เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
T3 ทดสอบอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ มีดีอย่างไร ไปหาคำตอบกันเลย !
T3 นำเสนอเฉพาะอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะเราเชื่อว่า คุณสมควรได้ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด โดยไม่เสียเวลา และเงินไปกับของที่ไม่คุ้มค่า
คุณจะได้พบเทคโนโลยีที่ใหม่ และร้อนแรง ซึ่งผ่านการคัดสรร และทดสอบโดยผู้มีความรู้ และประสบการณ์ช่ำชอง
นอกจากการให้คะแนน ดาวแบบดั้งเดิมของเรา (ด้านขวา) เรายังมอบรางวัลให้อุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม ตามรายการต่างๆ ด้านล่าง เพื่อให้คุณเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ
ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ MACBOOK PRO 14-INCH ราคาเริ่มต้นที่ 1,699 ปอนด์, apple.com
สี SPACE BLACK ใหม่ล่าสุด, ขุมพลังจากชิพ M3 โฉมใหม่, ราคาใหม่ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ MACBOOK PRO รุ่นปี 2023 น่าประทับใจมาก
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ นับจากตอนที่เราได้รีวีว MACBOOK PRO M2 PRO 16 นิ้ว ตัวล่าสุด เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งมันไม่ใช่แค่ MACBOOK ที่ดีที่สุดที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้ ทว่ายังเป็นแล็ปท็อปที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย
การที่ MACBOOK PRO รุ่นใหม่ออกมาในเวลาที่ไม่นาน อาจเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก แต่เราก็ไม่ได้มีข้อกังขาใดๆ เนื่องจากรุ่นใหม่นี้ได้ให้ชิพ M3 ซิลิคอนโฉมใหม่ที่ให้พลังสูงสุด (ตามที่ได้เปิดตัวภายในงาน “SCARY FAST”) และ MACBOOK PRO M3 Max รุ่นหน้าจอ 14 นิ้วที่เราได้มารีวีวนี้ก็ถือว่าเป็นแลบทอพที่โดดเด่นจริงๆ
ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยสีใหม่ล่าสุดอย่าง SPACE BLACK และด้วยราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าเดิม ส่งผลให้ MACBOOK PRO M3 รุ่นปลายปี 2023 นี้น่าสนใจมาก และหลังจากได้ทดลองใช้งานเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม ก็พบว่ามันให้ประสบการณ์ที่ดีเกินคา
ในภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ราคาของทุกผลิตภัณฑ์มีแต่จะเพิ่มเรื่อยๆ แล้วเหตุใด MACBOOK PRO M3 ถึงได้มีราคาที่ต่ำกว่ารุ่น M2? และไม่ใช่น้อยๆ ด้วย รุ่น M2 หน้าจอ 14 นิ้ว นั้นมีราคาอยู่ที่ 2,149 ปอนด์ แต่ M3 รุ่นเริ่มต้นมีราคาเพียง 1,699 ปอนด์
MACBOOK PRO M3 MAX ที่เรากำลังรีวีวเป็นรุ่นทอพสุดของกลุ่ม รุ่น MAX ในระดับเริ่มต้น มาในขนาด 14 นิ้ว พร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 3,299 ปอนด์ แต่รุ่นของเรานั้นได้รับการอัพเกรดชิพเป็น CPU 16 คอร์, GPU 40 คอร์ และ NEURAL ENGINE 16 คอร์ พร้อมหน่วยความจำรวมที่ 64GB ทำให้ราคาโดยรวมอยู่ที่ราวๆ 3,999 ปอนด์ หากเป็นรุ่น 16 นิ้ว ราคาจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของราคาเริ่มต้น
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ เนื่องจากการเปิดให้ลูกค้าเลือกสเปคได้ ทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์ MACBOOK PRO ที่ตรงตามความต้องการใช้งานของคุณ และสามารถคุมงบไม่ให้บานปลายได้ระดับหนึ่ง สิ่งนี้มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า เพียงแค่เราไม่เลือกสเปค ให้สูงเกินกว่าการใช้งาน
MACBOOK PRO รุ่นปลายปี 2023 นั้นมีอะไรใหม่บ้าง ? จากที่เห็น ถือว่านี่เป็นการอัพเกรดกลางปีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากคุณยังคงได้โครงแบบเดียวกัน, หน้าจอแบบเดียวกัน, พอร์ทเชื่อมต่อแบบเดิม และอื่นๆ ที่แทบจะเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ภายนอกจะไม่มีอะไรใหม่เลย ซึ่งการเปลี่ยนเปลงหลักๆ ก็คือ สีใหม่ SPACE BLACK
เราได้สรรเสริญถึงความดูดีของสี SPACE BLACK ไปแล้ว โดยตัวเลือกสีใหม่นี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด และเราก็ชอบความลึกของโทนสีดำนี้มากๆ อีกทั้งตัวสียังมีความระยิบระยับ พร้อมเคลือบออกไซด์ป้องกันรอยลายนิ้วมือด้วยการเคลือบออกไซด์เพื่อให้ตัวเครื่องดูสวยงามอยู่เสมอ
นอกเหนือจากจุดเด่นที่กล่าวมาข้างต้น MACBOOK PRO รุ่นปลายปี 2023 ยังเพิ่มชิพ M3 ซิลิคอน และเพิ่มรุ่น PRO และ MAX (ยังไม่มีการประกาศรุ่น Ultra… ในตอนนี้) สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ชิพ M3 เป็นพโรเซสเซอร์ที่มีสเปค ต่ำกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย แต่มีการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยรวมแล้วทำให้ชิพ M3 นี้เป็นพโรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
หน้าจอเดิม
หน้าจอ LIQUID RETINA XDR ขนาด 14.2 นิ้ว ที่ให้มานั้นจัดเป็นหน้าจอแลพทอพระดับมาสเตอร์คลาสส์ของบรรดาแลพทอพเลยก็ว่าได้ ชื่อของแผงนั้นอาจต้องใช้เวลาในการแปลเล็กน้อย เนื่องจากเป็นภาษาเฉพาะของ APPLE คำว่า XDR คือ คำที่ APPLE ใช้เรียกสิ่งที่เรียกว่า MINI-LED และรองรับระบบ HDR หน้าจอนี้สว่างมาก (ถึง 1,600 นิท) มีความละเอียดสูง (3024x1964 พิกเซล) และอัตราการรีเฟรชที่สูงถึง 120HZ ทำให้ทุกอย่างบนหน้าจอนั้นคมชัด และราบรื่น
APPLE ไม่ได้ใช้ MINI-LED เป็นครั้งแรก แต่ใช้ใน MACBOOK PRO รุ่นก่อนหน้า และใน IPAD PRO รุ่นล่าสุดด้วย ตามที่ชื่อได้บอกไว้ แผงหน้าจอมีการใช้ไฟ LED บแลคไลท์ขนาดเล็กให้ความสว่างสูง และให้แสงสีดำที่แม่นยำด้วย นั่นหมายความว่าจอจะไม่มีการให้เฉดสีที่แตก ในขณะที่ให้คอนทราสต์สูง และระดับสีดำที่ลึกมากเป็นพิเศษ
MINI-LED นั้นเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญ เนื่องจากคุณไม่สามารบอกความแตกต่างระหว่างสีดำภายในจอ และกรอบสีดำด้านนอกของจอได้อย่างชัดเจน และเนื่องจาก MACBOOK PRO เครื่องนี้มีจอแบบมีรอยเว้าด้านบน ที่ด้านบนของจอมีรอยเว้าที่ติดตั้งกล้องไว้ ซึ่งรอยเว้านี้จะหายไปจากการมองเห็นของแอพพลิเคชันต่างๆ ที่ช่วยเติมเต็มขอบของหน้าจอให้ แน่นอน เราไม่ต้องการหน้าจอที่มีรอยเว้า แต่ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้งานเลย หลังจากการใช้งานไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เราก็เลิกสังเกตรอยเว้านั้นไปแล้ว
จากจอแสดงผลชั้นยอดไปจนถึงลำโพงสุดแจ่ม MACBOOK PRO M3 นั้นเป็นแลพทอพที่ให้เสียงน่าประทับใจสามารถตอบสนองความถี่ต่ำซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นๆ มันให้เสียงที่มีความลึก และหนักแน่นในแบบที่คุณไม่เคยได้สัมผัสกับแลพทอพรุ่นไหนๆ เลย
แสงสว่างยามรัตติกาล
เทคโนโลยีจอแสดงผล MINI-LED XDR ของ APPLE นั้นกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง หน้าจอของ MACBOOK PRO สว่างมากเป็นพิเศษ, มีรีเฟรชเรืที่สูงถึง 120HZ และไม่มีอาการสีแตกให้เห็นเหมือนอย่างที่สามารถพบได้บนหน้าจอ LCD ทั่วๆ ไป แต่อย่างใด
ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น การจัดวางลำโพง 6 ตัวที่รองรับระบบ SPATIAL AUDIO ดังนั้น เมื่อคุณเล่นเพลงแบบผสมผสานในรูปแบบของ OBJECT BASED หรือชมรายการทีวี หรือภาพยนตร์ต่างๆ ที่มี ATMOS ผสมอยู่นั้น คุณจะได้รับประสบการณ์เสียงในรูปแบบ 3 มิติอย่างแท้จริง ถึงแม้จะไม่ได้สวมหูฟังก็ตาม ตัวอย่างเช่น หากคุณปั่นจักรยานออกกำลังในบ้าน และใช้งาน ZWIFT ผ่าน MACBOOK เสียงที่ให้ออกมานั้นจะเหมือนอยู่ข้างๆ คุณในระยะที่ห่างออกมาหลายเมตร ซึ่งจัดว่าที่น่าประทับใจมาก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวในความคิดของเรา คือ การที่เครื่องไม่มีพอร์ท USB-A มาให้
นอกจากการเชื่อมต่อ BLUETOOTH แบบไร้สายแล้ว ตัวเครื่องยังมีช่องแจค 3.5 มม.มาให้สำหรับผู้ชื่นชอบการเสียบหูฟังแบบดั้งเดิม ในขณะที่การรองรับ HDMI 2.1 ยังรองรับ OUTPUT เสียงแบบหลายช่องสัญญาณด้วยเช่นกัน เมื่อพูดถึงเรื่องพอร์ทแล้ว MACBOOK PRO M3 นั้นมีช่องพอร์ทมาให้อย่างเหลือเฟือ เช่น พอร์ท USB-C/THUNDERBOLT 4 ถึง 3 พอร์ท และแม้แต่ช่องเสียบ SD การ์ดแบบ FULL-SIZE ก็ยังมีมาให้
ข้อติเพียงอย่างเดียวของเรา คือ เรื่องที่ไม่มีพอร์ท USB-A ซึ่งส่งผลให้คุณต้องใช้อแดพเตอร์แยกต่างหากแทน และ MAGSAFE 3 ก็ไม่ใช่การชาร์จที่ดีที่สุดสำหรับใครหลายคน (มี USB-C อีกช่องก็จบแล้ว) นอกจากนี้ สายเคเบิลสีดำที่มาพร้อมกับสี SPACE BLACK นั้นตัดกับปลั๊กสีขาวขนาดใหญ่บนผนังเป็นอย่างมาก การทำสีให้เข้ากันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก แต่ก็เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่ควรพลาด
ขุมพลัง 3 เท่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชิพ M3 มีประสิทธิภาพที่น่าประทับใจมาก ในรุ่น M3 MAX ที่เราได้มารีวีวนั้น ประสิทธิภาพของมันเหลือล้นเกินกว่าที่เราคิดดังนั้น อย่าเลือกซื้อ MACBOOK PRO ในสเปคที่เกินความต้องการใช้งานของคุณ เลือกรุ่นให้เหมาะสม และใช้จ่ายตามความจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากตัวเครื่องยังสามารถอัพเกรดได้ในหลายๆ ด้าน ซึ่งเหมาะกับเหล่ามืออาชีพที่ต้องการเครื่องในประสิทธิภาพสูง
ถึงเวลาของ M3
ถึงแม้จะแรงน้อยกว่ารุ่นก่อน แต่ชิพ M3 ของ APPLE ได้รับการยกเครื่องทางสถาปัตยกรรม ซึ่งหมายความว่า มันสามารถตัดลดขั้นตอนการทำงานหนักๆ ได้เหมือนดาบคาตานะร้อนๆ ที่ผ่าลงบนสายไหม
เรารู้สึกประทับใจกับ M3 MAX ที่สามารถใช้งาน PHOTOSHOPS และการเรนเดอร์ไฟล์วีดีโอได้ลื่นไหลดั่งมีดปาดลงไปบนเนย ยังมีตัวอย่างอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือจากตัวอย่างของเรา เช่น หากคุณทำงานเกี่ยวกับการออกแบบ และสร้างแบบจำลอง 3 มิติ หรือทำเพลง และไม่อยากลดทุกอย่างลงเพื่อคลายความเครียด
ตอนที่เราทดสอบ MACBOOK PRO M2 Pro รุ่น 16 นิ้ว เราพบว่าคะแนน BENCHMARK มาตรฐานนั้นอยู่ที่ 1,957 สำหรับการทำงานแบบ SINGLE-CORE และอยู่ที่ 15,134 สำหรับ MULTI-CORE 53,000 (METAL) และ 46,000 (OPENCL) สำหรับกราฟิค ซึ่งมันค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมากอยู่ แล้วถ้านำมาเปรียบเทียบกับ M3 MAX แล้วจะเป็นอย่างไร ? ผลคะแนนออกมาเป็น 2,357 สำหรับ SINGLE-CORE และ 23,177 สำหรับ MULTI-CORE ซึ่งเท่ากับว่าเพิ่มขึ้น 20 % สำหรับ SINGLE-CORE และ 50 % สำหรับ MULTI-CORE ส่วนในด้านกราฟิค เราได้คะแนนอยู่ที่ 101,553 (METAL) และ 92,478 (OPENCL) เท่ากับว่าประสิทธิภาพของกราฟิคเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า
นั่นคือ ศักยภาพด้านพลังงานจำนวนมหาศาลที่ทำให้ MACBOOK PRO M3 MAX นั้นเป็นแลพทอพที่ทรงพลังพอๆ กับคอมพิวเตอร์เดสค์ ทอพเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเสียบชาร์จหรือไม่ก็ตาม แลพทอพก็ยังมีความยืดหยุ่นในการให้พลัง ถึงแม้พัดลมจะทำงานอย่างเกรี้ยวกราดเวลาที่คุณใช้งานหนัก
ในขณะเดียวกัน คะแนน METAL จะเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักพัฒนาเริ่มผลิตผลงานให้ APPLE อย่างจริง นั่นหมายความว่าอนาคตของการเล่นเกมบน MAC อาจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญได้เช่นกัน
อายุการใช้งานแบทเตอรี เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่น M3, M3 PRO และ M3 MAX อย่างชัดเจน รุ่น M3 ตัวเริ่มต้นนั้นสามารถใช้งานได้ 1 วันเต็ม/การชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งจัดว่าเป็นอายุการใช้งานที่สุดยอดมาก ในทางกลับกัน เราได้นำรุ่น M3 Mฟป มาทดสอบ ถึงแม้มันจะใช้งานได้ไม่นานเท่า แต่ก็ยังให้ประสิทธิภาพที่สูงพอจะทดแทนได้
เราเล่นวีดีโอบน YOUTUBE ที่ความละเอียด 1440P เปิดเสียง และความสว่างหน้าจอระดับกลาง เจ้า M3 MAX ทำงานได้เป็นเวลากว่า 13.5 ชม. ก่อนแบทเตอรีจะหมดลง เมื่อทดสอบอีกครั้งโดยใช้ความสว่างเต็มที่ เวลาการใช้งานลดลงเหลือ 8 ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หน้าจอ MINI-LED เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพดังกล่าว
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราทดสอบการใช้งานแบทเตอรี เราได้ใช้งานแลพทอพตลอดทั้งวันด้วยความสว่างหน้าจอระดับกลาง และมันสามารถใช้งานได้นานกว่าการทดสอบสตรีมิง ไม่มีอะไรที่ส่งผลให้เครื่องทำงานหนักในส่วนนี้ แต่คุณสามารถใช้แลพทอพเครื่องนี้ (แม้แต่ในรุ่น M3 MAX) บนเที่ยวบินระยะไกล หรือเมื่อต้องเข้าประชุมยาวตลอดทั้งวันได้สบายๆ โดยไม่ต้องลำบากหาปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ
MACBOOK PRO M3 รุ่น 14 นิ้วของทาง APPLE นั้นเป็นแลพทอพที่ทรงพลัง และสมบูรณ์แบบ สำหรับการใช้งานในระดับพโรอย่างแท้จริง มันแรงทัดเทียมกับเดสค์ทอพพีซีเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว
อายุการใช้งานแบทเตอรีที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก
ระบบเสียงรอบทิศทาง
MACBOOK PRO มีดไรเวอร์เสียง 6 ตัวที่น่าทึ่ง และยังให้เอฟเฟคท์ SPATIAL AUDIO ที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่า คุณไม่ต้องพึ่งหูฟังดีๆ เพื่อฟังเสียงระบบ DOLBY ATMOS แต่อย่างใด
รอยบากที่ไม่น่าเป็นห่วง
ในขณะที่รอยบากตรงเวบแคมนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่าพอใจ แต่จอแสดงผล MINI-LED นั้นให้สีดำที่สนิทจนทำให้รอยบากนั้นแทบจะกลืนไปกับพื้นหลังเมื่อแอพพลิเคชัน ต่างๆ ได้ช่วยเติมพื้นที่รอบๆ ข้างให้ทั้ง 2 ด้าน
สรุปคะแนนจาก T3
เราประทับใจกับ ราคาที่ลดลงมาก ชิพ M3 สุดทรงพลัง หน้าจอที่สว่างจนน่าทึ่ง
เราอยากให้ปรับปรุง จอแสดงผลที่มีรอยบาก ไม่มีพอร์ท USB-A ให้
สรุป แลพทอพสุดทรงพลัง กับความสามารถที่ไม่มีแลพทอพ รุ่นไหนเทียบได้
พบกับข้อเสนอดีๆ ของ MACBOOK PRO 14 นิ้ว ได้ที่: bit.ly/t3mbkprm3
อุปกรณ์เสริม
SENHEISER HD 660S2 499 ปอนด์, Sennheiser.com
ขอบคุณสุดยอดลำโพงที่ให้มากับตัวเครื่อง ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องใช้หูฟังระบบ SPATIAL AUDIO แต่ถ้าอยากได้หูฟังแบบมีสายที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้มากขึ้น เราแนะนำ HD660S2 ที่ให้เสียงเบสกว้าง และหนักแน่น รวมถึงเวทีเสียงที่กว้างขวาง
BELKIN CONNECT 5-IN-1 THUNDERBOLT 4 HUB 199.99 ปอนด์, amazon.co.uk
USB-C นั้นเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก แต่น่าเสียดายที่อุปกรณ์ครึ่งหนึ่งที่เรามียังคงเป็น USB-A จึงทำให้ HUB เป็นของที่ต้องมี BELKIN ยังคงให้ความสำคัญกับพอร์ท USB-A และให้ USB-C ที่จำเป็นมาถึง 4 พอร์ท
APPLE STUDIO DISPLAY เริ่มต้นที่ 1,499 ปอนด์, apple.com
สำหรับผู้ที่อยากให้จอที่ 2 แจ่มเหมือนกับหน้าจอของ MACBOOK PRO โดดเด่นด้วยจอภาพ RETINA 5K, ลำโพง 6 ตัวรองรับระบบ SPATIAL AUDIO, กล้องเวบแคม 12MP มุมกว้างพิเศษ และตัวเลือกกระจกหน้าจอผิวนาโนที่ช่วยลดแสงสะท้อนในห้องที่สว่างสดใส
ยกระดับบาร์ JBL Bar 1300 1,299.99 ปอนด์, jbl.com
ซาวน์ดบาร์ระบบเสียงรอบทิศทางนี้ นำเสนอลำโพงแบบแยกส่วนเพื่อใช้เป็นลำโพงด้านหลัง, ซับวูเฟอร์แบบซูเพอร์อร์ และระบบเสียง DOLBY ATMOS สุดสมจริง
JBL BAR 1300 เป็นซาวดน์ดบาร์ระบบ 11.1.4 แชแนลที่ใช้ลำโพงหลังไร้สายแบบถอดได้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการมอบเสียงระบบ DOLBY ATMOS ที่ดื่มด่ำ นอกจากนี้ ยังล้ำหน้าด้วยการเพิ่มซับวูเฟอร์ให้หนักขึ้น, เพิ่มพลังในการขยายเสียง รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้มันเป็นหนึ่งในซาวด์บาร์ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้
JBL BAR 1300 มีเลย์เอาท์ที่อิงจากยูนิทหลัก, ลำโพงด้านหลังแบบไร้สาย 2 ตัว และซับวูเฟอร์ไร้สายขนาด 10 นิ้วแบบยิงเสียงอัดลงด้านล่าง ตัวซาวน์ดบาร์นั้นประกอบไปด้วยดไรเวอร์ 6 ตัว, ทวีเตอร์ 5 ตัว และ ดไรเวอร์ยิงเสียงแบบฟูลเรนจ์อีก 4 ตัว ในขณะที่ลำโพงด้านหลังแต่ละตัวมีดไรเวอร์เสียงแบบติดตาม, ดไรเวอร์ยิงเสียงด้านบน และพาสซีฟเรดิเอเตอร์
BAR 1300 ได้ถอดรหัสรูปแบบเสียง DOLBY ATMOS และ DTS:X จากนั้นส่งมันออกมาผ่านแชแนลลำโพงช่องซ้าย-ขวา, กลาง, หน้า และหลัง ทำให้เกิดเป็นรูปแบบเสียง 3 มิติขึ้นมา
ซาวน์ดบาร์ตัวนี้เล่นเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีดไรเวอร์ขนาดใหญ่ที่ให้เสียงได้อย่างชัดเจน และมีรายละเอียดครบครัน ขณะที่ความกว้างของลำโพงจะช่วยให้มีการแยกของเสียงสเตอริโอได้มาก ซับวูเฟอร์ให้เสียงเบสส์ที่หนักแน่น และควบคุมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเปิดใช้งานฟีเจอร์ปรับเทียบแบบอัตโนมัติ
ด้วยความที่มีช่องเสียงหลายแชนแนล ไม่ว่าจะเป็นเพลง, ภาพยนตร์ หรือรายการทีวี ลำโพงด้านข้างจะช่วยสร้างให้เสียงมีความกว้างมากเป็นพิเศษ ในขณะที่แชแนลเสียงตรงกลางจะช่วยให้เสียงบทสนทนาชัดเจน ลำโพงด้านหลังแบบไร้สายไม่มีการดีเลย์ หรือดรอพเอาท์กลางคัน อีกทั้งยังสามารถให้เสียงแบบหลายช่องสัญญาณพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางได้อย่างสมจริง
ระบบ DOLBY ATMOS และ DTS:X ใช้ระบบเสียงแบบ 11.1.4 ทั้งหมดทุกแชแนล ทำให้ซาวน์ดบาร์นั้นสามารถสร้างประสบการณ์เสียงได้อย่างน่าดื่มด่ำ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยโลกของเสียงสุดสมจริงผ่านการแปลงเสียงให้รองรับพื้นที่ในเชิง 3 มิติ
BAR 1300 ทำงานเข้ากันได้ดีกับเกม ให้เสียงที่สมจริง และน่าดึงดูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมมุมมองบุคคลที่ 1 ระบบรักษาสมดุลของเสียงจะช่วยย้ายเสียงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างราบรื่น ทำให้เกิดเสียงที่สมจริง
เสียงโดยรวมนั้นมีไดนามิคสูง ด้วยแอมพ์สุดทรงพลัง ไม่ว่าคุณจะดูทีวี, ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ตาม ซาวน์ดบาร์ตัวนี้จะมอบประสบการณ์เสียงที่ตื่นตาตื่นใจแน่นอน
JBL BAR 1300 นั้นเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ซาวน์ดบาร์ที่น่าภาคภูมิใจของบแรนด์ เสียงระบบ DOLBY ATMOS และ DTS:X ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านการตั้งค่าลำโพงแบบไดนามิคอันทรงพลัง รวมไปถึงซับวูเฟอร์ที่ช่วยให้เสียงเบสส์เจาะลึกจากทางด้านล่าง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีประโยชน์อย่างลำโพงด้านหลังไร้สายแบบถอดได้, แอพพลิเคชัน รีโมทสุดแจ่ม และระบบปรับเทียบเสียงแบบอัตโนมัติที่จะช่วยให้คุณมั่นใจว่าเสียงที่ได้ออกมานั้นสมดุล และสอดคล้องกัน
สรุปคะแนนจาก T3
เราประทับใจกับ เสียงที่ดื่มด่ำอย่างไม่น่าเชื่อ รองรับระบบ DOLBY ATMOS และ DTS:X เสียงเบสส์ที่ลึก: ติดตั้งง่าย
เราอยากให้ปรับปรุง ไม่รองรับ 4K/120HZ, VRR หรือ HDR10+
สรุป ซาวน์ดบาร์ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่สามารถให้เสียงระบบ DOLBY ATMOS ในระดับเดียวกับโรงภาพยนตร์
พบกับข้อเสนอดีๆ ของ JBL BAR 1300 ได้ที่: bit.ly/t3jbl1300
ไร้ที่ติ INSTA360 ACE PRO 429.99 ปอนด์, insta360.com
สุดยอดกล้องคอมแพคท์ที่มีตัวช่วย AI สำหรับทำ VLOG และยังมีฟังค์ชันที่มีประโยชน์ และอำนวยความสะดวกให้เราได้อีกมากมาย
INSTA360 ACE PRO ได้รับการออกแบบร่วมกับ LEICA ต่อ ยอดจากความสำเร็จของ INSTA360 ONE RS 1-INCH ถึงแม้รูปร่าง และฟังค์ชันการทำงานของกล้องจะคล้ายกับกล้องแอคชันทั่วไป แต่ INSTA360 ที่เรากำลังพูดถึงนี้มีฟีเจอร์ AI มากมาย เช่น AI HIGHLIGHTS และ AI WARP
INSTA360 ACE PRO มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมปุ่มกด 2-3 ปุ่ม หน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลัง และจอขนาดเล็กด้านหน้า เลนส์กล้องได้รับอิทธิพลจาก LEICA โดยตัวเลนส์ประกอบไปด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.3 นิ้ว ชิพ AI ขนาด 5NM และเลนส์ LEICA SUMMARIT ช่วยให้กล้องรับมือกับสภาวะแสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม
ACE PRO ถูกออกแบบมาให้รองรับการถ่ายวีดีโอ Vlog และการถ่ายวีดีโอที่คุณต้องมองกล้อง ต้องขอบคุณหน้าจอสัมผัสแบบหมุนได้ขนาด 2.4 นิ้ว ที่มีความละเอียด 240x400 พิกเซล และความสว่างสูงสุด 850 นิท จอภาพนั้นสว่าง และตอบสนองได้เป็นอย่างดี รวมถึงบานพับของหน้าจอที่จะช่วยให้คุณมองเห็นจอภาพจากด้านหลัง, มองลง หรือหันหน้ากลับด้านมาทางหน้ากล้องได้ อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้งานระบบในระยะยาว เนื่องจากยิ่งมีส่วนที่ขยับได้น้อยลงมากเท่าไร อายุการใช้งานของมันก็จะยิ่งยาวขึ้นเท่านั้น
INSTA360 ACE PRO มีโหมดถ่ายภาพ, ความละเอียด และเฟรมเรทให้เล่นนับไม่ถ้วน คุณจะได้รับโหมดวีดีโอมาตรฐานความละเอียดสูงสุดที่ 8K พร้อมกับฟีเจอร์ ACTIVE HDR สำหรับวีดีโอสูงสุดที่ 4K@30fps, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว, โหมดลอคหน้าจอในแนวนอน, โหมด SLOW MOTION, STARLAPSE, TIMELAPSE, TIMESHIFT, PRE-RECORDING และ LOOP RECORDING
ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น คือ PUREVIDEO ที่ขับเคลื่อนด้วยชิพ AI ขนาด 5NM โดยฟีเจอร์มีการใช้โครงข่ายประสาทเทียมในการช่วยลดสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นในวีดีโอแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ภาพที่ได้นั้นเสถียร และชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เราชื่นชอบ คือ CLARITY ZOOM ในโหมดถ่ายภาพ 4K บางโหมด การแตะ 2 ครั้งจะส่งผลให้กล้องสามารถซูมเข้า-ออกได้โดยไม่เสียคุณภาพ ระบบสามารถทำเช่นนั้นได้โดยการครอพภาพจากความละเอียดสูงสุดที่ 8K ไปที่ 4K แทนที่จะยอมเสียความละเอียดของภาพจากการใช้การซูมแบบออพทิคอล
ACE PRO มีฟีเจอร์สนุกๆ รวมไปถึงเทมเพลทที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากมาย และโหมดตัดต่อผ่านแอพพลิเคชัน INSTA360 ฟีเจอร์บางอย่างแปลกใหม่ แต่บางอย่างก็เป็นที่ยอมรับแล้วอย่างเช่น AI WARP ที่ใช้ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองของกล้องในการสร้างคลิพสั้นความยาว 4 วินาทีจากวีดีโอของคุณ ตามข้อมูลที่คุณป้อนลงไป
ฟีเจอร์อื่นๆ ก็พอใช้ได้ เช่น AI HIGHLIGHTS ที่สามารถเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดออกมาจากฟุทเทจวีดีโอของคุณได้ จากประสบการณ์ของเรา ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงกินแบทเตอรีเท่านั้น แต่มันยังหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดออกมาจากวีดีโอได้ไม่แม่นยำเท่าที่ควรด้วย
INSTA360 ACE PRO มีทุกส่วนประกอบของกล้องแอคชันที่ดีที่สุด แต่ยังมีตัวเลือกในการตัดต่อที่ไม่ซ้ำใครมากมายผ่านแอพพลิเคชัน INSTA360 ถึงแม้ว่า HERO 12 BLACK นั้นยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับกีฬาเอกซ์ตรีม และภาพแอคชัน ทว่า INSTA360 ACE PRO เป็นตัวช่วยที่ดีกว่าสำหรับบลอคเกอร์ และเหล่าคอนเทนท์ครีเอเตอร์
สรุปคะแนนจาก T3
เราประทับใจกับ จอแสดงผลขนาดใหญ่แบบหมุนได้ เซนเซอร์ขนาดใหญ่ โหมดถ่ายภาพที่หลากหลาย เลนส์ที่ร่วมออกแบบโดย LEICA
เราอยากให้ปรับปรุง ไม่มีตัวเลือกการถ่ายวีดีโอในแนวตั้ง โหมด AI HIGHLIGHTS ที่ต้องปรับแต่งเพิ่ม บานพับของจอแสดงผลที่อาจไม่ทนทานพอสำหรับการใช้งานในระยะยาว
สรุป ทำใจยากที่จะไม่ชอบกล้องตัวนี้ มันมีส่วนประกอบทั้งหมดของกล้องแอคชันแคมที่ดีที่สุด รวมถึงมีตัวเลือกการตัดต่อวีดีโอมากมายให้ใช้
พบกับข้อเสนอดีๆ ของ INSTA360 ACE PRO ได้ที่: bit.ly/t3i360ace
PLAYSTATION PORTAL 199.99 ปอนด์, playstation.com
ไม่ใช่คู่แข่งของ NINTENDO SWITCH อย่างที่เราหวังให้เป็น ทว่า PLAYSTATION PORTAL นั้นก็เป็นอุปกรณ์คู่กายที่สมบูรณ์แบบของ PLAYSTATION 5
ชื่อเต็มของเขา คือ PLAYSTATION PORTAL REMOTE PLAYER เป็นเครื่องเล่นเกมแบบพกพาพร้อมกับหน้าจอในตัว และคอนทโรเลอร์ คล้ายคลึงกับ SWITCH หรือเครื่องเล่นเกมคอนโซลพกพาอื่นๆ แต่ก็มีความแตกต่างออกไป และไม่เหมาะกับนักเล่นเกมมือใหม่
มันไม่ใช่เครื่องเล่นเกมพกพาเต็มรูปแบบ แต่เป็นเครื่องที่ใช้ฟังค์ชัน REMOTE PLAY ที่มีอยู่แล้วใน PLAYSTATION 5 เพื่อสตรีมเกมผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เนทแบบไร้สายภายในบ้าน โดยการใช้เครื่อง PS5 ของคุณเป็นตัวปล่อยสัญญาณ และใช้ PORTAL เป็นตัวรับ
PORTAL มีหน้าจอสัมผัส LCD แต่ก็ยังเป็นหน้าจอที่น่าประทับใจมาก หน้าจอสูง 8 นิ้ว หมายความว่าตัวเครื่องนั้นหนาพอที่จำทำให้การเล่นเกม มั่นคง รวมถึงให้มุมมองที่ดีในการเล่นเกมอีกด้วย
PLAYSTATION PORTAL ไม่มีที่จัดเก็บข้อมูลในตัว และไม่สามารถติดตั้งเกมลงบนเครื่องได้โดยตรง ดังนั้นตัวเครื่องต้องใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เนทแบบไร้สายเท่านั้นในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม นั่นอาจเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่ใช้เชื่อมต่อ PLAYSTATION 5 ของคุณ หรือผ่านทางการเชื่อมต่อข้อมูลที่ระยะไกลกว่านั้นก็ได้เช่นกัน
การเล่นภายในบ้านที่ราบรื่น มีอาการล่าช้าให้เห็นบ้าง แต่ก็น้อยมากจนเราไม่ได้รู้สึกกระทบอะไร เราได้เปิดทีวีควบคู่กับการทดสอบไปด้วย เพื่อดูว่ามีความล่าช้ามากน้อยเพียงใด แต่ระบบควบคุมทำงานได้เป็นอย่างดีในทั้ง 2 หน้าจอ
ประสบการณ์การเล่นภายนอกบ้านนั้นลื่นไหลน้อยกว่า เนื่องจากขึ้นอยู่กับความเร็ว และความเสถียรของการเชื่อมต่อข้อมูล การใช้งาน PORTAL ผ่านเครือข่ายสัญญาณ 4G บนมือถือในพื้นที่ห่างไกลนั้นส่งผลต่อความละเอียด และเฟรมเรทที่ลดลง แต่เกม SPIDER-MAN 2 นั้นยังสามารถเล่นได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
นอกจากนี้ ลำโพงเสียงระบบสเตอริโอให้เสียงที่ดังพอสำหรับการเล่นคนเดียว ตัวเครื่องยังมีการเชื่อมต่อ BLUETOOTH มาให้สำหรับการใช้หูฟังแบบไร้สาย ทว่าคุณจะถูกบังคับให้เชื่อมต่อได้กับหูฟังของ PLAYSTATION เท่านั้น ไม่สามารถใช้หูฟัง Bluetooth ของค่ายอื่นๆ กับ PORTAL ได้
SONY อ้างว่าแบทเตอรีควรจะเล่นเกมได้ประมาณ 8 ชม. แต่จากการทดสอบ เราพบว่าตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ราว 5-6 ชม. สำหรับการใช้งานทั่วไป
ความพึงพอใจในการใช้งาน PLAYSTATION PORTAL นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ สำหรับเราแล้ว มันเป็นเครื่องเล่นเกมที่ดีสำหรับการย้ายไปเล่นที่อีกห้องหนึ่ง ในขณะที่ใครบางคนกำลังแย่งทีวีของคุณไป
สิ่งที่เราอยากได้ในอนาคต คือ ความสามารถในการเล่นเกมแบบสตรีมิงผ่านระบบคลาวด์มายัง PORTAL เราค่อนข้างแปลกใจที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น SONY ให้บริการเกมบนคลาวด์แล้วผ่านระบบสมาชิก PLAYSTATION PLUS โดยให้เฉพาะสมาชิกระดับ PS PLUS PREMIUM ดังนั้น ทำไมไม่ปล่อยให้พวกเขาเล่นเกมบนคลาวด์เหล่านั้นผ่านอุปกรณ์ตัวใหม่นี้ด้วยล่ะ ?
หาก SONY ตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้ลงไปบน PORTAL ในอนาคต จะทำให้การซื้อเครื่องเล่นเกมพกพานี้มีความสำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มันก็คุ้มค่าที่จะพิจารณาให้กับผู้ใช้งานระดับสูงของ PLAYSTATION จอแสดงผลขนาด 8 นิ้วนั้นเยี่ยมยอด ถึงแม้จะไม่รองรับ HDR ก็ตาม และความรู้สึกของการควบคุม การตอบสนอง และระบบสัมผัสนั้นดีกว่าหรือเทียบเท่ากับในเครื่องหลักเลยทีเดียว มันเป็นเครื่องเล่นเกมเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ยังเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่ดี และยังสามารถพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้ในอนาคต
สรุปคะแนนจาก T3
เราประทับใจกับ จอแสดงผลที่ยอดเยี่ยม ระบบสั่น และสัมผัส DUALSENSE เล่นในบ้านได้อย่างลื่นไหล ใช้งานแบบพกพา
เราอยากให้ปรับปรุง สตรีมเกมได้จากเครื่อง PS5 เท่านั้น อายุการใช้งานแบทเตอรีน้อยกว่าที่อ้าง ไม่สามารถใช้งานหูฟัง BLUETOOTH ค่ายอื่นๆ ได้
สรุป PORTAL ไม่จัดว่าเป็นเครื่องเล่นเกมแบบพกพาที่แท้จริง แต่เป็นเครื่องที่เล่นเกมจากเครื่อง PS5 ของคุณเองได้แบบพกพาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
พบกับข้อเสนอดีๆ ของ PLAYSTATION PORTAL ได้ที่: bit.ly/t3psport