รายงาน(formula)
10 เรื่องต้องรู้ เมื่อ ESSO เปลี่ยนสู่มือ บางจาก
สร้างความฮือฮาไม่น้อย เมื่อบางจากประกาศซื้อกิจการ ESSO ประเทศไทย จากนี้เส้นทางธุรกิจน้ำมันของไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด และมีอะไรที่ต้องรู้เกี่ยวกับดีลใหญ่นี้บ้าง เราสรุปมาให้แล้ว...
1. ที่มาดีล 55,500 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นดีลนี้ เกิดขึ้นมื่อ 4 ปีก่อน โดยทีมบริหารของบางจาก ได้พูดคุยกันว่า จะต้องมีโรงกลั่น แห่งที่ 2 เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จึงเริ่มมองหาโรงกลั่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโรงกลั่น เข้ามาพูดคุย หรือเสนอขายให้แก่บางจาก และ ESSO (เอสโซ) ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากใช้เวลาในการเจรจาร่วม 1 ปี บางจากก็สามารถจบดีลกับ ESSO ได้ และตัดสินใจเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น ESSO กับ EXXONMOBIL (เอกซอนโมบิล) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ซึ่งบางจากยืนยันว่าเป็นดีลที่คุ้มค่า และคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี 2566
2. บางจากซื้ออะไรบ้าง ?
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE. LTD. หรือ EXXONMOBIL มูลค่า 55,500 ล้านบาท (ราคาซื้อจะมีการปรับเปลี่ยนตามกลไกการปรับราคาที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น) ส่งผลให้บางจากขึ้นแท่นเป็นบริษัทพลังงาน ที่มีกำลังการกลั่นมากเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย
การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ไม่รวมธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปภายใต้ตรา EXXONMOBIL และ OEM (ORIGINAL EQUIPMENT MANUFACTURER) (ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูป) และธุรกิจการตลาดเคมีภัณฑ์ ภายใต้ตรา EXXONMOBIL (ธุรกิจการตลาดเคมีภัณฑ์) ขณะที่สูตรน้ำมันของปั๊ม ESSO ก็จะเปลี่ยนมาเป็นสูตรน้ำมันของบางจากทั้งหมด
3. บางจากได้อะไร ?
สิ่งแรกที่บางจากได้ คือ ECONOMY OF SCALE เพราะเมื่อรวมสถานีบริการน้ำมันของบางจาก กับ ESSO แล้ว จะมีจำนวน 2,100 สาขา (บางจากมีปั๊มน้ำมัน 1,320 แห่ง และ ESSO มี 780 แห่ง) และก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญเทียบเท่าผู้เล่นในตลาดสถานีบริการน้ำมันรายใหญ่ ทั้ง PTT STATION หรือ OR ที่มี 2,473 สาขา และ PTG ที่มี 2,212 สาขา
บางจากจะเปลี่ยนชื่อสถานีบริการน้ำมัน ESSO ทั้งหมดเป็นบางจาก ภายใน 2 ปี และทำให้บางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรล/วัน คลังน้ำมันสำรองเพิ่มอีกราว 15 ล้านบาร์เรล มีรายได้เพิ่มขึ้นระดับ 1,500-2,000 ล้านบาท พร้อมขึ้นแท่นเบอร์ 2 ของธุรกิจที่มีจำนวนสถานีน้ำมันมากสุดในประเทศไทย มีมาร์เกทแชร์ปั๊มน้ำมันเป็น 25 %
4. ผลกระทบพนักงาน ?
EXXONMOBIL จะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และผลิตภัณฑ์เคมี ให้แก่ตลาดในประเทศไทย ผ่านการจัดตั้งบริษัทใหม่ ส่วนกิจกรรมสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ EXXONMOBIL และศูนย์ธุรกิจระดับโลกกรุงเทพ (BANGKOK GBC) ซึ่งมีพนักงานประมาณ 2,000 คน จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
5. ผลกระทบรถ EV ?
บางจากบอกว่า แม้การตัดสินใจเข้าซื้อ ESSO ครั้งนี้จะสวนกระแสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังมาแรง แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าปริมาณรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นปีละ 8-9 แสนคัน เป็นรถ EV แค่ 2-3 หมื่นคัน ยังไม่รวมปริมาณรถยนต์ที่มีอยู่เดิมทั้งหมดในประเทศอีก 10 ล้านคัน ที่ต้องใช้น้ำมัน ดังนั้น 99.9 % ยังเป็นรถที่ใช้น้ำมันอยู่ และยังมีความต้องการใช้ไปอีกนาน 35-40 ปี
การซื้อ ESSO จึงเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาด ซึ่งขณะนี้พบว่า บางประเทศเริ่มมีปัญหาน้ำมันขาดแคลน
6. โรงกลั่นเหลือ 3 กลุ่มหลัก
ปัจจุบันธุรกิจการกลั่นน้ำมันในประเทศจะเหลือเพียง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่ม บมจ.ปตท. ประกอบด้วย โรงกลั่นน้ำมัน IRPC, PTTGC และไทยออยล์ มีกำลังการกลั่นรวมกัน 770,000 บาร์เรล/วัน 2. กลุ่มบางจาก รวมกับ ESSO จะมีกำลังการกลั่นรวมกัน 294,000 บาร์เรล/วัน และ 3. โรงกลั่นน้ำมัน SPRC กำลังการกลั่น 175,000 บาร์เรล/วัน
7. การแข่งขันในตลาด
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG มองว่าการแข่งขันในตลาดค้าปลีก ไม่ได้เปลี่ยนไป ซึ่งการรวมกันของบางจาก และ ESSO เป็นการลดคู่แข่งค้าปลีก จากเดิมมีค่ายหลักๆ คือ ปตท., ESSO, CHEVRON (เชฟรอน), บางจาก, SHELL (เชลล์) และ PT หลังรวมกัน ESSO จะหายไป 1 ราย ในส่วนของค่ายต่างชาติจะมี SHELL, CALTEX (คาลเทกซ์) และ CHEVRON ซึ่ง SPRC ได้ซื้อไปแล้ว ส่วนกลุ่มทุนไทยจะมี ปตท. บางจาก PT และ SUSCO (ซัสโก) แน่นอนว่ามาร์เกทแชร์จะเปลี่ยนจากเดิม โดยเบอร์ 1 เป็น ปตท. เบอร์ 2 PT เบอร์ 3 บางจาก เบอร์ 4 ESSO และเมื่อเบอร์ 3 กับ 4 รวมกัน บางจากจะขยับขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ทันที
ด้าน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มองว่า OR มีความพร้อมในการแข่งขัน เพราะมีฐานธุรกิจเดิมที่แข็งแรง มั่นใจว่าจะแข่งขันในตลาดได้ เพราะมี VALUE CHAIN ที่กว้าง นอกจากนี้ ในกลุ่ม ปตท. ยังมีพันธมิตรธุรกิจจำนวนมาก และที่สำคัญ ภายใต้ธุรกิจเดียวกัน ผู้ประกอบการก็พร้อมร่วมวางแผนกลยุทธ์การเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
8. ธุรกิจร้านกาแฟ
ร้านกาแฟในสถานีบริการของบางจาก คือ อินทนิล ซึ่งล่าสุด มีสาขาทั้งหมดทะลุ 1,000 สาขา ซึ่งการที่บางจากได้สาขา ESSO เพิ่มมาอีกกว่า 700 สาขา หมายความว่า บางจากสามารถขยายสาขาร้านกาแฟอินทนิล รวมเป็นจำนวนราว 2,000 สาขา ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่ “คาเฟ อเมซอน” คู่แข่งในเครือ OR มีจำนวน 4,120 สาขา ทั้งใน และต่างประเทศ
9. การถอนตัวของปั๊มน้ำมันต่างชาติ
สาเหตุที่ผู้ผลิตน้ำมันต่างชาติต้องถอนตัวจากธุรกิจปั๊มน้ำมันในไทย เนื่องจากเจอการแข่งขันที่สูง รวมทั้งข้อจำกัดของธุรกิจปั๊มน้ำมันหลายประการ โดยเฉพาะค่าการตลาด และต้นทุนราคาน้ำมัน จากกระทรวงพลังงาน และนโยบายของรัฐบาลในแต่ละช่วง เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซล การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ฯลฯ โดยเฉพาะ OR ในเครือ ปตท. และบางจาก ปรับลดราคาน้ำมันก่อนรายอื่น ส่วนปั๊มต่างชาติ เช่น SHELL จะมีราคาน้ำมันสูงกว่าปั๊มไทย
10. บางจาก VS ปตท.
ปัจจุบัน บางจากมีสินทรัพย์รวม 227,862.62 ล้านบาท ราคาหุ้น ณ วันที่ 11 มกราคม 2566 อยู่ที่ 31.75 บาท/หุ้น และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่ 43,717.31 ล้านบาท หากรวมกับ ESSO จะทำให้บางจากมีความยิ่งใหญ่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้ามองจากจำนวนสาขาบริการน้ำมัน 2,100 สาขา จะทำให้บางจากสามารถขึ้นไปเทียบเคียงสถานีบริการน้ำมันอย่าง ปตท. (PTT) ที่มีสาขาสูงถึง 2,473 แห่ง
นอกจากนี้ ผลประกอบการของบางจากก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมที่ บางจาก มีรายได้ 199,417 ล้านบาท ส่วน ESSO มีรายได้ 172,907 ล้านบาท เมื่อรวมกันจะสร้างรายได้ราว 400,000 ล้านบาท โดยผู้เล่นใหญ่สุดในตลาดอย่าง PTT (OR) มีรายได้อยู่ที่ 515,280 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน อีกเรื่องที่บางจากจะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มธุรกิจ NON-OIL โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายประเมินว่า การที่บางจากเข้าซื้อ ESSO จะส่งผลทำให้มีกำลังกลั่นน้ำมัน และความยืดหยุ่นในผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น พร้อมได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดจากเดิม คือ 15 % กลายเป็น 25 % เป็นรองแค่ ปตท. เท่านั้น
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการแผนกบทความและสารคดี formula
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ, อินเตอร์เนท
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/442198