ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลีลาภาษาไทยในปัจจุบัน
เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม องค์กรต่างๆ ที่เอาใจใส่เรื่องภาษาก็มักจะจัดกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาไทยเพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเอาพระทัยใส่ในการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ดังที่เคยเสด็จพระราชดำเนินเข้าร่วมประชุมและทรงร่วมอภิปรายในการประชุม "ชมรมภาษาไทยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ปี 2505 อันเป็นจุดที่ก่อให้เกิดมี "วันภาษาไทยแห่งชาติ"ขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีที่มีคุณ ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ปี 2542
ในฐานะเป็นผู้หนึ่งที่เคยเป็นครูภาษาไทยมาก่อนและทำหน้าที่เหมือนเป็น "ยามภาษา" มาเรื่อยปีนี้ผู้เขียนจึงได้รับหน้าที่ให้ไปร่วมเสวนากับผู้ทรงคุณวุฒิทางภาษาอีก 3 คน คือ
คุณหญิง กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ-ราชบัณฑิตซึ่งรับหน้าที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยในคำร้อยกรองทั้งในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมคอลัมน์กาพย์กลอน "สโมสรสมานมิตร" และ "ห้องสมุดสกุลไทย" คอลัมน์หลังในนาม "ปถพีรดี"
ท่านที่สองเป็นนักเขียนรุ่นเดียวกันกันคุณหญิง แถมเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม-มัธยม-ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์กระทั่งอุดมศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ คือศาสตราจารย์ ดร. สิทธาพินิจภูวดล ซึ่งนอกจากเคยเขียนเรื่องสั้น-เรื่องยาวในนามปากกา "วัชรวัน" มาพร้อมๆ กับ "กุลทรัพย์ รุ่งฤดี" แล้ว ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญการแปลและเป็นประธานชมรมการแปลมาแล้วท่านจึงถูกบรรณาธิการอาวุโสของ "สกุลไทย" ให้รับหน้าที่ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในเรื่องการแปล
ส่วนท่านที่สามซึ่งนอกจากจะเป็นรุ่นพี่ของผู้เขียนเช่นเดียวกับสองท่านที่กล่าวถึงแล้ว ศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคสกุล ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยที่แท้จริงอีกคน ซึ่งทำให้คนติดตาตรึงใจกับรายการ "ภาษาไทยวันละคำ" อันโด่งดังทางโทรทัศน์มานานนับสิบปี เมื่อมาเขียนคอลัมน์ "ภาษาไทยวันนี้" สลับกับผู้เขียนใน "สกุลไทย" ด้วยกัน ยิ่งทำให้ "สุดสงวน" เงาของผู้เขียนต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นท่านผู้นี้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภาษาไทยในปัจจุบันซึ่งผู้ฟังได้รับประโยชน์มาก แต่เสียดายที่ท่านมีเวลาพูดน้อยเกินไป
ส่วนผู้เขียนเป็นอักษรศาสตร์ปริญญาตรีเพียงคนเดียวบนเวที (แม้กระทั่งน้องเล็กผู้เยาว์ที่สุดที่มาจากคณะเดียวกันและได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเสวนา คือผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ญาดา อรุณเวช อารัมภีร ก็มีตำแหน่งทางวิชาการไม่น้อยกว่าพี่สาวทั้งสาม) ผู้เขียนจึงทำหน้าที่อย่าง "นักวิชาเกิน" (ความจริงน่าจะเรียก "นักวิชาพร่อง" มากกว่าเพราะนอกจากจะเรียนน้อยกว่าทุกคนในระบอบการศึกษาแล้ว ช่วงที่เรียนยังขยันทำกิจกรรมนอกห้องเรียนอีกต่างหาก)
ถ้าผู้เขียนขยันและได้รับอนุญาตจากท่านผู้อภิปรายทั้งสามแล้วจะขอนำเรื่องที่ท่านทั้งสามเสวนามาขยายต่อไป เดือนนี้จึงขอเก็บบางตอนที่ผู้เขียน "ชมคนที่ควรชมและบ่นเรื่องที่ไม่ควรต้องให้บ่น" จากที่ต้องรับผิดชอบหัวข้อ "การพูด-การเขียนภาษาไทยในสื่อและสังคมทั่วไป" มาขอความเห็นใจจากท่านผู้อ่านก่อนแต่ก็ได้พูดสั้นนิดเดียวเพราะเป็นคนพูดคนสุดท้ายตามอาวุโสและคงจะสั้นเพราะเนื้อที่ของคอลัมน์นี้ด้วย
ผู้เขียนกล่าว ผู้ที่ใช้ภาษาไทยในสื่อได้ดีมีมากเหมือนกัน แต่ได้ยกมาบางคนที่ "ชมรมรักภาษาไทย" ที่มีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อัมพร สุขเกษม เป็นประธาน
ได้ประกาศยกย่องบุคคลสาธารณะประเภทนักการเมืองไว้ 5 คน (ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาประมาณ 10 คนแล้วพวกเราลงมติเอาผู้ที่มีคะแนนเห็นร่วมกันสูงสุดมา 5 คน) ได้แก่ คุณ ชวน หลีกภัยอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้นำฝ่ายค้าน คุณ ดำรง พุฒตาลสมาชิกวุฒิสภาและประธานมูลนิธิดำรงพุฒตาลที่ส่งเสริมการใช้ภาษาไทยที่ดี รตอ. ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรีอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาาดไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คุณ พงศ์เทพเทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคนสุดท้าย (ที่เรียงตามลำดับตัวอักษร) คุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยความชอบและที่เฝ้าสังเกตมาผู้เขียนแถมชื่อศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีอดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลายสมัยและอดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้ามาอีกคนหนึ่งเพราะเป็นคนที่ใช้ภาษาไทยได้ดีอีกผู้หนึ่งผู้เขียนเคยเห็นท่านกราบทูลสัมภาษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา (ก่อนที่จะทรงได้รับสถาปนาเป็น กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์หลายปี) รู้สึกว่าท่านใช้ภาษาได้ดีฟังราบรื่นและเห็นว่าท่านใช้ราชาศัพท์ได้ดี ไม่มากไปหรือน้อยไปเวลาที่อภิปรายในสภาหรือชี้แจงและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทำได้ชัดเจน ไม่สับสนใช้ภาษาที่ฟังแล้วราบรื่นสบายหู
ในด้านผู้อ่านข่าวโทรทัศน์ ผู้เขียนเห็นว่าผู้อ่านข่าวได้ดี ชัดเจนทั้งคำควบกล้ำ ร-ล-ว การแบ่งวรรคตอน การออกชื่อบุคคลและสถานที่ ฯลฯ ได้แก่ คุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง แห่ง "ไอทีวี" คุณสิทธิชาติ บุญมานนท์ แห่งไทยทีวีสี ช่อง 3 และ จิตแพทย์ อภิสมัย ศรีรังสรรค์ แห่งทีวีสี ช่อง 7
ด้านพิธีกร-ผู้ดำเนินรายการ ผู้เขียนอดชมเชย คุณ ปัญญา นิรันดร์กุล ไม่ได้ไม่ว่าเขาจะดำเนินรายการใด เช่น ชิงร้อย-ชิงล้าน เกมส์แก้จน แฟนพันธุ์แท้และแม้รายการเกมส์ทศกัณฐ์ ฯลฯ เขาสามารถทำให้ผู้ร่วมรายการและผู้ชมได้สาระประโยชน์นอกเหนือจากความบันเทิงตามเจตนารมณ์ของรายการเกมส์โชว์ไม่เคยพูดจาให้ผู้ร่วมรายการต้อง "หน้าแตก" หรือได้อาย หรือกระอักกระอ่วน ยิ่งกว่านั้นบางรายการเช่น แฟนพันธุ์แท้ ยังทำให้ผู้เข้าร่วมรายการมีความรู้สึกที่ดีต่อกันแม้ว่าจะตกรอบหรือพ่ายแพ้ นอกจากนั้นผู้ร่วมรายการซึ่งต่างมาแข่งขันเพื่อเอาชนะกันกลับกลายเป็นมิตรกันและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งถือเป็นการ "สร้างสรรค์" อย่างแท้จริงไม่ใช่ชิงไหวชิงพริบอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ส่งเสริมความรุนแรงหรือทำลายวัฒนธรรมอันดีอย่างรายการละครน้ำเน่าที่เลอะเทอะเปรอะหน้าจอโทรทัศน์ในปัจจุบัน
ผู้ทำสื่ออีกคนที่ผู้เขียนนึกชมความพยายามเอาใจใส่ในการใช้ภาษาไทยให้ได้ดี คือคุณจักรภพ เพ็ญแข นักรัฐศาสตร์ผู้ทิ้งหน้าที่ควรเจริญก้าวหน้าทางราชการ มาทำงานสื่อมวลชนอิสระผู้มีแม่แบบในดวงใจคือคุณ พิชัย วาศนาส่ง สถาปนิกที่ทำอะไรก็ทำได้ดี
ส่วนรายการ "บ่นไป-สับไป" ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะแวบเข้าไปที่รัฐสภาแห่งชาติซึ่งมีเรื่องน่าบ่นตั้งแต่บุคคลระดับนำของสภาและระดับบริหารที่ใช้ภาษาวิบัติโดยเฉพาะท่านที่ลิ้นแข็งกระด้าง ออกเสียงควบกล้ำไม่เป็น ไม่ว่า ร-ล-ว ไม่ทราบว่าครูบาอาจารย์เดี๋ยวนี้เขาสอนมาอย่างไร ท่านผู้มีเกียรติในสภา (แถมระดับดอกเตอร์เสียด้วย) ก็เต็มไปด้วย "ผมมีโคงการเล่งลัด โปเจ็กเลียบล้อยแล้วทุกโคงการไม่ต้องปับปุงเปี่ยนแปงเลย เพาะลัดถะมนตีได้วิเคาะวิจัย ผ่านการเวิกช็อปเลียบล้อยเลียกว่าปฏิลูบแบบบูละนากาน
" โอ้อนิจจา ท่านผู้มีเกียรติ...?
นอกจากนั้น ท่านผู้ทรงภูมิรู้ระดับดอกเตอร์หลาย "ท่าน" ยังอ่านออกเสียงคำบางคำเช่น "ประสบการณ์"เป็น "ประ-สบ-พะ-กาน" แทนที่จะออกเสียงให้ถูกว่า "ประ-สบ-กาน" หรือบาง "ท่าน" ก็อ่านคำที่ใช้บ่อยๆ คือ "กรรมาธิการ" เป็น "กัน-มา-ทิ-กาน" แทนที่จะอ่านให้ถูกต้องว่า "กำ-มา-ทิ-กาน" ( เพราะที่จริงก็มาจากคำ "กรรมการ" ที่มีคำ "อธิ" แทรกกลางเข้ามาเท่านั้น)
ผู้เขียนยังบ่นอีกเป็นกระบุงเกี่ยวกับพวก "โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ"ที่ทำรายงานเกี่ยวกับการเสด็จต่างประเทศของพระบรมวงศานุวงศ์โดยเฉพาะการใช้ราชาศัพท์ตามใจฉันคิดเอาเอง
เช่นการใช้ "ทรง" ไม่เป็น มีใช้ "ทรง" นำหน้าคำกริยาราชาศัพท์อยู่แล้ว (เช่น ตรัส ประพาส รับสั่ง โปรดบรรทม สวรรคต ประทับ ประภาษ พระราชทาน ฯลฯ รวมทั้งพวกที่ใช้ราชาศัพท์แบบมั่วเอาเองเช่น "ทูลถวายรายงาน" แทนที่จะใช้ให้ถูกว่า "กราบทูลรายงาน" หรือ "กราบทูล" หรือ "กราบบังคมทูล"
เช่น "ถวายการรับเสด็จ" พูดยังกับว่า "การรับเสด็จ" เป็นสิ่งของที่จะยกไป "ถวาย" ได้ทั้งที่ควรจะใช้อย่างสมัยก่อนที่ใช้ว่า "เฝ้ารับเสด็จ" ก็กระชับ ตรงความหมายได้ดี
แค่เรื่อง "การพูด" ก็ไม่มีเวลาพอ เลยไม่มีเวลาพูดถึง "การเขียน" เห็นจะต้องสงวนเนื้อที่เพียงแค่นี้ไปพลางก่อน ยัง "ขบกัดสะบัดเขี้ยว" ได้ไม่เต็มที่เลยแต่หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้อะไรไปบ้าง ไม่ใช่รำคาญคนแก่ขี้บ่นอย่างเดียว
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51765