MERCEDES-AMG SL 63 S E PERFORMANCE รถเปิดประทุนโมเดลพิเศษ แรงสุดในช่วง 7 ทศวรรษ

เยอรมนี-วันพุธแรกของปีมังกรไฟ ค่าย “ดาวสามแฉก” เอาใจคนรักรถเร็วรถแรงแต่ยังเป็นห่วงสิ่งแวดล้อม โดยการเปิดตัวรถสปอร์ทเปิดประทุนโมเดลใหม่ล่าสุด คือ MERCEDES-AMG SL 63 S E PERFORMANCE (เมร์เซเดส-เอเอมจี เอสแอล 63 เอส อี เพอร์ฟอร์มานศ์) ซึ่งกำลังจะเริ่มการจำหน่าย พร้อมกับป้ายค่าตัวที่คาดว่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 210,000 ยูโร หรือประมาณ 8.0 ล้านบาทไทย

นับเป็นโมเดลที่ 4 ของรถสปอร์ทเปิดประทุน MERCEDES SL (เมร์เซเดส เอสแอล) รุ่นปัจจุบัน (รุ่น 5) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2021 โดยมีรถให้เลือกใช้รวม 3 โมเดล คือ MERCEDES-AMG SL 43 (เบนซิน 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 280 กิโลวัตต์/381 แรงม้า ขับล้อหลัง) MERCEDES-AMG SL 55 4MATIC+ (เบนซิน วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 350 กิโลวัตต์/476 แรงม้า ขับทุกล้อ) และ MERCEDES-AMG SL 63 4MATIC+ (เบนซิน วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ขับทุกล้อ) 

ตัวถังซึ่งยาว 4.705 ม. กว้าง 1.915 ม. และสูง 1.354 ม. มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปจากรถโมเดลอื่นๆ อยู่หลายจุด จุดที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ที่ชาร์จไฟแบทเตอรีตรงกันชนท้าย กับป้ายอักษรสีแดง E PERFORMANCE ที่ติดตั้งอยู่ตรงปีกหน้าทั้ง 2 ด้าน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา แต่เป็นการเปลี่ยนระบบขับ จากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินเพียงอย่างเดียว เป็นขับด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี

เป็นระบบขับทุกล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 450 กิโลวัตต์/612 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ขับล้อคู่หน้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า และระบบเกียร์ 2 จังหวะ ขับล้อคู่หลัง กับใช้แบทเตอรีน้ำหนักเบา/สมรรถนะสูง ขนาด 400 โวลท์ 6.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นอุปกรณ์ป้อนพลังไฟ ได้กำลังรวมสูงสุด 600 กิโลวัตต์/816 แรงม้า ตัวเลขที่ทำให้กล่าวได้อย่างเต็มเสียงว่า นี่คือ รถที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ซึ่งยาวนานถึง 70 ปี ของรถสปอร์ทเปิดประทุน MERCEDES SL

ตามตัวเลขของผู้ผลิต รถแรงรถเร็วโมเดลนี้ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาแค่ 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 317 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.7 ลิตร/100 กม. หรือ 13.0 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 175 กรัม/กม. และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 13 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม