เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
PHILIPS OLED+907
กล่องเสียง
PHILIPS OLED+907 ราคาเริ่มต้น 1,699 ปอนด์ box.co.uk
ดาวเด่นที่รวมสุดยอดระบบเสียงเข้ากับจอ OLED สุดแจ่ม และอาจเป็นทีวี ALL-IN-ONE ที่ดีสุดในปัจจุบัน
ข้อมูลจำเพาะ
จอภาพขนาด 48 นิ้ว, 55 นิ้ว, 65 นิ้ว แผงหน้าปัด 3,840x2,160 120HZ OLED HDR HDR10+, ระบบ DOLBY VISION ระบบเสียง 3.1 BOWERS & WILKINS, DOLBY ATMOS ความจุ 16GB ระบบปฏิบัติการ ANDROID TV 11 ระบบสั่งการด้วยเสียง GOOGLE ASSISTANT, ALEXA การเชื่อมต่อ HDMI x4 (HDMI 2.1 x2, eARC, HDMI 2.0), USB x3, WI-FI 5, BLUETOOTH 5 ขนาด 1,068.5x678.5x260 มม./1,225.4x768.4x260 มม./ 1,444.3x890.4x290 มม. น้ำหนัก 17.5 กก./ 22.7 กก./29 กก.
เทคโนโลยีอันชาญฉลาด และพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ ทำให้ PHILIPS สามารถสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนได้ในตลาดทีวี ที่สินค้าดูเหมือนจะคล้ายกันไปหมด
PHILIPS OLED+907 เป็นทีวีที่น่าประทับใจ มีความสามารถทุกด้าน ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าคุณจะป้อนเนื้อหาที่เป็น 4K HDR จากแผ่น BLU-RAY UHD หรือให้ทีวีอัพสเกลช่องทีวีที่ออกอากาศแบบ FULL HD หรือรายการที่มีความละเอียดต่ำจากบริการสตรีมิงรุ่นย้อนยุค มันก็ให้ภาพดีที่สุด (“ดีที่สุด” ในที่นี้ คือ ดีจริงๆ)
อันดับแรก แผงหน้าปัด OLED “ROYAL” ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้ทันทีเมื่อเปิดเครื่อง ไม่ตกหล่นในรายละเอียด ความแตกต่างของโทนสีขาว สว่างกว่าที่คุณคุ้นเคยกับทีวี OLED แบบเดิม และด้วยความสามารถในการถ่ายทอดโทนสีดำที่มีรายละเอียด และลึกในแบบของจอ OLED ทำให้ความคมเข้มของระดับสีขาวถึงสีดำที่ได้นั้นกว้าง และสวยงาม
การเคลื่อนไหวของภาพถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ขอบถูกวาดด้วยความมั่นใจ และความลึกที่ออกมานั้นลงตัว การรบกวนของภาพรายละเอียด 4K ไม่ใช่ปัญหา และ OLED+907 จะช่วยอัพสเกลให้เนื้อหา FULL HD บางส่วน โดยไม่ทิ้งข้อดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว แม้มันจะไม่สามารถลบรอยหยักเล็กน้อยของพื้นผิว หรือลวดลายที่ซับซ้อนมากๆ ก็ตาม
สลับมาที่เกมคอนโซลยุคปัจจุบันที่ต้องต่อกับช่อง HDMI 2.1 และเรื่องดีๆ ก็จะเข้ามาเรื่อยๆ การยอมรับความต้องการจาก “เกม HDR” นั้นไม่รุนแรงมาก นั่นทำให้ PHILIPS มีค่าความล่าช้าในการรับสัญญาณ และแสดงผลได้ต่ำกว่า 20 มิลลิวินาที
คุ้มค่าในการฟัง
ทีวีหลายรุ่น เรื่องเสียงถือว่าเป็นเรื่องรอง แต่ไม่ใช่ PHILIPS โดยร่วมมือกับ BOWERS & WILKINS อย่างเป็นทางการ ทำให้ระบบเสียงของทีวีรุ่นนี้ดีกว่าเจ้าอื่นๆ ในราคาเดียวกันมาก เสียงเบสส์ลงได้ลึกอย่างน่าทึ่ง และควบคุมได้เหมาะสม ช่วงความถี่ที่เหลือก็แยกจากกันได้สวยงาม จัดวางได้ดี มีโทนเสียงน่าดึงดูด
OLED+907 มีฟีเจอร์ AMBILIGHT ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะปล่อยให้แสงส่องไปด้านหลังของทีวีผ่านไฟ LED ที่ติดตั้งไว้ สีของแสงจะถูกปรับให้เข้ากับภาพแบบเรียลไทม์ ไม่มีวิธีไหนที่ง่าย และน่าดึงดูดใจไปกว่าการทำให้ทีวีของคุณใหญ่กว่าที่เป็น สามารถรับชมได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น มีเพียง PHILIPS เท่านั้นที่ให้ฟีเจอร์นี้กับคุณได้
ทีวีใหม่ทุกเครื่องดูเผินๆ ก็มีลักษณะคล้ายกัน แต่ด้วยขอบจอที่บางเฉียบ ขาตั้งตรงกลาง ทำให้ PHILIPS เครื่องนี้ไม่เหมือนใคร รวมถึงแถบผ้า ACOUSTIC สีเทาบางๆ ด้านล่างของจอที่ทำให้ OLED+907 แตกต่างจากเพื่อนเล็กน้อย
ตามมาตรฐานจอ OLED ในปัจจุบัน ยังคงมีพื้นที่ที่บางมากๆ ด้านบนของหน้าจอเมื่อมองจากด้านข้าง แน่นอนว่าด้านล่างนั้น ทุกอย่างดูเป็นปกติ ชุดอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ต้องถูกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง
เมนูการตั้งค่าเป็นแบบพื้นฐานของ PHILIPS มีรายละเอียดเยอะ ปรับแต่งได้มากมายทั้งแบบคร่าวๆ และเจาะลึก
OLED+907 ใช้ ANDROID TV (V11) เป็นช่องเชื่อมต่อรับสัญญาณ มันอาจดูไม่เวิร์ค ANDROID TV ใช้งานทั้งหน้าจอ และให้คำแนะนำที่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่มีข้อกังขาในเรื่องการใช้งานบริการเดิมๆ และสตรีมิงที่มีให้เลือกมากมาย
แม้ว่าการตั้งค่าจะไม่สนุก แต่ทันทีที่คุณเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ PHILIPS OLED+907 ก็จะเป็นทีวีที่ไร้ที่ติ ทำให้เพลิดเพลินไปกับงานเสียง และภาพ ในตอนแรกมันไม่ได้ดูเป็นต่อใดๆ แต่เมื่อคุณตระหนักแล้วว่าทีวีรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อ SOUNDBAR มาเพิ่ม PHILIPS OLED+907 ก็จะคุ้มค่าขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงคุณภาพงานภาพที่ยอดเยี่ยม
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ สมดุลภาพสวย AMBILIGHT คุ้มราคา สเกลภาพที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ และระบบเสียงสุดยอด
ควรปรับปรุง ใช้เวลาพอสมควรในการตั้งค่า ANDROID TV ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ราคาไม่เบา
สรุป ทันทีที่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องซื้อ SOUNDBAR มันก็คุ้มค่าทันที แล้วยิ่งเห็นคุณภาพของภาพ และ AMBILIGHT ก็ฟันธงได้เลยว่า มันคือ ดาวเด่นของวงการทีวีตัวจริง
ตัวเลือกอื่น
LG C2 ราคาเริ่มต้นที่ 1,099.98 ปอนด์ lg.com
ราคาเบากว่า +907 เล็กน้อย แต่ C2 ไม่ได้ให้อะไรมากไปกว่าคุณภาพของงานภาพ ระบบเสียงไม่ได้ใกล้เคียงกับคุณภาพเสียงของ +907 และไม่มี AMBILIGHT แต่มันเป็นตัวทอพของ LG
SAMSUNG S95B ราคาเริ่มต้นที่ 1,499 ปอนด์ samsung.com
QD-OLED ของ SAMSUNG คุ้มราคามาก ด้วยคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม และฟีเจอร์รองรับการเล่นเกมที่หลากหลาย ระบบเสียงน่าจะดีกว่านี้ และไม่รองรับระบบ DOLBY VISION แต่ในส่วนอื่นๆ ก็ยากจะหาข้อตำหนิได้
ว่องไว และแน่นอน
ACER SWIFT EDGE ราคา 1,449 ปอนด์ acer.com
แลพทอพขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักเบาพิเศษ พร้อมจอแสดงผล 4K ขนาดใหญ่แบบที่คุณตามหาหรือไม่
ข้อมูลจำเพาะ
จอภาพขนาด 16 นิ้ว 60HZ 3,840x2,400 OLED ซีพียู AMD RYZEN 7 6800U กราฟิคคาร์ด AMD RADEON GRAPHICS RAM 16GB ความจุ 1TB ระบบปฏิบัติการ WINDOWS 11 HOME อายุใช้งานแบทเตอรีสูงสุด 10.5 ชม. การเชื่อมต่อ USB-Cx2, USB 3.2x2, HDMI, WI-FI 6, BLUETOOTH 5.2 ขนาด 13.9x356.7x242.3 มม. น้ำหนัก 1.17 กก.
สิ่งสำคัญที่จะทำให้แลพทอพรุ่นใดรุ่นหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาได้ก็คือ การชูข้อแตกต่างที่ชัดเจน และ ACER พบจุดแตกต่างของ SWIFT EDGE แล้ว โดยอ้างว่าเป็นแลพทอพขนาด 16 นิ้ว พร้อมจอ OLED น้ำหนักเบาที่สุดในโลก และเท่าที่เราสามารถบอกได้ คำกล่าวอ้างนี้ ดูเหมือนจะเป็นความจริง
น้ำหนัก ACER SWIFT EDGE ค่อนข้างเบา เป็นจุดขายหลัก และพูดชัดๆ ในทางปฏิบัติ มันดูจะมีน้ำหนักที่เบาเหลือเชื่อสำหรับแลพทอพพรีเมียมขนาดใหญ่ ด้วยหน้าจอขนาด 16 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า MACBOOK AIR (M2, 2022) มีหน้าจอ 13.6 นิ้ว และน้ำหนัก 1.17 กก. ทำให้มันมีน้ำหนักเบากว่า MACBOOK AIR ถึง 1.24 กก.
เมื่อใดก็ตามที่คุณได้หยิบ ACER SWIFT EDGE ขึ้นมา สมองจะบอกทันทีว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ไม่เคยมีคอมพิวเตอร์เครื่องไหนที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่ให้ความรู้สึกเบาเท่านี้มาก่อน
จอแสดงผล คือ พระเอกของ ACER SWIFT EDGE ขนาด 16 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 16:10 แผงหน้าปัด OLED ความละเอียด 4K (3,480x2,400 พิกเซล) รองรับขอบเขตของสี DCI-P3 ที่ 100 % มีความสว่างสูงสุด 500 NITS
เมื่อเราเปิดดูเนื้อหาความละเอียด 4K จาก NETFLIX, AMAZON PRIME และ YOUTUBE ก็ต้องทึ่งไปกับความสมบูรณ์แบบของสี ความลึกของสีดำ และคุณภาพของภาพโดยรวม นับว่ามันเป็นจอแสดงผลที่ดีมากๆ
รายละเอียดภาพสูง ทำให้สามารถทำงานตัดต่อ แก้ไขภาพได้อย่างดีเยี่ยม และด้วยหน้าจอขนาดกว้างใหญ่ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครก็ตามที่ชอบเปิดหน้าต่าง หรือ TABS จำนวนมากๆ ในคราวเดียวกัน คุณสมบัติที่กล่าวมานั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสุดของคอเกมแน่นอน ด้วยอัตราการ REFRESH ที่ 60HZ ทำให้มันไม่เทียบเท่ากับสเปคของแลพทอพสำหรับเล่นเกมทั่วไป
ลำโพงนั้นให้เสียงที่ดัง และชัดเจนผ่านตะแกรงด้านล่างของแลพทอพ คุณภาพเสียงอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ดีพอที่จะเพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์ รายการทีวี และเพลงได้ ปัญหาที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวที่เราพบก็คือ เสียงพัดลมค่อนข้างดัง ใช้ชิพประมวลผลหนักๆ ซึ่งอาจทำให้เสียสมาธิได้
ศักยภาพน่าทึ่ง
ACER SWIFT EDGE มาพร้อมกับซีพียู AMD RYZEN 7 6800U 8 CORE/16 THREAD และกราฟิคคาร์ด AMD RADEON ภายในตัว คุณจะได้ RAM 16GB และที่เก็บข้อมูล SSD ที่เพิ่มความจุได้สูงสุดถึง 1TB สเปคทั้งหมดนี้รวมกันทำให้คุณได้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่คล่องตัวมากสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน ซึ่งเราได้ลองใช้แล้วก็ไม่พบปัญหาใดๆ เช่น การเปิดหลายหน้าต่างพร้อมกันขณะที่ฟังเพลงบน SPOTIFY ไปด้วย
เมื่อใช้ SOFTWARE สร้างสรรค์ผลงานอย่าง PHOTOSHOP และ AFTER EFFECTS คาร์ดจออย่าง AMD RADEON GRAPHICS ทำให้เครื่องทำงานช้าเล็กน้อย และพัดลมก็จะทำงานบ่อยขึ้น ถ้าวัดตัวเลขด้วยพโรแกรม GEEKBENCH ให้คะแนนการทำงาน CORE เดียวอยู่ที่ 1,475 และการทำงานหลาย CORE อยู่ที่ 7,591 ซึ่งไม่ไกลจากตัวเลขของชิพ M2 ใน MACBOOK AIR ผู้รีวิวของเราวัดได้ 1,800 และ 8,535
โดยทั่วไป ULTRABOOKS จะมีข้อเสียในเรื่องของการเชื่อมต่อ ทว่า ACER SWIFT EDGE นั้นดีกว่าบางรุ่น คุณจะได้พอร์ท USB-C ถึง 2 ช่อง, USB-A 3.1 2 ช่อง และ HDMI 1 ช่อง แต่ไม่มีพอร์ทรองรับ THUNDERBOLT 4 ซึ่งเป็นเรื่องของพโรเซสเซอร์ ไม่เกี่ยวกับความบางของแลพทอพ ส่วนการโอนถ่ายข้อมูลจะช้ากว่า ULTRABOOK ระดับพรีเมียม
เรื่องอายุการใช้งานแบทเตอรีเป็นอย่างไร ? ACER SWIFT EGDE มีแบทเตอรีขนาด 54WH ซึ่งน้อยเกินไปสำหรับแลพทอพ 4K ในการใช้งานจริง เราสามารถใช้แบบผสมผสานได้เฉลี่ย 6 ชม. 53 นาที ก่อนจะต้องเสียบชาร์จอีกครั้ง
การชมภาพยนตร์ที่ดาวน์โหลดจาก NETFLIX ในขณะที่ปิด WI-FI สามารถใช้งานติดต่อกันได้กว่า 7 ชม. 22 นาที ซึ่งนั่นไม่เลวเลย แต่ก็ให้ความรู้สึกว่า พลังงานของแบทเตอรีส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับแสงสว่างโดยรวมของจอ
ACER SWIFT EDGE มีจุดเด่น 2 ข้อที่ชัดเจน คือ มีน้ำหนักเบาเหลือเชื่อ และมีหน้าจอ 4K ขนาด 16 นิ้ว ที่งดงาม หาก 2 อย่างนี้ ทำให้คุณตื่นเต้นละก็ นี่อาจเป็นแลพทอพที่สมบูรณ์แบบของคุณ ซึ่งมีทุกอย่างให้เกือบจะครบครัน ตั้งแต่ การออกแบบภายนอกอันสวยงาม ไปจนถึงความเร็วของชิพประมวลผล ซึ่งโดยรวมถือว่าดีมากๆ
สรุปสั้นๆ หากกำลังมองหาแลพทอพขนาดใหญ่ พร้อมหน้าจอ 4K น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากมาย คุณจะต้องตกหลุมรักเจ้าแลพทอพเครื่องนี้แน่นอน
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ น้ำหนักเบามาก, จอ 4K สุดแจ่ม ช่องเชื่อมต่อมากมาย ไว และตอบสนองได้ดี คุ้มราคา
ควรปรับปรุง ไม่รองรับ THUNDERBOLT 4 ไม่มีแป้นตัวเลข อายุการใช้งานแบทเตอรีมาตรฐาน คุณภาพเสียงไม่หวือหวา
สรุป ACER SWIFT EDGE เด่นเรื่องน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ มีจอแสดงผล 4K ขนาด 16 นิ้ว งดงาม หากคุณต้องการจอขนาดใหญ่เพื่อความบันเทิง การทำงานต่างๆ และต้องเดินทางบ่อย มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
ตัวเลือกอื่นๆ
LG GRAM 16 ราคา 1,299.98 ปอนด์ lg.com
คู่แข่งเจ้าประจำของ SWIFT EDGE คือ GRAM 16 แลพทอพขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักเพียง 1.19 กก. ทว่ามีอายุการใช้งานแบทเตอรีที่ดีกว่า แต่หน้าจอ OLED 2,560x1,600 มันไม่ได้ใกล้เคียงกับ PANEL 4K ของ EDGE เลยแม้แต่น้อย
MACBOOK AIR M2 ราคาเริ่มต้น 1,249 ปอนด์ apple.com
เมื่อเทียบกับคู่แข่งตรงนี้ MACBOOK AIR M2 มีน้ำหนักค่อนข้างเบาเพียง 1.24 กก. แต่มันก็แรงเร็วเหมือนกับฮัมมิงเบิร์ด หลังจากดื่มกาแฟเอสเปรสโซไปแก้วหนึ่ง ทำให้มันรับมือได้กับทุกการใช้งานได้อย่างสบาย
ผลิตจากไม้ธรรมชาติ
HOUSE OF MARLEY GET TOGETHER 2 XL ราคา 349.99 ปอนด์ thehouseofmarley.co.uk
ลำโพงพกพา พร้อมฟีเจอร์มีประโยชน์มากมาย และเสียงที่ตื่นใจ
สิ่งที่ทำให้ HOUSE OF MARLEY แตกต่างจากบแรนด์เครื่องเสียงอื่นๆ ก็คือ ลำโพง หูฟัง และเครื่องเล่นแผ่นเสียงทั้งหมดของพวกเขาทำจากวัสดุที่ยั่งยืนมากกว่าบแรนด์ไหนๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ไผ่, พลาสติครีไซเคิล ป่านรีไซเคิล ฯลฯ หากคุณต้องการลำโพงพกพาที่ทรงพลัง และมีสไตล์ละก็ GET TOGETHER 2 XL เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลว
HOUSE OF MARLEY GET TOGETHER 2 XL เป็นลำโพงพกพาก็จริง แต่มันมีขนาดใหญ่ เราไม่เคยเห็นใครนำมันออกไปไกลกว่าสวนหลังบ้าน ด้วยขนาด 44.9x17.9x18 ซม. ใหญ่กว่าลำโพงหลายตัวที่ใช้ในบ้านด้วยซ้ำ
ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นจุดดึงดูดสำหรับลำโพงตัวนี้ นอกจากจะดูเท่ และเข้ากับการตกแต่งภายในบ้านได้ทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบ้านของคุณเป็นสไตล์ BOHEMIAN
ด้านหลังของฝาพับ มีพอร์ท USB-C สำหรับชาร์จไฟ และพอร์ท USB-A สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ นอกจากนี้ ยังมีช่องสำหรับสาย 3.5 มม. ไว้ต่อกับอุปกรณ์รุ่นเก่าที่ไม่มีบลูทูธ แบทเตอรีใช้งานได้ประมาณ 20 ชม./การฟังแต่ละครั้ง ซึ่งเกินพอสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนๆ ตอนเย็น
กำลังไฟ 60W ถูกส่งไปยังวูเฟอร์ขนาด 4 นิ้ว 2 ตัว และทวีเตอร์ขนาด 1 นิ้ว อีก 2 ตัว และสิ่งที่คุณจะได้ก็คือ สามารถเปิดเสียงดังมากๆ ระดับกำแพงบ้านสะเทือนได้เลย ! แต่จากการทดสอบเราพบว่า ยิ่งเสียงดังมากเท่าไร เสียงแหลมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นตัวลำโพงนี้อาจทำให้เสียงเพี้ยนเล็กน้อย
สำหรับเสียงกลาง ทำออกมาได้ดี สมบูรณ์แบบ มีความคมชัด และสมดุลเป็นอย่างดี
เมื่อกดปุ่มที่มีเส้นหยักบริเวณด้านบนลำโพง จะทำให้คุณสามารถสลับระหว่างการตั้งค่าอีควอไลเซอร์ และไฟวงกลมจะแจ้งให้ทราบว่า กำลังใช้งานการตั้งค่าแบบไหนอยู่ SIGNATURE SOUND แสดงด้วยไฟสีฟ้าอ่อน BASS BOOST แสดงด้วยไฟสีเขียว และ ACOUSTIC แสดงด้วยไฟสีม่วง
ส่วนใหญ่เราจะใช้ SIGNATURE SOUND เพราะไม่คิดว่าลำโพงจะต้องการเสียงเบสส์มากไปกว่านี้ เว้นแต่คุณจะเป็นเจ้าภาพงาน PARTY ซึ่งเสียงเบสส์จะมีประโยชน์ เราชอบ ACOUSTIC มาก เพราะมันช่วยให้เสียงร้องชัดเจนขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์มากเมื่อคุณฟังเพลงช้า AUDIO DIGITAL FILE หรือวิทยุ มันมาพร้อมกับลำโพงโทรศัพท์ ไมโครโฟนในตัวที่มีให้ คุณภาพเสียงในการโทรน่าประทับใจ เสียงของเราฟังชัดเจนทั้งต้นทาง และปลายสาย
HOUSE OF MARLEY GET TOGETHER 2 XL เป็นลำโพงพกพาที่มีพลังมหาศาล และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับท่านที่ต้องการจัดพาร์ที และกำลังมองหาลำโพงที่ทำจากวัสดุยั่งยืนมากกว่าลำโพงบแรนด์อื่นๆ น่าเสียดายที่ไม่สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชันจากสมาร์ทโฟน แต่การตั้งค่าได้มากมายผ่านตัวลำโพงก็ถือว่าเป็นข้อดีที่ชัดเจน และสามารถใช้แทนลำโพงโทรศัพท์ได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ โหมด EQ 3 ที่ตั้งค่าไว้แล้ว อายุใช้งานแบทเตอรี 20 ชม. เสียงดังมาก
ควรปรับปรุง เสียงแหลมเมื่อเปิดดัง เสียงเพี้ยนเล็กน้อย
สรุป HOUSE OF MARLEY GET TOGETHER 2 XL เป็นลำโพงพกพาที่มีกำลังขับมหาศาล เสียงอาจจะไม่เป๊ะมาก แต่ดังแน่นอน นอกจากนี้ ยังเลือกการตั้งค่า EQ ล่วงหน้าได้ตามชอบ มีฟังค์ชันสปีเกอร์โฟนสุดแจ่มอีกด้วย
ABOUT THE AUTHOR
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2566
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS