ตลาดโดยรวม -29.8 %
รถยนต์นั่ง -25.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +3.7 %
กระบะ 1 ตัน -45.5 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -8.1 %
ตลาดโดยรวม -24.6 %
รถยนต์นั่ง -15.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +15.7 %
กระบะ 1 ตัน -44.4 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -7.1 %
ขายรถอัจฉริยะในอนาคตกลางปีแล้วครับ ตลาดรถยนต์ในบ้านเราดูเซื่องซึม อยู่ในกราฟตัว U ขาลง แต่ทางด้านการลงทุนยังคึกคักอยู่ รถยนต์ระดับแนวหน้าของจีน และอยู่ในเวทีงานแสดงรถยนต์โลกระดับ A-CLASS อย่างมหกรรมยานยนต์ปักกิ่ง 2024 ก็มีลงทุนที่บ้านเรามากมายสำหรับนักลงทุนรายใหญ่ ไม่ต้องเอ่ยว่าใครเป็นใคร เพราะภาพชัดเจนอยู่แล้วว่า จีนเป็นผู้เล่นรายใหญ่ และเป็นนักลงทุนหลักในบ้านเราตอนนี้
อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนใช้เวลาเพียง 20 ปี นับจากรัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ ผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำรถยนต์โลกในช่วงเวลาสั้นๆ เทียบกับ 110 ปี ที่ตะวันตกพัฒนารถ หรือ 70 ปี ที่ญี่ปุ่นพัฒนา
จีนเริ่มพัฒนารถปี 2000 ตอนนี้เข้าสู่ทศวรรษที่ 3 โลกรถยนต์ก็พลิกโฉมไปเลย จีนกลายเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนสหรัฐอเมริกา ส่งออกรถมากสุดในโลก ตลาดในจีนก็กำลังกลายเป็นจุดสนใจ การแข่งขันเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัทรถยนต์ จีน และบริษัทรถยนต์ข้ามชาติรายใหญ่ จากเดิมถูกบริษัทข้ามชาติครอบครองเป็นหลัก
สำหรับบ้านเรา การส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบทเตอรี (BEV) พลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) บีโอไออนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ที่มีแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV ชัดเจน มี 9 บริษัท โดย 8 จาก 9 ราย คือ ค่ายรถจีน มีเพียง FORD (ฟอร์ด) เท่านั้นที่เป็นของสหรัฐอเมริกา ฝั่งจีนมองว่าความต้องการรถพลังงานใหม่ทั่วโลก จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีก 10 ปีข้างหน้า ภายใต้ “คลื่น” ของพลังงานใหม่ และความชาญฉลาดของตัวรถ
เดิมทีรถยนต์เป็นเครื่องมือในการเดินทางจากจุด A ถึงจุด B แต่ปัจจุบันรถยนต์กลายเป็นผู้ให้บริการแบบโต้ตอบได้ การส่งข้อความไปยังรถยนต์เมื่อได้รับคำสั่ง รถก็จะโต้ตอบกับเรา ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่อัตโนมัติ หรือแบบมีผู้ขับขี่ “รถยนต์กำลังปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง ทิศทางนี้จะพัฒนาต่อไป ในอนาคตจากนี้ไปรถยนต์จะเชื่อมต่ออย่างอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาการสื่อสารจากรถยนต์ไปยังระบบคลาวด์ ต่อไปยังฐานข้อมูล จากนั้นการรับ/ส่งข้อมูลสามารถออกคำสั่งไปยังตัวรถ วันหนึ่งเราอาจได้ใช้รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยแผนที่อีกต่อไป
การพัฒนา AI ในรถ มาพร้อมเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง เช่น ระบบกล้องอัตโนมัติพร้อมระบบช่วยขับแบบ 3 มิติ กระจกปรับแสงอัตโนมัติชนิดใช้ม่านแสง ซึ่งหมายความว่า อุตสาหกรรมฟีล์มกรองแสงอาจจะไม่จำเป็นต่อไปในอนาคต ข้อมูลต่างๆ จะแสดงบนกระจกม่านแสงรถ อาจไม่จำเป็นต้องมีแผงหน้าปัดอีกต่อไป
การตอบสนองอย่างรวดเร็วของการผลิตอัจฉริยะ เป็นอีกเรื่องที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ผลิตภัณฑ์รถยนต์ ที่มีการพัฒนาโรงงานดิจิทอลทุกๆ ด้าน และดิจิทอลยังสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อความต้องการของโลกยานยนต์ การจัดการแบบดิจิทอล ลูกค้าสามารถเห็นรถตั้งแต่เริ่มสั่งซื้อไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการทั้งหมด ผู้ใช้สามารถเห็นรถตัวเองหลังจากได้สั่งรถไปแล้ว เห็นตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตจนสิ้นสุด และการส่งมอบด้วยระบบลอจิสติคส์ การพัฒนาด้านดิจิทอล ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และโปร่งใส ซึ่งตอบโจทย์ผู้ซื้อรถในวันนี้
ผู้บริโภคไม่ต้องไปโชว์รูมอีกต่อไป แค่จอง แล้วรอยานแม่มาส่งถึงหน้าบ้าน นอกจากนี้ งานบริการ ซ่อมบำรุง จะถูกผูกเข้าไปให้ลูกค้าได้เห็นเป็นหนึ่งเดียวกัน
อนาคตคนเหล่านี้ คือ ส่วนหนึ่งของการสื่อสาร เมื่อผู้บริโภคติดใจ โอกาสบอกต่อ และซื้อซ้ำก็มีอีก ความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ และบริการ ถือเป็นการสร้างการรับรู้ในระยะยาว ใครตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้รวดเร็ว ผู้ซื้อก็ตัดสินใจง่าย แต่หากยังทำการค้าแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาอาจถูกกำจัดออกไป
สิ่งที่สร้างภาพให้คนกลัวในอดีต และสื่อสารต่อกันมา เพื่อการสร้างยอดขายไม่มีความหมายอีกต่อไป คนปัจจุบันไม่กลัวที่จะลองนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ดึงดูดใจด้วยความสด และความท้าทาย