มาตรวัดตลาดรถ
ใกล้ 1 ล้านแล้ว
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนธันวาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม -9.0 %
รถยนต์นั่ง -22.6 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) -14.5 %
กระบะ 1 ตัน +1.3 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +2.2 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-ธันวาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม +11.9 %
รถยนต์นั่ง +5.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +16.5 %
กระบะ 1 ตัน +15.6 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +9.0 %
นี่ก็ย่างเข้าเดือนสุดท้ายของไตรมาสแรก ปี 2566 กันอีกแล้ว ปีใหม่เพิ่งผ่านไป ทำไมเวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ทางบัญชีนั้น ถือเป็นเดือนที่ต้องเตรียมงบประมาณสำหรับปีถัดไปกัน วงการรถยนต์ส่วนใหญ่ใช้เดือนเมษายน เป็นปีเริ่มต้นงบประมาณ แต่ในทางกลับกัน สถิติต่างๆ รอบ 12 เดือนของปีปฏิทินก็เพิ่งออกมา ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่กำลังจะผ่านไป ตลาดรถยนต์ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ เพราะดูแล้วปัญหาใหญ่เจ้าเก่ายังไม่ได้เบาบางลง นั่นคือ ข้อจำกัดในด้านซัพพลายของชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า เซมิคอนดัคเตอร์ ภาวะแรงกดดันนี้ ทำให้เป้าหมายการผลิตรถในระดับโลกของรถชั้นนำ ถูกจำกัดให้ลดลง
ในช่วงปลายไตรมาสแรกนี้ ตัวเลขสำคัญของวงการยานยนต์นั้น คือ ตัวเลขยอดการจำหน่ายในประเทศ และยอดการส่งออก ซึ่งมีการสรุปออกมาเป็นชุดๆ ตามประเภทของรถตามแหล่งที่มา แล้วแต่ผู้ประกอบการ และองค์กรนั้นๆ ได้ตกลงกันไว้ สำหรับภาคการตลาด มีค่าย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ ทำหน้าที่รวบรวมเผยแพร่ TOYOTA (โตโยตา) รับเป็นหน้าสื่อทำมาตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรมไทยยังเป็นทารกแบเบาะ ด้วยเหตุที่ว่า ช่วงนั้นฝั่งสำโรงเขามีทรัพยากร มีคอมพิวเตอร์ อีกชุดหนึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จาก กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถิติของภาคการผลิต ในแบบฉบับของนักอุตสาหกรรม นั่นคือ เน้นตัวเลข ไม่เน้นวิเคราะห์เนื้อหาใดๆ และชุดข้อมูลนี้ลงลึกไปถึงภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วน ทั้งนำเข้า และส่งออก
สถิติของวงการรถยนต์อีกแหล่งที่ใช้ประกอบข้อมูลเผยแพร่ นั่นคือ สถิติการจดทะเบียน เผยแพร่อยู่ในเวบไซท์ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งระยะหลัง กรมการขนส่งฯ มีการเก็บข้อมูล และสรุปเผยแพร่ค่อนข้างเร็ว แต่ข้อมูลของกรมการขนส่งฯ แยกประเภทรถแตกต่างไปจากแหล่งอื่นๆ คือ แยกรถตามประเภท อาจไม่ตรงกับนักการตลาด แต่ตรงกับลักษณะเฉพาะภาษีของกรมการขนส่งฯ ความเข้าใจของคนทั่วไปในพิกัดเหล่านี้อาจเข้าใจยากหน่อย
ผมขอสรุปตัวเลขเพื่อบันทึกภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในฝั่งการตลาดการขาย โดยอ้างอิงรายงานตัวเลขแลกเปลี่ยน ในปี 2565 ไทยเรามียอดขายรถยนต์รวมทุกชนิด จำนวน 849,388 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 คิดเป็น 11.9 % แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 265,069 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 5.3 % รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2 % รถกระบะ 1 ตัน รวมรถดัดแปลง (PPV) จำนวน 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6 % แต่หากแยกดูยอดรถกระบะอย่างเดียว มียอด 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7 %
ในช่วงปี 2565 อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยอยู่ในภาวการณ์ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลักๆ มาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การผ่อนคลายทางภาคการเงิน และสถานการณ์ของ COVID-19 ที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าก็มีการฟื้นตัว มีผลต่อยอดการส่งออกของไทย ส่วนปัจจัยลบของปี 2565 นั้นแน่นอน เรื่องของการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ยังเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก ความผันแปรของสถานการณ์การเงินโลก ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาพลังงาน และวัตถุดิบ เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์ ทั้งที่จำหน่ายในประเทศ และผลิตเพื่อส่งออก ในขณะที่ไทยยังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนเรือที่จะบรรทุกรถเพื่อการส่งออกอีกด้วย
ส่วนประมาณการณ์ปี 2566 บรรดาผู้จำหน่ายรถยนต์เห็นว่า แนวโน้มของรถยนต์ไทยปี 2566 ยังคงค่อยเป็นค่อยไปในการฟื้นตัว ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตน่าจะคลี่คลายลงอย่างช้าๆ ส่วนภาคเศรษฐกิจไทยมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น การลดระดับความกังวลเรื่อง COVID-19 ของประชาชน ช่วยให้การดำเนินชีวิตกลับมาปกติ โดยรวมแล้ว อุปสงค์ภายในก็ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัว ดังนั้นปี 2566 ยอดขายรถยนต์คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0 % จากปีที่แล้ว สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง ได้แก่ รถยนต์นั่ง ซึ่งจะเติบโตสูงกว่าปี 2565 เป็นอย่างมาก จากการที่มีค่ายรถนำเสนอรถรุ่นใหม่ และนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ คาดว่าขยายตัวไม่มากนัก
เป้าหมายการขายรถในประเทศ 900,000 คัน เป็นยอดที่ใกล้ล้านคันอีกครั้ง ตลาดไทยเคยไต่ระดับปีละเกิน 1 ล้านคันมาแล้ว แต่ช่วงนั้นเกิดจากการกระตุ้นเร่งโตแบบไม่ปกติ ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ไป 1 ล้านคัน น่าจะเป็นตลาดอนาคตที่ยั่งยืนพอสมควร
ABOUT THE AUTHOR
จ
จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2566