โค้งอันตราย
คอร์รัพชัน
มีชีวิตรอดครึ่งปีมาได้อย่างสบายใจนะครับ ถึงน้ำมันเบนซินจะแพงไปหน่อย แต่ก็ไม่กระทบกับน้ำมันดีเซล ที่ภาครัฐยังนั่งยัน ยืนยันราคาเอาไว้เพื่อประชาชนผู้บริโภค ส่วนเบนซินจะแพง ก็ไม่ค่อยกระทบกับผู้ใช้รถเท่าไรนัก
เดี๋ยวพอรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเดินขบวนรถ ก็คงมีทางแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนได้มากขึ้น บริโภคน้ำมันก็ลดลงบ้างเล็กน้อย เฉพาะคนกรุงนะครับ เพราะค่าที่จอดรถส่วนบุคคลท่านว่าจะคิดแค่ชั่วโมงละ 2.50 บาท หรือทั้งวัน 50 บาท ก็ยังเป็นราคาที่พอรับได้
ขนาดที่จอดรถในเมืองบางที่ ขับรถขึ้นไป ยังไม่ทันเข้าที่จอดรถ ต้องจ่ายก่อนทันที 30 บาทแน่นอน ก็ยังเห็นแย่งกันขึ้นไปจอดแน่นขนัด กว่าจะวนหาที่จอดได้ก็เป็น 10 นาที แถมถ้าเกินเวลากำหนด ยังต้องจ่ายรายชั่วโมงเพิ่มอีก ก็ไม่เห็นคนกรุงจะยี่หระอะไร
แถมจอดรถได้แล้ว ยังต้องเดินกันอีกเกือบกิโล ก็ไม่เห็นบ่น ยิ่งมีงานเทศกาลตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งเห็นได้ชัด ไม่บ่นเลยสักคำ
ซื้อรถมาแล้ว เอามาใช้แล้ว ก็ต้องหาที่จอดรถกันให้ได้นั่นแหละ
ส่วนคนต่างจังหวัด ก็มีโครงการขยายเมือง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ กันมากมาย กระผมเองได้ข้อมูลมา ยังนั่งงงๆ อยู่ว่าจะนำเสนอยังไงดี
โอกาสหน้านะครับ ขอตั้งหลักเรื่องข้อมูลสักพัก
ถึงแม้น้ำมันจะแพงขึ้นเล็กน้อย แต่บรรดาร้านอาหารก็เริ่มทยอยขึ้นราคากันแล้ว บรรดาข้าวแกงก็เริ่มขยับจาก 20 เป็น 25 แล้ว แถมถ้าสังเกตดีๆ บรรดาร้านอาหาร ภัตตาคาร ก็จะค่อยๆ ลดปริมาณอาหารลง ในราคาเท่าเดิม
ส่วนร้านอาหาร ภัตตาคารที่เปิดใหม่ ก็ตั้งราคาระดับอาหารจานละ 80 บาทขึ้นไปทั้งนั้น ก็แล้วแต่จะเลือกบริโภคกันนะครับ ของดี ราคาถูกก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่ต้องเลือกกันหน่อยเท่านั้นเอง
หนนี้ขอนำเสนอรายงานประจำปี ว่าด้วยเรื่องการสำรวจปัญหาในการฉ้อราษฏร์บังหลวง ที่ไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ก็มีเหมือนกันหมด แต่ไม่ใช่ว่าจะเลือกเอาบทวิจัยของอาจารย์ เรื่องการจ่ายส่วยของบ้านเรา ที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งใหญ่โต เอามาคั้นแล้วนำเสนอนะครับ เพราะเรื่องนั้นมันต้องมีรายปลีกย่อยแถมอีกเยอะ
แหม ทดลองกันดูสักทีก็ไม่เลว ชักน้ำลายสอแล้ว
รายงานนี้เป็นขององค์การที่ทำงานทางด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่ได้ทำการฉ้อราษฏร์บังหลวง แต่ทำการสำรวจเพื่อหาว่า ความนิยมชมชอบในการคอร์รัพชัน หรือฉ้อราษฏร์นี้ มีตำแหน่งแต่ละประเทศในโลกใบนี้อย่างไรบ้าง
หลักการในการสำรวจก็จะมี 13 สถาบันเอกชน ที่ร่วมมือในการสำรวจ มีรูปแบบการสำรวจ 17 แบบ ในแต่ละประเทศจะใช้แบบสำรวจอย่างน้อย 3 แบบ เพราะสภาพความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตของประชากรไม่เหมือนกัน
หนนี้ทำการสำรวจเอาไว้ 133 ประเทศ ว่า ประชาชน นักธุรกิจ นักวิเคราะห์ในบ้านเมืองต่างๆ มองระดับของการคอร์รัพชันในแต่ละประเทศกันอย่างไรบ้าง
คะแนนเต็มคือ 10 คะแนน แล้วนำเอาข้อมูลทั้งหมดมาหาค่าเฉลี่ย ตามวิธีการทางสถิติ ก็จะได้เป็นตัวเลขมีหน่วยทศนิยม ประเทศที่ได้คะแนนมากสุด คือ ประเทศที่มีการคอร์รัพชันน้อยสุด และในทางตรงกันข้าม ประเทศที่ได้คะแนนน้อยสุด ก็คือ ประเทศที่มีการคอร์รัพชันมากสุด
ทำใจเป็นกลางเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งนึกว่า สยามประเทศของเรา จะได้อันดับบ๊วยหรือไม่ อย่าเพิ่งตีตนก่อนไข้นะครับ
ประเทศที่ได้คะแนนมากสุด คือ ฟินแลนด์ คะแนน 9.7 ตามมาด้วยอันดับ 2 ไอร์แลนด์ 9.6 คะแนน อันดับ 3 เท่ากัน เดนมาร์ค และนิวซีแลนด์ คะแนน 9.5 อันดับ 5 เพื่อนใกล้เรือนเคียงเรานี่เอง สิงคโปร์ 9.4 คะแนน
อันดับ 6 สวีเดน 9.3 คะแนน อันดับ 7 เนเธอร์แลนด์ 8.9 คะแนน และอันดับ 8 เท่ากัน 3 ประเทศ ออสเตรเลีย นอร์เวย์ สวิทเซอร์แลนด์ 8.8 คะแนน
10 อันดับแรกผ่านไป ยังไม่เจอชาติมหาอำนาจอยู่ในทอพเทนเลย ลองดูกันแค่ประเทศที่เราคุ้นเคยนะครับ คงไม่ต้องร่ายยาวถึง 133 ประเทศนะครับ เดี๋ยวท่าน บก. ท่านจะหาว่าอู้มากจนเกินเหตุ
อันดับ 14 ฮ่องกง 8.0 คะแนน อันดับ 18 เจอแล้ว สหรัฐอเมริกา 7.5 คะแนน อันดับ 21 ญี่ปุ่น 7.0คะแนน อันดับ 30 ไต้หวัน 5.7 คะแนน อันดับ 37 มาเลเซีย 5.2 คะแนน อันดับ 50 เกาหลีใต้ 4.3 คะแนน อันดับ 66 จีน 3.4 คะแนน และอันดับ 70 ไทยแลนด์แดนสยาม 3.3 คะแนน
ค่อยโล่งอกหน่อยนะครับ ได้ที่กลางๆ พอค่อยยังชั่วหน่อย เพราะอันดับ 129 ได้แก่ เพื่อนบ้านเรือนเคียงของเรา พม่า 1.6 คะแนน
ส่วนบ๊วย ได้แก่ บังคลาเทศ 1.3 คะแนน
ลองมาดูในทางกลับกันนะครับ เขาใช้คำศัพท์ว่า BRIBE PAYERS หมายถึงผู้ที่ยินยอมจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่บุคคล เพื่อเป็นค่าตอบแทนอย่างไม่เป็นทางการ เขียนเสียไพเราะเชียว พูดง่ายๆ คือ ยินดีจะจ่ายสินบนให้แก่ข้าราชการนั่นแหละ
ประเทศที่ยินดีจ่ายมากที่สุด ได้แก่ ออสเตรเลีย 8.5 คะแนน ที่ 2 สวีเดน ได้เท่ากับ สวิทเซอร์แลนด์ 8.4 คะแนน ที่ 4 ออสเตรีย 8.2 คะแนน ที่ 5 แคนาดา 8.1 คะแนน
ที่น่าสนใจในทางกลับกันนี่ก็คือ อันดับ 13 ญี่ปุ่น ยินดีจ่ายพอๆ กับ สหรัฐ ฯ ด้วยคะแนน 5.3 และอันดับถัดมา มาเลเซีย ยินดีจ่ายพอๆ กับ ฮ่องกง 4.3 คะแนน
แต่น่าเสียดายที่การสำรวจในทางกลับกันนี้ ให้ข้อมูลมาน้อยมาก แต่ก็พอเป็นแนวทางในการปลงนะครับ ว่าที่ไหนๆ ก็มีเหมือนกันทั้งนั้นแหละ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่สภาพการณ์จะเอื้ออำนวย
แต่ไม่ยักมีใครสามารถสำรวจได้ว่า CONFLICT OF INTEREST ที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับรายได้ของคนบางคน หรือกลุ่มบางกลุ่ม เอาแค่ที่เห็นอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วจับเอามาพิจารณาอย่างจริงจัง กลับทำไม่ได้
รู้ได้แค่ว่าพอท่านลงจากตำแหน่งแล้ว มีรายได้เพิ่มเติมขึ้นมา มากเกินกว่าคนธรรมดาจะสามารถทำได้
คนจนๆ อย่างพวกกระผมมิน่าบังอาจเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเลยนะครับ พูดไปท่านก็ไม่รู้สึกอะไร ส่วนกระผมก็ได้แต่ช้ำใจ ยิ่งเห็นตัวเลขที่หลวงท่านเรียกเก็บเห็นค่าภาษีอากรแล้ว ได้แต่ก้มหน้าอย่างเดียวครับ
ไม่มีปัญญาหา CONFLICT OF INTEREST มาใช้เหมือนบางท่านหรอกครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52148