ประกันภัย
มหันตภัย (2)
ฉบับนี้ขออนุญาตพูดคุยเรื่อง มหันตภัย "คลื่นยักษ์ สึนามิ" ถล่มโลก ต่อจากฉบับที่แล้ว ซึ่งช่วงแรกๆหลังจากเกิดเหตุ ดูจะมีข่าวความสับสนเกี่ยวกับการประกันภัย ว่ากรมธรรม์ชนิดใดบ้างที่ให้คุ้มครองความเสียหายจากกรณี "คลื่นยักษ์" ซึ่งฉบับที่แล้วได้ชี้แจ้งไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังมีผู้ที่ยังสงสัยอยู่อีกมากจึงขอสรุปสั้นๆ ดังนี้
สรุปการประกันภัยประเภทต่างๆที่ให้ความคุ้มครองกรณีธรณีพิบัติ
1. การประกันชีวิต (ชีวิต/ทุพพลภาพ/อุบัติเหตุ/ค่ารักษาพยาบาล)
2. การประกันวินาศภัย ประเภทต่างๆ ดังนี้
2.1 การประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร (ชีวิต/ทุพพลภาพถาวร ในวงเงิน 300,000 บาท)
2.2 การประกันภัยอุบัติเหตุ (ชีวิต/สูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพ/ค่ารักษาพยาบาล)
2.3 การประกันภัยอุบัติเหตุเดินทาง (เพื่อนักท่องเที่ยว/ชีวิต/สูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพ ไม่ต่ำกว่า
200,000 บาท/คน และค่ารักษาพยาบาล ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/คน และหากนักท่องเที่ยวได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทางของตนเองไว้ ก็จะได้รับค่าทดแทนอีกด้วยเช่นกัน ตามความคุ้มครองที่ได้ซื้อไว้ รวมถึงความ สูญเสียของทรัพย์สินส่วนตัวด้วย)
2.4 การประกันภัยผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้าง (ชีวิต/สูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพ ในวงเงิน 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 10,000 บาท/คน)
2.5 การประกันภัยรถ (ประเภท 1 ชีวิต/ความบาดเจ็บ/ค่ารักษาพยาบาล/รวมทั้งความเสียหายต่อตัวรถ/ส่วนประเภท 2 และประเภท 3 จะไม่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ ในส่วนของผู้ประสบภัยทุกคนที่อยู่ในรถยนต์จะได้รับความคุ้มครองชีวิต บาดเจ็บ และค่าอนามัยตามความเหมะสม จากการประกันภัยตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 เป็นค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีเสียชีวิต 35,000 บาท/ราย กรณีบาดเจ็บจ่ายตามความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท/ราย)
2.6 การประกันภัยอัคคีภัย (หากซื้อความคุ้มครอง เพิ่มเติมถึงภัยแผ่นดินไหว ก็จะได้รับ ความคุ้มครอง)
2.7 การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR: INDUSTRIAL ALL RISKS) (ส่วนใหญ่คุ้มครองภัยทุกชนิด)
2.8 การประกันภัยสรรพภัยเจ้าบ้าน (HOMEOWNERS' INSURANCE) (เป็นการประกันภัยแบบครอบคลุม แผ่นดินไหว และภัยเพิ่มอื่นๆ (PACKAGE) รวมถึงอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การโจรกรรม ฯ)
2.9 การประกันภัยสรรพภัยสำหรับธุรกิจขนาดย่อม (คุ้มครองคล้ายกับการประกันภัยสรรพภัยเจ้าบ้าน)
สำหรับการประกันภัยตามข้อ 2.6-2.9 นั้น ผู้เอาประกันภัยที่ซื้อความคุ้มครองถึง ภัยแผ่นดินไหวไว้หรือกรมธรรม์ประกันภัยใดที่ให้ความคุ้มครองถึงภัยแผ่นดินไหวด้วย จะได้รับความคุ้มครอง ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งในส่วนที่เสียหายจากภัยแผ่นดินไหว คลื่นใต้น้ำ และน้ำท่วม เนื่องจาก ภัยแผ่นดินไหวเป็นภัยหลักที่ส่งผลให้เกิดคลื่นใต้น้ำและน้ำท่วมตามมา อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เอาประกันภัยที่ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมโดยไม่ได้ซื้อ ภัยแผ่นดินไหว หากทรัพย์สินที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหายจะได้รับความคุ้มครองเฉพาะในส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วมเท่านั้น
หลังจากกการเกิดเหตุมาแล้ว 1 เดือน บริษัทประกันภัยต่างๆ ได้ทยอยจ่ายค่าสินไหมไปบ้างแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ กรมการประกันภัยได้มีประกาศหลักเกณฑ์การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังนี้
แนวทางปฏิบัติในการพิจารณาจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยจากรถกรณีอุบัติภัยร้ายแรงจากแผ่นดินไหว
ตามที่ได้เกิดอุบัติภัยร้ายแรงจากแผ่นดินไหวใน 6 จังหวัดภาคใต้ ในส่วนของผู้ประสบภัยทุกคนที่อยู่ในรถยนต์ จะได้รับความคุ้มครองสำหรับความบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 เป็นค่าเสียหายเบื้องต้น ในกรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกาย จะได้รับ ค่ารักษาพยาบาลตามความเสียหายอันแท้จริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ในกรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าปลงศพเป็นจำนวน 35,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ ผู้ประสบภัยจากรถอันเนื่องจากอุบัติภัยในครั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ของกรมการประกันภัยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัย ในทุกๆ ด้าน ทั้งการแนะนำเรื่องการเตรียมหลักฐานในการขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น การพิจารณาจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตลอดจนการประสานงานกับบริษัทที่รับประกันภัย โดยถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันดังต่อไปนี้
1. ขั้นตอนการรับเรื่อง
1.1 ในกรณีที่มีผู้ประสบภัยหรือทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยมาติดต่อ ขอให้สอบถามรายละเอียดเบื้องต้น หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นผู้ประสบภัยจากรถ ขอให้รับเรื่องไว้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารหลักฐานที่จะขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นค่ารักษาพยาบาลหรือค่าปลงศพต่อไป
1.2 ในการรับฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เป็นผู้ประสบภัยจากรถอันเนื่องจากอุบัติภัยครั้งนี้หรือไม่ ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ด้วยโดยอาจอาศัยข้อมูลจากโรงพยาบาล ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยงานต่างๆ ประกอบกันเพื่อประกอบการพิจารณา
2. ขั้นตอนการเตรียมหลักฐาน
2.1 กรณีผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บ
(1) หลักฐานแสดงตน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัว หรือสำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หลักฐานแสดงตัว กรณีผู้ประสบภัยไม่มีเอกสารดังกล่าว และไม่ปรากฏชื่อผู้ประสบภัยในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เป็นเหตุให้หน่วยงานทางทะเบียนไม่สามารถออกเอกสารได้ให้เจ้าหน้าที่ แสวงหาและใช้หลักฐานอื่นใดที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้ ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้มีชื่อในหลักฐานนั้นเป็น ผู้ประสบภัย เป็นเอกสารทดแทน (2) หลักฐานแสดงว่าประสบภัยจากรถ ได้แก่ สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน ให้แนะนำให้ ผู้ร้องไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น โดยให้มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ประสบภัย และรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ที่ประสบภัย ตลอดจนวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ (ทั้งนี้ สำนักงานประกันภัยจังหวัด ควรมีหนังสือขอความร่วมมือไปยังพนักงานสอบสวน ให้ระบุประเด็นที่ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสบภัยในการดำเนินการแจ้งความต่อไป) (3) หลักฐานแสดงความเสียหาย ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการแจ้งหนี้เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล หากเป็นความเสียหายต่อร่างกายของผู้ประสบภัยในช่วงวัน เวลา ที่เกิดอุบัติภัยครั้งนี้ให้สันนิษฐานว่าค่ารักษาพยาบาลทุกรายการตามจำนวนที่ระบุในหลักฐาน เป็นค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลอันแท้จริงของผู้ประสบภัยจากรถ ในการพิจารณาว่าเป็นความเสียหายอันเกิดจากรถ ให้พิจารณาประกอบเอกสารหลักฐานอื่นๆ ด้วย
2.2 กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิต
(1) หลักฐานแสดงตน ให้ใช้ตามข้อ 2.1 (1)
(2) หลักฐานที่แสดงว่าประสบภัยจากรถ ให้ใช้ตามข้อ 2.1 (2)
(3) หลักฐานแสดงความเสียหาย ได้แก่ สำเนามรณบัตร กรณีผู้ประสบภัยไม่ปรากฏชื่อในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เป็นเหตุให้ทางราชการไม่สามารถออกมรณบัตรให้ได้ ให้กองทุนฯ พิจารณาจากหลักฐานของทางราชการที่มีการออกให้ในลักษณะเดียวกับมรณบัตร
(4) หลักฐานที่แสดงการเป็นทายาทโดยธรรม ได้แก่ บัตรแสดงตน สำเนาทะเบียนบ้าน สูติบัตรทะเบียนสมรส เป็นต้น
ในกรณีที่หลักฐานดังกล่าวสูญหาย ให้ใช้หลักฐานอื่นใดที่ทางราชการออกให้ทดแทนได้ และหากเป็นกรณีผู้ประสบภัยเป็นผู้มิได้อยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่น ชาวต่างชาติ ให้กองทุน ฯ แนะนำพร้อมประสานสถานทูตประเทศของชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้ประสบภัยนั้น ให้ออกหลักฐานรับรองเพื่อใช้ประกอบการขอรับเงิน
2.3 กรณีผู้ประสบภัยสูญหาย
ในการพิจารณาอันจะถือได้ว่าผู้ประสบภัยสูญหายโดยยังไม่พบศพ ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) ไม่สามารถพบศพได้ ภายในวันที่ 1 เมษายน 2548
(2) มีรายชื่อปรากฏอยู่ในประกาศของทางราชการว่าเป็นบุคคลสูญหายจากภัยภิบัติครั้งนี้
(3) มีพยานหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดแสดงว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในสถานที่เกิด ภัยพิบัติหรือบริเวณใกล้เคียง ดังนี้
3.1 พยานบุคคลยืนยัน
3.2 พยานเอกสารยืนยัน เช่น หลักฐานการเข้าพักโรงแรม หลักฐานการเดินทาง หลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ
3.3 พยานวัตถุยืนยัน เช่น รถ โทรศัพท์ เป็นต้น
(4) มีสำเนาบันทึกแจ้งความคนสูญหายต่อพนักงานตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง
หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมการประกันภัยโทร. 0-2547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขตทุกเขต และสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52385