ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุมรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ อีกครั้งหนึ่ง ด้วยผลงานของค่าย DODGE (ดอดจ์) ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของ STELLANTIS BV (สเตลแลนทิส บีวี) กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ที่เพิ่งก่อกำเนิดเมื่อเดือนมกราคม 2021 และปัจจุบันมีรถยนต์อยู่ในสังกัดรวม 14 ยี่ห้อ คือ ABARTH (อบาร์ธ) ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ) CHRYSLER (ไครสเลอร์) CITROEN (ซีตรอง) DODGE (ดอดจ์) DS (เดแอส) FIAT (เฟียต) JEEP (จีพ) LANCIA (ลันชา) MASERATI (มาเซราตี) OPEL (โอเพล) PEUGEOT (เปอโฌต์) RAM (แรม) และ VAUXHALL (วอกซ์ฮอลล์)
DODGE CHARGER (ดอดจ์ ชาร์เจอร์) เป็นชื่อของรถสายเลือดอเมริกันพันธุ์แท้ ที่ค่าย DODGE ผลิตต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 1966 และเป็นรถหลายประเภท คือ มีทั้งรถยนต์นั่งขนาดกลาง รถคูเประดับหรู รถเก๋งแฮทช์แบคขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัด และรถเก๋งซีดานขนาดโตเต็มพิกัด ในช่วงเวลาเกือบ 6 ทศวรรษที่ผ่านมานี้ มีรถติดป้ายชื่อ DODGE CHARGER ออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาไปแล้วรวม 7 รุ่น โดยรุ่นแรกเริ่มการจำหน่ายเมื่อปี 1966 ตามมาด้วยรุ่นที่ 2-7 ในปี 1968/1971/1975/1982/2006 และ 2011
กล่าวโดยรวม ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ เมื่อเอ่ยชื่อ DODGE CHARGER คนรักรถในเมืองมะกันจะนึกถึงรถเก๋งซีดานขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ที่มีความแรง และความเร็วเป็นจุดขาย อย่างที่เรียกกันว่า MUSCLE CAR เป็นรถที่มักได้เห็นกันในภาพยนตร์แอคชันฮอลลีวูด ที่มีฉากการไล่ล่าด้วยรถยนต์ ทั้งตำรวจไล่ล่าพระเอก และตำรวจไล่ล่าผู้ร้าย ทั้งพระเอกไล่ล่าผู้ร้าย และผู้ร้ายไล่ล่าพระเอก
ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้ เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุด คือ รุ่นที่ 8 เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2024 นี่เอง แต่ต้องรออีกหลายเดือนจึงจะเริ่มการจำหน่าย ที่แปลก และแตกต่างไปจากเดิมมากก็คือ รถรุ่นที่ 7 ซึ่งอยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ มีแต่รถ 4 ประตูซีดาน และรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่รถรุ่นใหม่นี้จะมีทั้งรถ 4 ประตูซีดาน และรถ 2 ประตูคูเป กับมีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
DODGE CHARGER รุ่นนี้ นับเป็นรถแบบแรกของกลุ่มบริษัท STELLANTIS BV ที่ออกแบบโดยใช้พแลทฟอร์มสำหรับรถขนาดใหญ่ที่ค่ายนี้เพิ่งออกแบบขึ้นใหม่ และตั้งชื่อว่า STLA PLATFORM เป็นพแลทฟอร์มที่ใช้ได้ทั้งกับรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ นอกจากใช้ในรถรุ่นนี้แล้ว ค่ายนี้ยังตั้งใจจะใช้กับรถขนาดใหญ่อีกหลายแบบของ CHRYSLER (ไครสเลอร์) JEEP (จีพ) ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ) และ MASERATI (มาเซราตี) ด้วย
รถคูเปซึ่งมี 2 โมเดล คือ DODGE CHARGER DAYTONA R/T (ดอดจ์ ชาร์เจอร์ เดย์โทนา อาร์/ที) กับ DODGE CHARGER DAYTONA SCAT PACK (ดอดจ์ ชาร์เจอร์ เดย์โทนา สแกท แพค) จะเริ่มการผลิตตอนกลางปี 2024 รถซีดานซึ่งก็จะมี 2 โมเดล และมีชื่อโมเดลเหมือนรถคูเป จะเริ่มการผลิตในไตรมาสแรกปี 2025 ส่วนรถคูเปติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน คือ DODGE CHARGER SIXPACK H O (ดอดจ์ ชาร์เจอร์ ซิกซ์แพค เอช โอ) และรถซีดานเครื่องยนต์เบนซิน DODGE CHARGER SIXPACK S O (ดอดจ์ ชาร์เจอร์ ซิกซ์แพค เอส โอ) ก็จะเริ่มการผลิตในไตรมาสแรกปี 2025 เช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นรถอเมริกันพันธุ์แท้ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐอเมริกา แต่จะใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง WINDSOR (วินเซอร์) ในรัฐ ONTARIO (ออนทาริโอ) ของแคนาดาเป็นฐานผลิต
รถคูเป DODGE CHARGER DAYTONA R/T เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ในตัวถังยาว 5.249 ม. กว้าง 2.028 ม. และสูง 1.497 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 3.074 ม. เป็นตัวถัง 2 ประตู 5 ที่นั่ง ซึ่งทำจากเหล็กกล้า และอลูมิเนียม มีน้ำหนักตัวพร้อมขับ 2,648 กก. ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 340 กิโลวัตต์/456 แรงม้า ที่สามารถใช้ระบบ POWER SHOT โอเวอร์บูสต์กำลังรวมสูงสุดเป็น 370 กิโลวัตต์/496 แรงม้า ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ คือ เพียง 15 วินาที ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาด 442 โวลท์ ซึ่งมีความจุรวม 100.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และความจุใช้งาน 93.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเดินทางได้ไกล 510 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน EPA (ENVIRONMENTAL PROTECTION AGENCY) หรือองค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา มีโหมดการขับให้เลือก 5 โหมด คือ AUTO-ECO-SPORT-WET/SNOW-TRACK สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.
ส่วนรถคูเปโมเดลหัวกะทิ DODGE CHARGER DAYTONA SCAT PACK ก็เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อเช่นกัน ตัวถัง 2 ประตู 5 ที่นั่ง ซึ่งก็ทำจากเหล็กกล้า และอลูมิเนียม มีขนาดความยาว 5.248 ม. กว้าง 2.028 ม. และสูง 1.499 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 3.074 ม. และมีน้ำหนักรถพร้อมขับ 2,648 กก. เท่ากันกับรถโมเดลแรก ส่วนระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 470 กิโลวัตต์/630 แรงม้า และสามารถใช้ระบบ POWER SHOT โอเวอร์บูสต์กำลังรวมสูงสุดเป็น 500 กิโลวัตต์/670 แรงม้า ในช่วงเวลาสั้นๆ คือ เพียง 15 วินาที ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาดเดียวกันกับโมเดลแรก คือ ขนาด 442 โวลท์ ซึ่งมีความจุ 100.5/93.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถเดินทางได้สั้นกว่า คือ แค่ 418 กม.เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน EPA ส่วนโหมดการขับเพิ่มเป็น 6 โหมด คือ AUTO-ECO-SPORT-WET/SNOW-TRACK-DRAG อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 3.3 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดลดลงเป็น 215 กม./ชม.
ทั้งคู่เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกของค่ายนี้ และนับเป็นรถสายพันธุ์อเมริกันที่สมควรยกนิ้วให้ ทั้งในด้านหน้าตา และรูปทรงองค์เอวตัวถัง
รถเก๋งคูเปขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ
มิติตัวถัง 5.248x2.028x1.497 ม. ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวมสูงสุด 340 กิโลวัตต์/456 แรงม้า
แบทเตอรี 100.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะเดินทาง 510 กม.
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.
รถเก๋งคูเปขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โมเดลหัวกะทิ
มิติตัวถัง 5.248x2.028x1.499 ม. ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด กำลังรวมสูงสุด 470 กิโลวัตต์/630 แรงม้า
แบทเตอรี 100.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะเดินทาง 418 กม.
อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม.