NISSAN X-TRAIL (นิสสัน เอกซ์-ทเรล) เป็นรถเอสยูวีสายพันธุ์ที่ 4 ถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานรถนั่งขนาดกลาง C-SUV เพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ TOYOTA RAV4 (โตโยตา รัฟโฟร์), LAND ROVER DISCOVERY SPORT (แลนด์ โรเวอร์ ดิฟคัฟเวอรี สปอร์ท) และ HONDA CR-V (ฮอนดา ซีอาร์-วี) ซึ่งในตลาดประเทศญี่ปุ่น จะใช้เครื่องยนต์แบบ E-POWER (อี-เพาเวอร์) และ e-4ORCE มีให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ในขณะที่ตลาดอเมริกา จะใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ ที่มีความประหยัดกว่ารุ่นปี 2022
หน้าตาภายนอก มีรูปทรงที่คุ้นตา กระจังหน้ารูปตัว V ขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ MULTI-LEVEL LED ล้อมีตั้งแต่ขนาด 18-20 นิ้ว ตามรายละเอียดของแต่ละรุ่น ไฟท้าย LED รูปทรงบูเมอแรง ประตูบานหลังเปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา เพื่อความสะดวกในการเข้า/ออกจากตัวรถ ฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ด้านบนติดตั้งราวหลังคา และพาโน รามิค ซันรูฟ
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยความหรูหรา วัสดุคุณภาพสูง เน้นความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ชุดคอนโซลกลาง ประกอบด้วย E-SHIFTER เลือกโหมดการขับขี่ มีแท่นชาร์จแบบไร้สาย 15 วัตต์ ติดตั้งปลั๊กชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 100 โวลท์ ที่มีกำลังขับสูงสุด 1,500 วัตต์ เพียงพอที่จะใช้เป็นพลังงานในยามฉุกเฉินได้ หน้าจอแสดงผล NISSAN CONNECT ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง และอินโฟเทนเมนท์ รองรับระบบ ANDORID AUTO และ APPLE CAR PLAY ส่วนจอแสดงผล HEAD- UP DISPLAY ขนาด 10.8 นิ้ว เครื่องปรับอากาศแยก 3 โซน ซ้าย/ขวา เครื่องเสียงชั้นยอดจากค่าย BOSE พร้อมลำโพง 10 ตัวติดตั้งรอบทิศทาง
เบาะนั่งแถว 2 สามารถปรับแยกส่วนแบบ 60:40 และเลื่อนไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ และเพิ่มความสะดวกกับผู้โดยสารในการเข้าสู่ที่นั่งแถว 3
ขุมกำลังของ X-TRAIL ขับเคลื่อนด้วยระบบ E-POWER ซึ่งเป็นเอกสิทธ์ของ NISSAN ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ โดยเครื่องยนต์เบนซินจะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เพื่อจะไปเก็บไว้ในแบทเตอรี โดยล้อจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังไปยังเพลา ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจ
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ให้กำลังถึง 142 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 2,400-4,000 รตน. เป็นต้นกำเนิดกำลังให้แก่มอเตอร์ขับเพลาคู่หน้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม. และมอเตอร์ขับเพลาล้อคู่หลัง 135 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.9 กก.-ม.
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ e-4ORCE จะทำหน้าที่ผสานการทำงานของเพลาหน้า และเพลาหลัง ซึ่งมีหน่วยประมวลผลอัจฉริยะ ที่จะคอยควบคุมการ กระจายแรงไปยังล้อทั้ง 4 ด้วยความเหมาะสมตามสภาพพื้นผิวถนน ทำให้มีการทรงตัวที่ดี และปลอดภัย โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีการทำงานให้เลือกถึง 5 โหมดด้วยกัน คือ OFF-ROAD, SNOW, STANDARD, ECO และ SPORT
ระบบความปลอดภัย NISSAN SAFETY SHIELD 360 ประกอบด้วย ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน และคนปั่นจักรยาน, ระบบตั้งความเร็วแปรผันอัตโนมัติ, กล้องรอบคัน 360 องศา เป็นต้น
ในการขับขี่สามารถใช้คันเร่งทำหน้าที่ทั้งเร่งความเร็ว และชะลอความเร็วเมื่อถอนคันเร่ง หรือที่เรียกว่า E-PADDLE โดยแทบจะไม่ต้องใช้เบรคเลย ซึ่งช่วยให้การขับในเมืองสะดวกมาก แต่ในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปทำงานจะมีเสียงรบกวนค่อนข้างดังไปหน่อย
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6.3-6.6 ลิตร/100 กม. โดยนอกเมืองใช้ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ขณะที่ในเมืองทำได้ 6-6.5 ลิตร/100 กม. การขับขี่เน้นความนุ่มนวล นั่งสบายเป็นหลัก ส่วนหนึ่งมาจากการเซทแชสซีส์ ความคม และการตอบสนองของพวงมาลัยอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง พวงมาลัยส่งการตอบสนองมายังผู้ขับค่อนข้างน้อย การเข้าโค้งมีอาการโยนตัวอยู่บ้าง ไม่เน้นการขับขี่แบบสปอร์ท X-TRAIL E-POWER e-4ORCE จะเป็นรถที่สร้างความประทับใจในการขับบนทางตรง, มีอัตราเร่งที่รวดเร็ว และประหยัดเชื้อเพลิง
NISSAN X-TRAIL E-POWER ใหม่ เป็นรถครอบครัวที่น่าใช้ ใช้งานได้ดีแบบอเนกประสงค์ทั้งในวันทำงาน และวันหยุดพักผ่อน ภายในห้องโดยสารหรูหรา และกว้างขวาง บรรทุกสัมภาระได้อย่างจุใจ โดยสามารถพับเบาะแถว 2 และ 3 ลงมาเพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุก ในเมืองไทยคงต้องลุ้นว่า นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทยฯ จะนำรถรุ่นนี้มาทำตลาดหรือไม่ ? แต่การแข่งขันในตลาดรถกลุ่ม C-SUV ดุเดือดไม่เบาเลยทีเดียว
คุณรู้หรือไม่ ?
NISSAN X-TRAIL ใช้โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ ที่เรียกว่า ALLIANCE CMF-C ซึ่งใช้วิศวกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ X-TRAIL รุ่นใหม่ขับขี่ได้ดีขึ้น เป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ของรถครอสส์โอเวอร์ เหมาะกับคนที่ชอบการผจญภัยที่จะได้สัมผัสกับสมรรถนะและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า