การผสมข้ามพันธุ์ในวงการรถยนต์ไม่ได้มีแค่ รถเก๋งกับเอสยูวี เป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี หรือเครื่องสันดาปกับไฟฟ้า เป็นไฮบริด เท่านั้น แต่ยังมีการที่รถยนต์ไปผสมพันธุ์กับสินค้าประเภทอื่นๆ ด้วย โดยที่นิยมกันก็คือ การไปผสม หรือคอลแลบ (COLLAB: COLLABORATION) กับสินค้าแฟชัน
ล่าสุด ในงาน TOKYO AUTO SALON 2024 เมื่อต้นปี NISSAN (นิสสัน) โชว์รถรุ่นพิเศษ ROOX BEAMS CUSTOMIZED CONCEPT (รุกซ์ บีมส์ คัสโตไมซ์ คอนเซพท์) ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ BEAMS บแรนด์สตรีทแฟชันชื่อดังของญี่ปุ่น โดยมีการตกแต่งสไตล์ BEAMS ทั้งภายนอก และภายใน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 บแรนด์ยังร่วมกันออกแบบคอลเลคชันเสื้อผ้า และสินค้าแฟชันอื่นๆ ภายใต้ชื่อ NISSAN x BEAMS เน้นความสดใส และทันสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
เนื่องจากผมสนใจเรื่องแฟชัน และรู้สึกมานานแล้วว่า แฟชันกับรถยนต์มันเป็นเรื่องเดียวกัน จึงตื่นเต้นทุกครั้งที่มีความร่วมมือทำนองนี้เกิดขึ้น ซึ่งทั้งผู้ผลิตรถ และดีไซจ์เนอร์ทั้งหลายก็คงคิดแบบเดียวกับผมนี่แหละ จึงได้หาทางจับคู่คอลแลบกันอยู่เรื่อยๆ โดยก่อนคู่ NISSAN x BEAMS ก็มีอีกหลายคู่ที่น่าสนใจ เช่น BUGATTI x HERMES (2020) FIAT x GUCCI (2021) LAMBORGHINI x VERSACE (2021) PORSCHE x FENDI (2022) LAMBORGHINI x PRADA (2022) รวมถึง MINI x PAUL SMITH ที่โชว์ตัวในงาน MOTOR EXPO 2022
อันนี้ยกตัวอย่างเฉพาะที่เพิ่งเกิดใกล้ๆ นะครับ จริงๆ แล้ว COLLAB MARKETING ระหว่างบแรนด์รถยนต์ กับบแรนด์แฟชัน ไม่ได้เพิ่งเริ่มเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่ทำกันมานานนับ 10 ปี แค่ไม่ค่อยมีใครรู้ และส่วนใหญ่จะเป็นการทำเพื่อจัดแสดงเท่านั้น กระทั่งถึงยุคสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ทเรนด์นี้จึงเริ่มฮิท เพราะมันช่วยเสริมภาพลักษณ์ซึ่งกันและกัน แถมยังสามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของบแรนด์ที่มาร่วมได้ด้วย ซึ่งถ้ามองในมุมนี้ ฝ่ายที่รับประโยชน์เต็มๆ จากการคอลแลบก็น่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ เพราะฐานลูกค้าแฟชันกว้างกว่ามาก
ฉะนั้น สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถเครื่องสันดาปบ้านเรา ที่กำลังมองหาทางสู้กับรถไฟฟ้า แนะนำให้ทำ COLLAB MARKETING ชวนบแรนด์แฟชันดังๆ ในเมืองไทยมาร่วมกันสร้างสรรค์รถรุ่นพิเศษ เช่น TOYOTA YARIS x NARAYA หรือ HONDA CITY x GREYHOUND เป็นต้น
ลองดูนะครับ นอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว เผลอๆ ท่านประธานอุ๊งอิ๊งอาจถูกใจผลักดันให้กลายเป็น SOFT POWER ระดับประเทศขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้ !