เราได้ยินมาว่า ทางภาคใต้ของไทยมีทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้ทางภาคเหนือ ซ่อนเร้นอยู่กลางป่าใน อ. สวี จ. ชุมพร และการเข้าถึง ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น “ชีวิตอิสระ” ขอพาไปชมทะเลหมอกแดนใต้ พร้อมพิสูจน์สมรรถนะของ FORD EVEREST PLATINUM 3.0 DIESEL V6
เราเดินทางพร้อมคู่หู FORD EVEREST (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) จากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืด ใช้เวลานานกว่า 8 ชม. กับระยะทางประมาณ 550 กม. ตามเส้นทางพระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) แล้วตัดเข้าถนนเพชรเกษมที่แยกวังมะนาว หวังให้ถึง อ. สวี จ. ชุมพร ก่อนพระอาทิตย์ตก เพื่อจะได้เก็บภาพยามเย็นจากยอดดอย
คู่หูจากแดนมะกันคันนี้ นับว่ามีราศี และหล่อเอาเรื่อง แถมมีกำลังให้ใช้อย่างเหลือเฟือ จากเครื่องยนต์ดีเซลบลอคใหม่ขนาด 3.0 ลิตร 250 แรงม้า ที่มีแรงบิดมหาศาลถึง 600 นิวตันเมตร แค่เพียงกดคันเร่งเบาๆ รถก็มีกำลังเร่งแซงโดยแทบไม่ต้องคิคดาวน์ การทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ E-SHIFTER ส่งต่อกำลังอย่างราบรื่น และฉลาด แม้ถนนก่อนเข้า จ. ชุมพร จะไม่ค่อยดีนัก แต่ระบบรองรับก็สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างดี ผมใช้ความเร็วเดินทางประมาณ 110 กม./ชม. วัดอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้กว่า 11 กม./ลิตร นับว่าดีเกินคาดคิด หากเทียบกับกำลังเครื่องยนต์ และสมรรถนะที่ให้มา
การเดินทางขึ้นไปชมความงามบนยอดดอยตาปัง ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น หากใครนำรถเก๋ง หรือรถขับเคลื่อน 2 ล้อมา แนะนำให้ใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งสามารถติดต่อใช้บริการได้บริเวณหมู่บ้านทางขึ้นดอยตาปัง
แต่สำหรับ FORD EVEREST PLATINUM 3.0 DIESEL V6 คู่หูของเรานั้น เป็นรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่แล้ว และมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 6 โหมด มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกใช้ตั้งแต่ขับเคลื่อน 2 ล้อปกติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ FULL-TIME และ PART-TIME รวมถึงมีดิฟฟ์ลอคหลังจากโรงงานมาให้ใช้ด้วย
เส้นทางขึ้นดอยตาปัง ชาวบ้านช่วยกันลาดปูนไว้พอดี 2 ร่อง แต่ส่วนใหญ่จะพุพัง และเป็นร่องลึก ต้องอาศัยประสบการณ์วางตำแหน่งล้อให้ดี เราโชคร้ายนิดหน่อยที่ฝนตกลงมาพอดี ทำให้หน้าดินเละ และลื่น ผมเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4L และปรับโหมดไปที่โหมดโคลน (MUD/RUTS) ระบบก็ใส่ดิฟฟ์ลอคหลังมาให้ทันที รถจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านไปได้แบบไม่ยากนัก แม้ช่วงฝนตกหนักก็ตาม
ดอยตาปัง แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ อาจเพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองชุมพรไปทางทิศตะวันตกเพียง 70 กม. และมีทะเลหมอกที่สวยงาม สมคำเล่าลือ
ดอยตาปังอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 500 ม. ตั้งอยู่ในหมู่บ้านบนดอย ต. ขาทะลุ อ. สวี รอบๆ เป็นพื้นที่ทำสวนของชาวบ้าน ทั้งต้นยาง ทุเรียน มังคุด เงาะ นับเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดใน จ. ชุมพร ที่นี่จะมีหมอกปกคลุมทุกเช้า ถ้าคืนไหนมีฝนตก จะมีหมอกหนาเป็นพิเศษ และยังสามารถชมวิวธรรมชาติรอบด้านได้แบบ 360 องศา
ไฮไลท์อีกอย่างของดอยตาปัง คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้น และตกได้จากที่เดียว ว่ากันว่า หากมาช่วงพระอาทิตย์ขึ้น แล้วแสงลอดผ่านรูเขาทะลุพอดี จะทำให้โชคดีตลอดทั้งปี ในตอนเย็นก็จะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่ฝั่ง จ. ระนอง นับว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม และโรแมนทิคอีกที่หนึ่งในชุมพร
เรารู้มาว่า สถานที่ใกล้ๆ กับดอยตาปัง มี UNSEEN ลับของจังหวัดชุมพร อย่าง “คลองหินดำ” ให้เราได้เที่ยวกัน
คลองหินดำ ถูกตั้งชื่อตามลักษณะหินสองฝั่งที่ดำสนิท ปัจจุบันสีได้จางลงกลายเป็นสีฟ้าไปแล้ว แต่ก็ยังเรียกอยู่เหมือนเดิม ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาค่าย อ. สวี มีลักษณะเป็นผาหินสีดำเป็นทางยาว มีน้ำไหลผ่านระยะทางกว่า 1 กม. ว่ากันว่าคลองหินดำนี้ มีอายุยาวนานนับร้อยปีเลยทีเดียว
ไฮไลท์ของคลองหินดำ คือ การถ่ายรูปคู่กับหินที่ถูกน้ำกัดเซาะกลายเป็นรูปร่างต่างๆ ที่สวยงามตามธรรมชาติ คล้ายกับกแรนด์แคนยอน ในช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ น้ำจะใสสะอาดมาก ในช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำจะเยอะเป็นพิเศษ ช่วงนี้ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เพราะน้ำลึก และแรง อาจเกิดอันตรายได้
หากมาในหน้าร้อนแบบเรา น้ำจะลดลงจนเกือบแห้ง แต่ก็สามารถเล่นน้ำคลายร้อนได้ หากมาช่วงคนเยอะ เขาจะมีห่วงยาง และเสื้อชูชีพให้เช่า รวมทั้งขายอาหาร และเครื่องดื่ม หากอยากเข้าห้องน้ำ สามารถไปใช้ที่วัดโรจดำริห์ หรือวัดคลองหินดำ ได้เลย
ใกล้ๆ ตัวอำเภอเขาทะลุ มีจุดเชคอินที่น่าสนใจอย่าง “ถนนสวยที่สุดในเขาทะลุ” ผมก็ไม่พลาดพา FORD EVEREST PLATINUM 3.0 DIESEL V6 คู่ใจ ไปวิ่งเล่นถ่ายรูป พื้นที่บริเวณนี้เป็นทางหลวงชนบทหมายเลข 5011 เป็นถนนเส้นเล็กๆ ขนาด 2 เลนสวน ที่คดโค้งตามเนินเขาเตี้ยๆ ผ่านบ้านคน และสวนผลไม้ต่างๆ ของชาวบ้าน เป็นทางลัดจากอำเภอเขาทะลุ ไปยัง จ. ระนองได้
ผมจอดรถถ่ายรูปอยู่หลายจุด ได้เห็นเมฆหมอกจางๆ ผ่านเขาเตี้ยๆ ต้องนับว่าโชคดีมากที่ก่อนหน้าจะมาถึง ฝนได้ตกลงมาพอดี ทำให้ได้เห็นบรรยากาศฟ้าหลังฝนแบบนี้ ถ้าไม่มีฝน คงได้เจอแต่แสงแข็งๆ จากแดดร้อนๆ เป็นแน่แท้
ใครที่มานอนบนดอยตาปัง ถ้าไม่ได้เตรียมอาหารมาทำเอง จะมีอาหารภาคบังคับอย่างเดียว คือ “หมูกระทะ” ซึ่งเป็นเมนูเดียวที่เขามีบริการของที่นี่ เราสามารถโทรสั่งได้จากด้านบน โดยมีอยู่ 2 แบบ คือ ชุดเล็ก ราคา 399 บาท และชุดใหญ่ ราคา 499 บาท แน่นอนว่าเราสั่งชุดใหญ่มา 2 ชุด ประกอบไปด้วย หมู ไก่ กุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้น ฯลฯ ยอมรับว่าหมูที่นี่มีการหมักนุ่มมาอย่างดี เมื่อย่างร้อนๆ ทานกับน้ำจิ้มที่ให้มา เป็นอะไรที่อร่อยที่สุด
ชีวิตอิสระครั้งนี้ ขอเก็บเกี่ยวบรรยากาศดีๆ ด้วยการกางเทนน์นอนที่ “ดอยตาปัง” บริเวณลานลมโชย ซึ่งเป็นจุดที่มีลมพัดตลอดทั้งวัน ลานที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เราแค่มีสายไฟยาวๆ ไปต่อพ่วงมา ผมเตรียมเทนท์ขนาดใหญ่ที่สามารถนอนได้กว่า 8 คน พร้อมอุปกรณ์การนอนต่างๆ อย่างครบครัน สำหรับค่าใช้จ่ายเขาคิดเป็นจำนวนเทนท์ โดยคิดเทนท์ละ 150-200 บาท/คืนเท่านั้น บริเวณลานยังมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำไว้บริการหลายห้อง
บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อยานพาหนะในการเดินทาง