รายงาน(formula)
คนผ่อนรถต้องรู้ ! “ลดต้น ลดดอก” ดีกว่าเดิมยังไง ?
สคบ. กำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยให้คิดแบบ “ลดต้น ลดดอก” ถือว่าเป็นข่าวดีของคนซื้อรถ แต่มีอะไรที่คุณต้องรู้ในรายละเอียดบ้าง เราสรุปให้แล้วที่นี่...
เข้าใจให้ตรงกัน “ลดต้น ลดดอก” เป็นยังไง ?
ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 การซื้อรถแบบผ่อน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ จะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบ “ลดต้น ลดดอก” หรือ EFFECTIVE INTEREST RATE ความหมาย คือ ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด เมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยจะลดลงตามไปด้วย
แต่เดิมการซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ จะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ หรือ FLAT RATE คือ ไม่ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น หรือลงก็ไม่มีผล เพราะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยตามระบุตลอดอายุสัญญา หากเราจะโปะ หรือเพิ่มเงินค่างวด ดอกเบี้ยก็ไม่ลด
อย่างไรก็ตาม วิธีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้น ลดดอก สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า การคิดคำนวณดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนระบบการคิดคำนวณแต่อย่างใด การทำสัญญาแบบลดต้น ลดดอกมีมานานแล้ว และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยก็ทำแบบนี้ ซึ่งในการทำสัญญาเช่าซื้อรถครั้งแรกจะทำแบบดอกเบี้ยเท่าๆ กัน และชำระเป็นงวดๆ เรียกว่า การคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ (FLAT RATE) มักใช้สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือจักรยานยนต์
ส่วนคำถามที่ว่า เป็นแบบเดียวกับการผ่อนบ้านหรือไม่ ที่พอมีเงินโบนัส หรือเงินพิเศษก็สามารถโปะเพื่อลดเงินต้น และดอกเบี้ย สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย อธิบายว่า ไม่สามารถโปะหนี้ได้เหมือนการผ่อนบ้าน แต่สามารถโปะเพื่อปิดบัญชีเพียงครั้งเดียว และได้ส่วนลดดอกเบี้ยตามที่ประกาศ เนื่องจากกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์กำหนดให้ชำระเป็นงวดๆ แตกต่างจากสินเชื่อบ้านที่สามารถโปะระหว่างงวดได้
แกะสูตร ลดต้น ลดดอก !
แบบของเดิม เมื่อกู้เงินซื้อรถยนต์ 1,000,000 บาท ดอกเบี้ยแบบ FLAT RATE 5 % ต่อปี ผ่อนชำระ 5 ปี คุณจะต้องจ่ายเงินซื้อรถทั้งสิ้น 1,250,000 บาท (ไม่ได้ลดต้น ลดดอก เอาเงินต้น 1,000,000 มาคูณ 5 % ทั้งหมด 5 ปี จะเป็นดอกเบี้ย 250,000 บาท หรือตกปีละ 50,000 บาท) หรือคิดเป็นค่างวดที่ 60 งวด งวดละ 20,800 บาท/เดือน
อย่างไรก็ตาม จะพบว่ามีอัตราดอกเบี้ยที่ไฟแนนศ์อาจไม่ได้บอก คือ EFFECTIVE INTEREST RATE (EIR) = 9.15 % เป็นอัตราดอกเบี้ยที่คิดแบบลดต้น ลดดอก ซึ่งในอดีตมีการคิดคำนวณไว้อยู่แล้ว ว่าหากผ่อนชำระตามจริง แบบลดต้น ลดดอก เงินต้นจำนวน 1,000,000 บาท ผ่อนเดือนละ 20,800 บาท จนครบ 5 ปี ดอกเบี้ยในสัญญาเช่าซื้อ (แบบลดต้น ลดดอก) คือ 9.15 %
ดังนั้น ต่อให้ผ่อนมาแล้ว 30 งวด หรือจ่ายไปกว่าครึ่งหนึ่ง (625,000 บาท) แล้วอยากปิดบัญชี ขณะที่เงินต้นเหลือ 556,000 บาท และดอกเบี้ยเหลือ 69,000 บาท กฎหมายเดิมปี 2561 ให้ส่วนลดดอกเบี้ย 50 % ของดอกเบี้ยที่เหลือ หรือ 34,500 บาท เท่ากับต้องหาเงินมาเพิ่มอีก 590,000 บาท เพื่อปิดบัญชี
อย่างไรก็ตาม ของใหม่เป็นการทำให้ชัด และกำหนดเพดานดอกเบี้ยไปเลยว่า รถยนต์ใหม่ดอกเบี้ยไม่เกิน 10 % ต่อปี หรือคิดแบบ FLAT RATE ไม่เกิน 5.50 % รถยนต์มือสอง ไม่เกิน 15 % ต่อปี หรือคิดแบบ FLAT RATE ไม่เกิน 8.50 % และรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 23 % ต่อปี หรือคิดแบบ FLAT RATE ไม่เกิน 13.80 %
ส่วนลดดอกเบี้ยเมื่อปิดบัญชีก่อนกำหนด
1. หากผ่อนไม่ถึง 1 ใน 3 ของสัญญา ลดดอกเบี้ย 60 % ของส่วนที่ยังไม่ถึงกำหนด
2. หากผ่อนไปแล้ว 1 ใน 3 ของสัญญา แต่ไม่เกิน 2 ใน 3 ของสัญญา ลดดอกเบี้ย 70 % ของส่วนที่เหลือ
3. ผ่อนไปแล้วเกินกว่า 2 ใน 3 ของสัญญา ได้รับส่วนลดทั้งหมดของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
ผ่อนรถอยู่ คิดดอกเบี้ยแบบใหม่ ได้ไหม ?
คนที่ซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์แล้วในตอนนี้ และกำลังอยู่ระหว่างผ่อนชำระค่างวด ก่อนที่ประกาศราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้ จะได้สิทธิ์คิดดอกเบี้ยแบบลดต้น ลดดอก หรือไม่ ?
โดยปกติแล้ว สัญญาเก่าที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายใหม่บังคับใช้ จะเป็นไปตามเงื่อนไขเดิม กฎหมายใหม่จะไม่มีผล ยกเว้นผู้เช่าซื้อ กับผู้ขาย จะตกลงทำสัญญากันใหม่ เป็นไปตามรายละเอียดของประกาศ ข้อ 7 ที่ระบุว่า “บรรดาสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ทำกับผู้บริโภคตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พศ. 2561 ให้คงใช้บังคับได้ต่อไป”
ส่งผลกระทบกับใครบ้าง ?
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ASIA PLUS หรือ ASPS ประเมินว่า การผ่อนแบบใหม่จะกระทบต่อผู้ประกอบการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก ส่วนผู้ประกอบการกลุ่มจำนำทะเบียน จะได้รับผลกระทบบ้าง ปัจจุบันมีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 23 % ของสินเชื่อสุทธิ
วิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด เผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรถยนต์อายุ 13-15 ปีขึ้นไป จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการคำนวนอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันแบบกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แต่ปริมาณของรถยนต์กลุ่มดังกล่าวมีไม่มาก ปกติแล้วจะอายุต่ำกว่า 12 ปีเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่อีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ กลุ่มรถจักรยานยนต์ เดิมอัตราดอกเบี้ย 32-36 % ต้องปรับลดลงเหลือ 23 % ต่อปี จะส่งผลกระทบค่อนข้างมาก
สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบเลย คือ กลุ่มรถยนต์ใหม่ เนื่องจากกลุ่มนี้มีการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างรุนแรง และต่ำกว่าอัตราเพดานใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้
ธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่ง กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ประเด็นสำคัญ และน่าจะกระทบต่อตลาดลีซิงมากสุด คือ การกำหนดให้เมื่อลูกค้าโปะเงินก้อนปิดบัญชีก่อนครบกำหนด บริษัทลีซิงต้องให้ส่วนลดตามขั้นบันไดที่สูงกว่าเกณฑ์เดิม ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค แต่น่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการสูง เพราะปัจจุบัน มีลูกค้าราว 1 ใน 3 หรือ 30 % ที่นิยมโปะปิดบัญชีก่อนครบกำหนดสัญญา
ดีกว่าแบบเดิมยังไง ?
ณัฐวุฒิ ไพศาลวิภัชพงศ์ กรรมการ บริษัท คาร์โฟร์ชัวร์ จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งเวบไซท์ซื้อขายรถยนต์มือสอง CAR4SURE บอกว่า ข้อดีของกฎหมายฉบับใหม่ ที่มีผลต่อลูกค้า คือ การให้ส่วนลดเมื่อปิดบัญชี และการคิดอัตราค่าปรับล่าช้าที่ลดลง จะทำให้ตลาดต้นปีหน้าคึกคัก ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง
จากเดิม หากลูกค้าผ่อนไประยะหนึ่งแล้ว ต้องการจะจ่ายเงินก้อนเพื่อปิดบัญชี จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย ประมาณ 50 % ของดอกเบี้ยส่วนที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
แต่กฎหมายใหม่กำหนดชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่จะประหยัดดอกเบี้ยในอนาคต ด้วยการชำระเงินก้อนทั้งหมดเพื่อปิดบัญชี
เพจ SOLO INVESTOR ให้ความคิดเห็นว่า การคิดดอกเบี้ยแบบใหม่แทบไม่ได้มีผลอะไรกับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เพราะของเดิมก็ให้ส่วนลดอยู่แล้ว 50 % ยกเว้นคนไทยทั้งประเทศ รวมใจกันโปะปิดบัญชี หลังจากผ่อนได้ 1 ใน 3 ของสัญญาพร้อมๆ กัน ก็จะทำให้ธนาคาร หรือไฟแนนศ์ได้รับดอกเบี้ยแบบไม่เต็มอิ่ม และในมุมหนึ่งก็เป็นผลดีต่อธนาคาร หากลูกหนี้ปิดบัญชี เพราะธนาคารเองก็ได้กินดอกเบี้ย EIR 9.15 %++ ไปแล้วจากช่วงเวลาที่ลูกค้าผ่อนมาระยะหนึ่ง
ในฐานะผู้บริโภค ทำให้เรามีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น สามารถจบหนี้รถ ลดภาระดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี formula
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/435634