ชีวิตคือความรื่นรมย์
ไม้แกร่งแห่งตำนาน
การจากไปของใครสักคนย่อมมิใช่เป็นความรื่นรมย์ ไม่ว่าด้วยวิถีใดๆ
แต่การกล่าวขวัญถึง โดยเฉพาะคนที่เรารักและเป็นคนที่ทำประโยชน์ต่อสังคมมาอย่างสม่ำเสมอย่อมไม่เป็นการสูญเปล่าที่จะกล่าวถึงอย่างแน่นอน
ยิ่งเป็นคนที่เรารู้สึกสนิทสนม เคารพรักใคร่อย่างสนิทและจริงใจ แม้ว่าจะรู้มานานเป็นปีว่าวันหนึ่งวันนั้นต้องมาถึง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กล่าวถึงเลย
และคนที่ข้าพเจ้าเรียกเธอว่า พี่สุภัทร สวัสดิรักษ์-ได้สนิทปากสนิทใจ (เหมือนหลายคนที่เรารักและเคารพ) คนที่บรรณาธิการอาวุโสของนิตยสารที่แพร่หลายและมีอายุยืนยาวที่สุดอย่าง "สกุลไทย" ต้องเป็นบุคคลที่น่าจะกล่าวถึงด้วยความอาลัยอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้ารู้จัก "สกุลไทย" ในวัยต้นๆ ของนิตยสารฉบับนี้ สมัยที่เพื่อนร่วมสมัยเช่น เจษฎา วิจิตร (วิจิตร ปิ่นจินดา) และ ภิญโญ ศรีจำลอง สลับสับเปลี่ยนกันไปเขียนกลอนประกอบภาพทิวทัศน์สวยๆบนปกหลัง ตั้งแต่ ลมูล อติพยัคฆ์ (ผู้ออกแบบหัวคำว่า "สกุลไทย" อันเป็นแบบอมตะมาจนทุกวันนี้) ยังมีส่วนสำคัญในการจัดทำ และที่สำคัญคือผู้พิจารณากาพย์กลอนที่เราส่งไปให้ลงพิมพ์สมัยนั้นสำนักงานอยู่ตึกแถวบริเวณเสาชิงช้า เยื้องซ้ายมือสำนักงานกรุงเทพมหานคร (ที่สมัยโน้นเราเรียกว่าเทศบาลกรุงเทพ ฯ) จนต่อมาเราผลัดกันเทียวไปรับรางวัลในการตอบปัญหาสมัยที่ประจวบ กาญจนลาภ เป็นผู้ดูแลในกาลต่อมา ข้าพเจ้าจึงรู้สึกว่าข้าพเจ้าสนิททั้งตัวนิตยสารและบรรณาธิการอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเธอมาทำหน้าที่บรรณาธิการ "สกุลไทย" อย่างจริงจัง ทุกครั้งที่ส่งรายงานการแสดงสักวามาให้ พี่สุภัทร ก็นำลงให้เต็มที่ เพราะความที่เธอรักภาษาไทยและส่งเสริมการแสดงปฏิภาณแบบไทยๆเยี่ยงนี้ แม้เมื่อตอนที่ออกไปทำ "สายใจ" พี่สุภัทร ก็คงลงรายงานสารคดีเช่นนั้นอยู่เช่นเคย
ยิ่งเมื่อข้าพเจ้าได้รับความไว้วางใจให้เป็นนายกสมาคมนักเขียน ฯ และต่อมาเป็นสมาชิกวุฒิสภาพร้อมๆ กับ พี่ สุกัญญา ชลศึกษ์ (เพื่อนรักสนิทของพี่สุภัทรพอๆ กับคุณหญิง กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ ศ. ดร. สิทธา พินิจภูวดล) นอกจากพี่ สุภัทร จะรับเป็นที่ปรึกษา (ร่วมกับพี่ๆ ที่เคารพหลายคน) แล้ว พี่สุภัทร จะเป็นคนหนึ่งที่ขยันไปร่วมประชุมในรายการ "จิบชา-เสวนาคนวรรณกรรม" อย่างสม่ำเสมอ ทั้งเป็นผู้ให้การสนับสนุน (สปอนเซอร์) เป็นวิทยากรที่มีเรื่องที่ฟังแล้วได้ประโยชน์ยิ่ง เป็นประธานและกล่าวสรุปการเสวนาด้วยความเต็มใจแล้ว ยังกรุณาให้สัมปทานคอลัมน์ประจำ "มองภาษา" ในสกุลไทย และให้ความรักใคร่ใกล้ชิดจนเสมือนคนวงในกองบรรณาธิการอีกด้วย นอกจากนั้นยังยินดีร่วมเป็นกรรมการในองค์กรต่างๆ ด้วยกัน เช่น กรรมการพิจารณารางวัล "ศรีบูรพา" ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการของ "มูลนิธิสุภาว์ เทวกุล" และ "มูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการนักเขียน" เป็นต้น
จากประวัติที่ ชมัยภร แสงกระจ่าง (ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่พี่สุภัทรไว้วางใจให้เขียนประวัติเธอได้) เล่าไว้ว่า พี่สุภัทร เป็นธิดาคนโตของขุนพิจิตร คุรุการกับนางจันทนา พิจิตรคุรุการ เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2472 มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 4 คน เป็นชาย 2 หญิง 2 แต่งงานกับ (พี่) บำเหน็จ สวัสดิรักษ์ มีบุตรธิดา 6 คน เริ่มเรียนหนังสือที่จังหวัดตากเพราะบิดาเคยเป็นศึกษาธิการและเป็นนายกเทศมนตรีหลายสมัย มารดาเป็นอาจารย์ใหญ่ ความที่พ่อแม่สะสมหนังสือไว้มาก
เธอจึงรักการอ่านและต่อมาเป็นรักการเขียนมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม ชอบเขียนการ์ตูน และได้รับรางวัลจากการประกวดเรียงความจากหนังสือพิมพ์เมื่ออยู่ชั้น ม. 3
ทั้งๆ ที่ พี่สุภัทร จบชั้นเตรียมอักษรศาสตร์ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ แล้วออกมาเป็นครูอนุบาลที่โรงเรียนละอออุทิศ แต่ความที่เป็นคนอ่านมากและได้รู้จักนักเขียนผู้ใหญ่หลายคน เมื่อเริ่มต้นเข้าวงการหนังสือพิมพ์ จึงได้รับความรู้และซึมซับความเป็นนักเขียนมาด้วย เช่นจาก ก. สุรางคนางค์/ วิจิตร คุณาวุฒิ (ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาตรวจปรูฟที่เดลิเมล์วันจันทร์) ฯลฯ และการที่ได้ครูดีในการทำหน้าที่บรรณาธิการอย่างอาจารย์นิลวรรณ ปิ่นทอง ที่สตรีสาร และมานิต ศรีสาคร ที่เดลิเมล์วันจันทร์ เมื่อ พี่สุภัทร มาทำหน้าที่เต็มตัวในฐานะบรรณาธิการ ทั้งที่ "นารีนาถ" (นิตยสารสำหรับสุภาพสตรี ที่ ก. สุรางคนางค์ เป็นเจ้าของ) และที่ สกุลไทย พี่สุภัทร จึงได้แสดงให้ใครๆ เห็นว่า นอกจากเธอจะได้ครูดีแล้ว เธอยังเป็นบรรณาธิการที่ดี ดูแลทั้งงานเขียน และนักเขียน เอาใจใส่อย่างเอื้อเอ็นดูต่อนักเขียนใหม่ รับฟังความคิดใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงงานให้ทันสมัยเสมอ ซึ่งนอกจากให้โอกาสนักเขียนใหม่ๆ แล้ว ยังให้คำแนะนำ และถนอมกล่อมเกลี้ยงนักเขียนให้เดินไปบนเส้นทางอย่างมั่นคงเท่าที่จะพึงทำ
ข้าพเจ้าเคยติดใจในบทละครวิทยุในนามผู้เขียนเรื่องบ้าง ผู้ทำบทละครวิทยุบ้างในช่วงที่เธอไปทำงานที่สำนักข่าวสารอเมริกันช่วงหนึ่ง น่าเสียดายที่เมื่อมาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ และต่อมาเป็นบรรณาธิการที่สกุลไทยเต็มตัว งานเขียนเรื่องสั้น นวนิยายจึงไม่ค่อยมีปรากฏ นอกจากสารคดีที่เขียนร่วมกับนักเขียนอื่นบ้าง เขียนคนเดียวบ้างนานๆ ครั้ง เสียดายที่เธอมีโครงการอะไรต่างๆ มากมายหลายเรื่อง คงไม่มีใครจะผลักดันเท่าบรรณาธิการคนขยันและรับผิดชอบงานสุดจิตสุดใจอย่างนี้อีกแล้ว ใครหนอจะสืบทอดแทนเธอได้
แม้จะมีงานในหน้าที่มากอยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยทิ้งหน้าที่ทางสังคมมากมาย แต่เพราะชอบถ่อมตัวและชอบปิดทองหลังพระ จึงเสมือนว่าระยะหลังๆ นี้ เธอมีบทบาทในทางสังคมน้อย แต่คนที่รู้จักเธอดีอย่าง สุวัฒน์ วรดิลก ประธานพิจารณา "รางวัลศรีบูรพา" ซึ่งระยะหลังๆ ที่เธอไม่ค่อยมีเวลาไปประชุม ฯ คณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า บทบาทต่อสังคมของเธอนั้นสมควรได้รับรางวัลศรีบูรพาคนที่ 11 อย่างภาคภูมิ
หลังได้รับแจ้งจากกองบรรณาธิการสกุลไทย คืนนั้นข้าพเจ้าเขียนกลอนไว้ด้วยความอาลัยยิ่งดังนี้
(หนึ่ง)-"เธอ"อยู่ ณ ที่นั่นมานานแล้ว/พระพายแผ่วจุมพิตเอื้อจิตฝัน/ทอดทะแยงแสงแดดแวดตาวัน/ฝ่าม่านกั้นดวงตาแห่งราตรี/เพื่อสั่งสมอุดมการณ์อันแน่วแน่/เธอพลีพร้อมมิยอมแพ้แม้ริบหรี่/เดินตามครูชูทีปทองส่องชีวี/จวบวันที่เธอพร้อมในอ้อมใจ/เธอคือหน่อกล้าที่มีรากเหง้า/กลางลำเนาพฤกษาแห่งป่าใหญ่/แม้ผจญบนพายุดุเดือดใด/จึงแกว่งไกวเยี่ยงผู้รู้แรงลม/เพราะรอบคอบ-รอบรู้-คู่รอบด้าน/จึงตลอดสอดผสานงานผสม/เป็นปรากฏระชดช้อยร้อยเกลียวกลม/เป็นป่านคมเข้มแข็งแกร่งกังวาน
(สอง)-สุภัทร สวัสดิรักษ์/คือไม้หลักวรรณวิจิตรนิตยสาร/ช่วงชีวิตชิดกระแสแน่เนานาน/ประสบการณ์อันล้ำค่ากล้าชื่นชม/"สตรีสาร" งานแม่ครูผู้ประเสริฐ/เส้นทางเพริศ "นารีนาถ"อันสุขสม/"เดลิเมล์วันจันทร์"สรรพอุดม/คือพรพรหม "สกุลไทย" ในวันนาน/จวบวันนี้ที่ไม้แกร่งก่อแหล่งผลิต/สรรค์ชีพิตประพันธกรกระฉ่อนพิศาล/กอใหม่เก่าเพราเพริศเฉิดตระการ/จารึกนามหนึ่งตำนานวรรณกรรม
(สาม)-สุภัทร สวัสดิรักษ์/ผู้แน่นหนักบนหลักการอันคราคร่ำ/ผู้พิทักษ์ศักดิ์ภาษาร้อยค่าคำ/วัฒนธรรมอำนรรฆค่าบรรพชน/แบบอย่างกุลสตรีที่รอบด้าน/หลากแนวงานวรรณกรรมล้ำเลิศผล/ผู้อ่อนน้อมถ่อมค่ากว่าตัวตน/แต่ไม่พ้นซ่อนคมเพชรเม็ดรูจี/เพราะผลงานอันหลากหลายในเบื้องหลัง/ส่งพลังวาววามงามศักดิ์ศรี/ให้เด่นโดดโชติช่วงดวงมณี/หนึ่งรางวัลกุลสตรี "ศรีบูรพา"
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52115