รอบรู้เรื่องรถ
ซื้อรถใหม่ ต้องทันคนขาย
วันนี้เป็นวันที่ 25 ของเดือนมีนาคม ผมสัญญาต่อท่านผู้อ่านไว้ ในวันที่พิมพ์ต้นฉบับของเดือนที่แล้วว่า ภายในเวลา 1 เดือนหลังจากนั้น คือ อีกเพียงไม่กี่วัน ก่อนกำหนดเริ่มใช้ระเบียบใหม่ ในวันที่ 1 เมษายน (ซึ่งอาจจะเป็นแค่การออกมาเงื้อง่า ข่มขู่ แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกาศใช้ เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับก็ได้) น่าจะได้เห็นท่าทีอย่างเป็นรูปธรรม ของ “ตำรวจจราจร” ต่อมาตรการข่มขู่ผู้ใช้รถ ที่ชำระค่าปรับล่าช้ากว่ากำหนด
หลังจากได้คิดค้น “วิธีเด็ด” ได้สำเร็จ ซึ่งโดยหลักการก็ไม่ต่างจาก “ของเดิม” คือ โยนอาจมให้บุคลากรของกรมการขนส่งทางบก รับหน้าที่เป็น “แพะรับบาป” เช่นเคย ต่างกันเพียงแค่รายละเอียดปลีกย่อย ในการปลุกปั่นให้ประชาชนผู้ใช้ยานพาหนะ เกิดความเกลียดชังต่อข้าราชการของกรมการขนส่งทางบก วิธีการที่ฝ่ายตำรวจจราจร ภาคภูมิใจกันมากว่าจะสามารถเล่นงานผู้ที่ชำระค่าปรับล่าช้า ได้แบบ “อยู่หมัด” นั้น ผมแค่อ่านคร่าวๆ ก็เห็นจุดอ่อนอยู่มากมาย แต่ยังเร็วเกินไป และไม่คุ้มกับเนื้อที่ที่มีอยู่จำกัดของคอลัมน์นี้ จึงขอรอดูท่าทีต่อไปอีก 1 เดือนครับ มีความเป็นไปได้ ที่อาจจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมออกมา ก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะถึงมือท่านผู้อ่าน ถ้าเป็นเช่นที่ว่า ผมก็จะมาให้คำแนะนำ และความเห็น ในฉบับถัดไปอย่างแน่นอนครับ
ขณะที่พิมพ์ต้นฉบับอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่มีการจัดงานแสดงยานยนต์อยู่พอดี งานแสดงรถยนต์ของเรามีมาตรฐานสูงขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง จะเป็น "ค่าย" ไหน หรือใครจัดนั้นไม่สำคัญครับ ถ้าชื่อเสียง และผลประโยชน์ตกอยู่กับประเทศไทย และชาวไทย ก็ถือว่าได้ผลสมประสงค์แล้ว เสียอยู่หน่อยก็ตรงความแตกต่างจากงานประเภทนี้ในระดับสากล ซึ่งของเขาไม่เน้นการขายรถในงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีขายนะครับ มีขายกันมากพอสมควร แต่เป็นรถที่กำลังจะออก หรือเพิ่งออกใหม่ แล้วผมก็ไม่เห็นความจำเป็นว่า ทำไมต้องให้เงื่อนไขพิเศษแก่ลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นทั่วไปเฉพาะในงาน ถ้าอยากให้ก็ให้นอกงานไปเลย คือ ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่งทั่วประเทศ (ซึ่งผู้จำหน่ายหลายราย ก็เริ่มคิดได้ และให้บริการอย่างที่ว่านี้แล้ว) และคงไม่มีใครเชื่อว่า การเดินทางไปซื้อรถในงานแสดงรถยนต์ สะดวกกว่าการเดินทางไปยังตัวแทนจำหน่ายด้วยครับ
บางคนเชื่อว่าการไปดูงานแสดงรถยนต์ จะทำให้มีความรู้ทันต่อเหตุการณ์ว่า โรงงานไหนจะออกรถรุ่นใหม่บ้าง และเป็นรุ่นใด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ เพราะรถรุ่นต่างๆ ทั้งหลายนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแบบเมื่อมีรุ่นใหม่มาแสดงในมหกรรมยานยนต์ของไทยนะครับ แต่ผลัดกันเปลี่ยนแบบเปลี่ยนรุ่นกันตลอดทั้งปี หากจะเน้นกำหนดเวลาก็จะเลือกมหกรรมยานยนต์ระดับสากลของประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะฉะนั้นมีทางเดียวที่เราจะทราบได้ว่า มีรถรุ่นไหนเปลี่ยนแบบใหม่บ้าง ซึ่งก็คือ การติดตามอ่านจากนิตยสารรถ ไม่ว่าจะของไทย หรือต่างประเทศ
ผมเขียนเรื่องนี้เพราะต้องการเรียนให้ทราบว่า การซื้อรถตกรุ่นโดยไม่ทราบความจริงว่า รถรุ่นใหม่มีจำหน่ายแล้วนั้น เป็นความเสียหายอย่างมากครับ หากจะซื้อต้องซื้อทั้งๆ ที่ทราบ และต้องได้รับการเสนอเงื่อนไขพิเศษอย่างยุติธรรมด้วย อาจจะมีผู้ที่แย้งว่าไม่สนใจความเป็นรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่า บางคนอาจจะเห็นว่ารุ่นเก่านั้นสวย แต่รุ่นใหม่กลับน่าเกลียด ไม่ว่าจะเป็นภายนอก หรือภายในก็ตาม
แม้จะมีความรู้สึกเช่นนี้ ผมก็ยังต้องห้ามซื้อรถตกรุ่นโดยไม่ได้รับเงื่อนไขพิเศษอยู่ดีครับ เพราะความเสียหายนั้นมากมาย เนื่องจากมูลค่าของรถรุ่นเก่าจะตกฮวบทันทีที่รถรุ่นใหม่วางตลาด ไม่ว่าจะอยู่ในโชว์รูม หรืออยู่บนท้องถนนก็ตาม เป็นรถระดับธรรมดาก็ไม่ต่ำกว่าแสนบาทครับ ถ้าเป็นรถราคาแพงก็เหมือนเงินล้านบาทหายวับไปกับตา เรียกว่า "เผาเงินทิ้ง" เพราะขาดข้อมูลข่าวสาร ยังไม่รวมความเจ็บใจที่ประเมินเป็นราคา (ค่าโง่) ได้ยาก เอาเศษเงินแค่ไม่ถึงพันบาท มาสมัครเป็นสมาชิกนิตยสารรถสักฉบับก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถึงไม่สนใจเรื่องอื่นๆ เอาไว้ดูความเคลื่อนไหวของโรงงานรถที่จะออกรุ่นใหม่ก็คุ้มแล้วครับ
คราวนี้มาถึง "หัวใจ" ของเรื่องนี้ครับ ผมใช้คำว่า "ค่าโง่" ตามยุคนักการเมืองขี้ฉ้อเกลื่อนเมืองเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าใครที่ถูกหลอกให้ซื้อรถ "ตกรุ่น" แล้วจะโง่นะครับ ความจริงแล้วตรงกันข้าม คือ เป็นผู้ที่น่าเห็นใจ และสมควรได้รับการปกป้อง ช่วยเหลือ เรายังขาดองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพจริงครับ ทุกวันนี้การหลอกลวงขายรถ หรือสินค้าอื่นใดก็ตามด้วยวาจา ถือกันว่า "พึงทำได้" บรรดานักขายทั้งหลายจึงย่ามใจ และย่ำยีลูกค้ากันอย่างสนุกสนาน
ที่จริงแล้ว เป็นความเข้าใจผิดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ เพราะคำสัญญาที่แม้จะเป็นเพียงคำพูด หรือวาจานั้น มีผลผูกพันทางกฎหมาย เราจึงได้ยินคำว่า “คำมั่นสัญญา” ในชีวิตประจำวันเป็นประจำ โดยมิได้เข้าใจความหมายด้านกฎหมาย ผมขอคัดความหมายของ “คำมั่น” มาให้ดูกันเป็นตัวอย่างนะครับ ให้เห็นกันว่า มันมีความสำคัญทางกฎหมาย ที่ใครก็ตาม จะละเมิด หรือด้อยค่ามิได้
คำมั่น : หมายถึง การแสดงเจตนาให้ความแน่นอนว่า ตนจะกระทำการ อย่างใดอย่างหนึ่ง “คำมั่น” ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มีได้หลายกรณี เช่น คำมั่นว่าจะให้รางวัล (มาตรา 362) คำมั่นว่าจะให้รางวัลในการประกวดของรางวัล (มาตรา 365) คำมั่นว่าจะซื้อ หรือจะขาย (มาตรา 454)
เพราะฉะนั้น อย่ายอมให้พนักงานขายเจ้าเล่ห์ มันมาเล่นลิ้น หลอกลวงเพื่อเอาผลประโยชน์ จากการสูญเสียทรัพย์สิน หรือเสียโอกาสของเราครับ ผมแนะนำให้พาสมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือญาติ ไปร่วมในการสอบถามข้อมูลก่อนซื้อรถเสมอครับ จะได้มีพยานยามที่เราถูกหลอกลวง และอย่าลืมบันทึกเสียง (หรือทั้งภาพ และเสียง) ขณะเจรจาไว้ให้ครบถ้วน เพื่อเอาไว้เป็นพยานหลักฐานครับ และข้อสำคัญ อย่าเชื่อคำพังเพย หรือภาษิตโบราณ ที่ว่า “กินอาจมดีกว่ามีคดีถึงศาล”
ไร้สาระครับ ถ้าจำเป็นต้องฟ้องร้องต่อศาล เพื่อปกป้องสิทธิ์ ทรัพย์สิน หรือรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ หรือแม้เพียงเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม และความยุติธรรม อย่ารีรอ หรือท้อแท้เป็นอันขาดครับ (ผมไม่ได้เป็นพวกยุยงอย่างเดียวนะครับ แต่ปฏิบัติเองด้วย เสียเงินค่าจ้างทนายความ และขึ้นศาลสู้กับพวกฉ้อโกงมาหลายรอบแล้ว) ให้ถือว่าเป็นวิถีชีวิตปกติของมนุษย์ ในสังคมเช่นทุกวันนี้ ดีกว่าปล่อยให้คนชั่วมันรังแก เอาเปรียบ หรือฉ้อโกงเรา
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/449469