วิถีตลาดรถยนต์
ไตรมาสแรกจบไม่สวย
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2023/2022
ตลาดโดยรวม -8.4 %
รถยนต์นั่ง +0.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +43.5 %
กระบะ 1 ตัน -22.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -3.5 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม 2023/2022
ตลาดโดยรวม -6.1 %
รถยนต์นั่ง +2.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +24.1 %
กระบะ 1 ตัน -17.3 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +1.1 %
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว กับการก้าวไปให้ถึงซึ่งเป้าหมายการเติบโตขึ้น ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศ ที่ว่าปี 2566 จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นกว่าปี 2565 ประมาณ 6.0 % เพราะตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาลค้าขายมาในเดือนมกราคม จนถึงปิดตัวเลขยอดจำหน่ายไตรมาสแรกไปในเดือนมีนาคมนี้ ตัวเลขยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้น มีแต่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 ถึงแม้ว่าปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งจากเรื่องการระบาดของ COVID-19 การชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ การชะงักงันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงเรื่องของภัยธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังเหลือเวลาให้นักการตลาดของแต่ละค่ายยานยนต์ ขบคิดหากลยุทธ์แนวทางดึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มอื่นๆ ให้มาจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ในค่ายของตัวเองกันอีกถึง 3 ไตรมาส ก็ไม่แน่เหมือนกันจากที่ปิดไตรมาสแรกของปี ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่รวมทั้งตลาด ที่หดหายไปเกือบ 15,000 คัน จะพลิกกลับมาเป็นมากกว่า 900,000 คัน ที่กะๆ กันเอาไว้ เมื่อปิดฤดูกาลค้าขายสิ้นเดือนธันวาคม 2566
และเป็นประจำของทุกปีที่ความสนใจของผู้บริโภค หรือผู้กำลังตัดสินใจหาซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงสักคัน จะโฟคัสไปที่ช่วงระยะเวลาของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่เริ่มต้นขึ้นในช่วงเกือบปลายเดือนมีนาคม คาบเกี่ยวไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ หรือพโรโมชันพิเศษอะไร ที่โดนอกโดนใจบ้างหรือเปล่า ซึ่งจากงานแรกของปีก็จะส่งผลให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เดือนเมษายน เติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้งหนึ่ง แต่จะมากน้อยเพียงไร ฉบับต่อไปจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
สำหรับเดือนมีนาคม 2566 ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 79,943 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา 7,302 คัน หรือลดลง 8.4 % โดยตลาดรถยนต์ที่ยังคงสถานะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นตลาดรถเอสยูวี ขณะที่ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ รวมถึงรถยนต์นั่ง ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเช่นกัน โดยรถยนต์ 5 ยี่ห้อดังที่ได้รับความนิยมสูงสุด รั้งตำแหน่งหัวแถว ยังคงประกอบด้วย อันดับ 1 TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายได้ 25,713 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม ปีที่ผ่านมา 4,284 คัน หรือลดลง 14.3 % มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 32.2 % ตามด้วย ISUZU (อีซูซุ) 17,133 คัน ลดลง 4,668 คัน หรือลดลง 21.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 21.4 % HONDA (ฮอนดา) 10,185 คัน เพิ่มขึ้น 176 คัน หรือเพิ่มขึ้น 1.8 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 12.7 % FORD (ฟอร์ด) 4,077 คัน เพิ่มขึ้น 1,296 คัน หรือ 46.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 % และ MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) 4,072 คัน ลดลง 565 คัน หรือลดลง 12.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 %
ทั้งนี้ไตรมาสแรกของปี 2566 ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่รวมอยู่ที่ 217,073 คัน เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2565 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ขาดหายไป 14,116 คัน หรือลดลง 6.1 % โดย TOYOTA ยังคงมีตัวเลขยอดจำหน่ายสูงสุด 75,121 คัน ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แล้วเป็นยอดจำหน่ายที่ขาดหายไป 2,023 คัน หรือลดลง 2.6 % ส่วนแบ่งการตลาดไตรมาสแรก 34.6 % ตามด้วย ISUZU 47,159 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แล้วขาดหายไปถึง 10,261 คัน หรือลดลง 17.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 21.7 % HONDA 25,961 คัน เพิ่มขึ้น 337 คัน หรือเพิ่มขึ้น 1.3 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 12.0 % FORD 11,047 คัน เพิ่มขึ้น 3,685 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 50.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 % และ MITSUBISHI 10,962 คัน ลดลง 3,113 คัน หรือลดลง 22.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 5.0 %
ทางด้านของรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนมีนาคมนี้มีพิคอัพ FORD เพียงเจ้าเดียวที่มีตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นกว่าเดือนมีนาคม 2565 นอกนั้นปักหัวดิ่งลงทั้งสิ้น โดยพิคอัพ 1 ตัน มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันอยู่ที่ 36,033 คัน เทียบกับเดือนมีนาคม 2565 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ต่างกัน 10,297 คัน หรือเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลง 22.2 % พิคอัพ ISUZU ยังคงรับบทผู้นำตลาดต่อเนื่องต่อไป ด้วยยอดจำหน่าย 15,845 คัน แต่เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลงถึง 4,479 คัน หรือลดลง 22.0 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 43.9 % ตามด้วย TOYOTA 13,103 คัน ลดลง 5,886 คัน หรือลดลง 31.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 36.3 % ต่อด้วย FORD 4,074 คัน เพิ่มขึ้น 1,295 คัน หรือเพิ่มขึ้น 46.6 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 11.3 % และ MITSUBISHI จำหน่ายได้ 2,271 คัน ลดลง 573 คัน หรือลดลง 20.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.3 %
ไตรมาสแรกของปี 2566 รถพิคอัพ 1 ตัน มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 101,472 คัน เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2565 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลง 21,300 คัน เท่ากับลดลง 17.3 % ยอดจำหน่ายสะสมมากที่สุดยังคงเป็น ISUZU ที่จำหน่ายไปแล้วรวม 43,522 คัน แต่เป็นยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลง 9,634 คัน หรือลดลง 18.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42.9 % ตามด้วย TOYOTA 39,287 คัน ลดลง 10,802 คัน หรือลดลง 21.6 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ส่วนแบ่งการตลาด 38.7 % ต่อด้วย FORD 11,040 คัน เพิ่มขึ้นถึง 3,690 คัน หรือเพิ่มขึ้น 50.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.9 % MITSUBISHI 5,717 คัน ลดลง 2,807 คัน หรือลดลง 32.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.6 % และ NISSAN (นิสสัน) 1,336 คัน ลดลง 1,154 คัน หรือลดลง 46.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.3 %
สำหรับรถเอสยูวี เดือนมีนาคม 2566 มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 10,130 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2565 ถึง 3,071 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 43.5 % ซึ่งต้องยกเครดิทให้แก่การเข้ามาของรถเอสยูวีหน้าใหม่จากประเทศจีน BYD (บีวายดี) ที่ผู้ใช้รถในบ้านเราให้การตอบรับเป็นอย่างดี แต่จะแรงดีไม่มีตกหรือไม่ คงต้องดูกันยาวๆ ต่อไป โดยอันดับ 1 ของตลาดนี้ ยังคงเป็น HONDA ที่เดือนนี้จำหน่ายไปได้อีก 3,132 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2565 ถึง 1,449 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 86.1 % เลยทีเดียว ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 30.9 % อันดับ 2 เป็นน้องใหม่ BYD จำหน่ายได้ 2,434 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 24.0 % (เนื่องจากเพิ่งเริ่มจำหน่าย จึงไม่มีฐานตัวเลขของปี 2565 ให้เปรียบเทียบ) อันดับ 3 TOYOTA 1,853 คัน เพิ่มขึ้น 227 คัน หรือเพิ่มขึ้น 14.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 18.3 % อันดับ 4 MAZDA (มาซดา) 734 คัน ลดลง 1,106 คัน หรือลดลง 60.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.2 % และอันดับ 5 MG (เอมจี) 655 คัน ลดลง 7 คัน หรือลดลง 1.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.5 %
รถเอสยูวี มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 26,861 คัน ในไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 5,224 คัน หรือเพิ่มขึ้น 24.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ผู้นำตลาดในไตรมาสแรกประกอบด้วย HONDA จำหน่ายไปแล้ว 8,175 คัน เพิ่มขึ้น 2,447 คัน หรือเพิ่มขึ้น 42.7 % ส่วนแบ่งการตลาดไตรมาสแรก 30.4 % TOYOTA 5,512 คัน เพิ่มขึ้น 307 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 20.5 % BYD 4,502 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 16.8 % MAZDA 2,119 คัน ลดลง 2,046 คัน หรือลดลง 49.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.9 % และ MG 2,085 คัน ลดลง 804 คัน หรือลดลง 27.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.8 %
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนมีนาคม 2566 จำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 3,912 คัน ลดลง 140 คัน หรือลดลง 3.5 % ไตรมาสแรกปี 2566 มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 11,174 คัน เพิ่มขึ้น 120 คัน หรือเพิ่มขึ้น 1.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2565 ทั้งนี้เดือนมีนาคม 2566 มีการจดทะเบียนรถพิคอัพ 1 ตัน และรถเอสยูวีทั้งสิ้น 53,616 คัน ลดลง 6,178 คัน หรือลดลง 10.3 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/454804