิ่มขึ้นอีก 149 มม. ช่วยให้การขับลุยฝ่าเส้นทางทุรกันดารทำได้ง่ายขึ้น แผ่นโลหะที่มีความทนทานสูง จะถูกติดตั้งอยู่บริเวณรอบชุดแบทเตอรี เพื่อป้องกันฐานของชุดแบทเตอรี โดยเฉพาะขณะขับลุยเส้นทางโหดๆ ส่วนยางมาตรฐานจากโรงงาน เลือกคบหากับ GOODYEAR WRANGLER TERRITORY MT (กูดเยียร์ แรงเลอร์ เทอร์ริทอรี เอมที) ขนาด 35 นิ้ว พร้อมออพชันที่เป็นยางขนาด 37 นิ้ว มาให้เลือกใช้ด้วย ด้านความปลอดภัย และการช่วยเหลือการขับขี่ ติดตั้งระบบ SUPER CRUISE โหมดการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ, ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, การแจ้งเตือนเมื่อตัวรถออกนอกเลน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และอื่นๆ HUMMER EV เตรียมทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2023 ตอนนี้ถูกเปิดจองเบื้องต้นแล้ว แต่จะมีรุ่นพวงมาลัยขวาหรือไม่ ? คงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับราคารุ่น EDITION 1 เริ่มต้นที่ 105,595 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,321,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า) หากติดตั้งชุดตกแต่งสำหรับการลุยเป็นพิเศษ ราคาจะขยับขึ้นเป็น 110,595 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,500,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า) ขณะที่รุ่นปกติ ระบบขับเคลื่อน 3 มอเตอร์ ราคา 99,995 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,145,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า) ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 มอเตอร์ กำลังสูงสุดจะลดลงมาที่ 625 แรงม้า จะมีราคาเริ่มต้นที่ 79,995 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,520,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า) คุณรู้หรือไม่ ? ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ แบบ CRAB WALK หักเลี้ยวล้อทั้ง 4 ตำแหน่ง ช่วยให้สามารถบังคับทิศทางล้อหน้า และล้อหลังในมุมองศาเดียวกันในย่านความเร็วต่ำ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ในแนวทแยงออกไปด้านข้าง (เช่น ในพื้นที่แคบ) อย่างได้ผล คล้ายกับการเดินของปู ส่วนการขับขี่ทั่วไป ช่วยให้วงเลี้ยวมีความแคบเพียงฝั่งละ 5.4 ม. เท่านั้น โดยล้อคู่หลังจะหันไปคนละทิศทางกับล้อคู่หน้า
บทความแนะนำ