ประกันภัย
แก้ปัญหารถติด ช่วยประหยัดน้ำมัน ด้วยระบบประกันภัย
ทุกวันนี้ถ้าใครไม่ได้พูดไม่ได้บ่น หรือไม่ได้ฟัง เรื่องของปัญหาน้ำมันแพง ปัญหารถติด ดูจะแปลกไปสักหน่อย มิฉะนั้นก็อาจจะต้องถามว่า "ไปมุดหัวอยู่ที่รูไหนมา" ถึงไม่รู้เรื่องนี้กับเขาเลยหรือ เพราะเรื่องที่ว่านี้เป็นปัญหาสำคัญของบ้านเมืองเรา โดยเฉพาะคนกรุงเทพ ฯ และหัวเมืองใหญ่ ที่มีการใช้รถใช้ถนนการจราจรมันก็จะติดขัดไปหมดไม่ว่าวันไหนๆ น้ำมันจะราคาถูกหรือแพง รถมันก็ติดวันยังค่ำตอนนี้รถยนต์ก็ราคาแพง แต่ดูท่าว่าน้ำมันจะราคาแพงมากกว่ารถซะแล้ว เพราะวันนี้ซดกันลิตรละกว่า 25-26 บาทเข้าไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานน้ำมันต่างดาหน้าออกมาพยากรณ์กันว่า ราคาน้ำมันอาจจะขึ้นไปถึง 35-40 บาท/ลิตร ภายในปีนี้หรือปีหน้า "โอ้พระเจ้าจอร์สช่วย" แล้วคนจนจะอยู่อย่างไรนี่ ราคาข้าวของไม่แพงกันจนต้องปล้นกันกินหรือนี่ เพราะซื้อหากันคงจะไม่ไหว
ทุกวันนี้ราคามันก็แพงไปกว่าครึ่งแล้ว ถ้าราคาน้ำมันไปถึงลิตรละ 50-100 บาท คนจนคงจะลดน้อยไปถนัดตาเพราะอดตายไปหมด หรือว่านี่จะเป็นกลอุบายของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาให้คนจนหมดไปภายใน 6 ปีของท่านนายกทักษิณ ฯ ตอนประกาศจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก
ตอนนี้ผ่าน 4 ปีเศษ เหลือเวลาอีกเพียงปีเศษ ปัญหาคนจนจะหมดไปจากแผ่นดินจริงๆ มั๊ยนี่ แต่คิดว่าคงไม่ใช่กลอุบายอะไรของรัฐบาลที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนคนของประเทศเป็นแน่ เพราะทุกประเทศก็เจอวิกฤติปัญหาราคาน้ำมันเหมือนกันหมดถ้าอีก 10 ปี น้ำมันจะหมดโลก แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ฮ้า... ฮ้า...ฮ้า...ไม่ต้องบอกก็รู้ ปัญหาราคาน้ำมันแพงก็หมดไปเองก็ไม่มีน้ำมันแล้วนี่ รถก็อาจไม่ติดเพราะไม่มีใครเอารถมาขับ คนไทยอีก 10 ปีข้างหน้าก็จะเดินทางด้วยโค กระบือ เพราะตอนนี้รัฐบาลเขากำลังมีนโยบายแจกลูกโค กระบือ หย่านมแล้วปีละ 1 ล้านตัว
อีก 4-5 ปีข้างนี้มันก็จะโตทันใช้ และออกลูกออกหลานมาเต็มบ้านเต็มเมืองใช้ขี่แทนรถเก่งคันงามได้อย่างสบาย เรามาเข้าเรื่องของเราวันนี้ดีกว่า ทุกฝ่ายยังคงก้มหน้าก้มตา ทั้งภาครัฐ/เอกชน ยังผจญปัญหา ราคาน้ำมันแพง การจราจรติดขัด ไอ้ปัญหาราคาน้ำมันคงจะแก้ยากเพราะน้ำมันเรานำเข้าจากต่างประเทศเขาเป็นคนกำหนดราคามา แต่รถติดมันเป็นปัญหาภายในประเทศ แล้วก็เป็นปัญหาโลกแตกที่แก้กันมาหลายยุคหลายสมัยก็ยังแก้ไม่ได้สักทีปัจจัยสาเหตุสำคัญของปัญหาของรถติดมีมากมาย แต่โดยหลักๆ แล้วคนจะพูดกัน 3-4 ปัจจัย คือ ปริมาณรถมีมากเกินไปเพราะเพิ่มขึ้นปีละหลายแสนคัน ถนนที่ให้รถวิ่งมีน้อยเกินไปต้องสร้างถนนเพิ่ม ไฟแดงตามแยกต่างๆ มากเกินไปต้องสร้างสะพานข้ามทางแยก คนขับรถไม่รู้กฎ ไม่มีวินัย ต้องอบรมเข้มก่อนให้ใบขับขี่ รถเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกีดขวางถนนเพราะประกันภัยมาช้า สารพัดปัญหา สารพัดวิธีที่เสนอแก้ไข
แม้กระทั้งกำหนดให้ใช้รถตามเลขทะเบียนวันคู่วันคี่ สลับกันวิ่ง หรือจำกัดโซนห้ามเข้ารถขับเดี่ยว หรือไม่มีผู้โดยสารห้ามเข้า จะทำได้จริงแค่ไหนยังไม่มีใครจะรับประกันว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะใช้วิธีหนึ่งแก้ไขก็ไปสร้างอีกปัญหาหนึ่ง หรือไปทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ปัญหารถติดมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ สมกับชื่อปัญหา "รถติด" มันก็ติดๆ ขัดๆ อยู่อย่างนี่แหละครับท่านมาดูด้านของประกันภัยที่ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหารถติด เสนอแนวคิดกันไว้อย่างไร เรื่องนี้ท่านรองอธิบดีกรมการประกันภัย (นางบุษรา อึ๊งภากรณ์) ได้ให้ความสำคัญโดยเห็นว่า
ในปัจจุบันปัญหาการจราจรติดขัดเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศสูญเสียพลังงานน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งส่วนหนึ่งที่ ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดมาจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันเพียงเล็กน้อย แต่ไม่สามารถแยกรถออกจากกันได้ เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันภัยมาตรวจสอบอุบัติเหตุเสียก่อน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมประกันวินาศภัย จึงมีแนวคิดที่จะนำระบบประกันภัยมาใช้แก้ไขปัญหาจราจร และได้ร่วมกันจัดทำ "โครงการชนแล้วแยก แลกใบเคลม" โดยจัดให้รถที่มีการประกันภัยภาคสมัครใจ ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน และมีความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะทรัพย์สิน คู่กรณีสามารถ ตกลงกันได้ ให้สามารถแยกรถออกจากกันได้ทันที โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันภัยมาตรวจสอบอุบัติเหตุ เพียงแต่มีการแลกเอกสาร "ใบยืนยันการเกิดเหตุ" (CLAIM FORM) ระหว่างกัน โดยคู่กรณีทั้ง 2 ต้องกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มให้ถูกต้อง ครบถ้วน ลงชื่อยอมรับว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด/ถูก และจึงนำเอกสารดังกล่าวยื่นต่อบริษัทประกันภัยภายใน 7 วัน
เพื่อแจ้งอุบัติเหตุเป็นลายลักษณ์อักษรและคุ้มครองสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ก่อนนำรถเข้าซ่อมต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัว และปัญหาจราจรก็จะสามารถคลี่คลายไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 ท่านรองอธิบดีกรมการประกันภัยแจ้งเพิ่มเติมว่า โครงการ ฯ ดังกล่าวสามารถใช้ได้จริง และมั่นใจได้ว่าหากรถของท่านเกิดอุบัติเหตุ ท่านสามารถใช้การแลกเอกสารใบยืนยันการเกิดเหตุระหว่างกันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกับบริษัทประกันภัย ฉะนั้น ขอให้ทุกท่านตรวจสอบใบยืนยันการเกิดเหตุ (CLAIM FORM) ที่จะแนบมาพร้อมกับกรมธรรม์ประกันภัย หากไม่มีให้ติดต่อบริษัทประกันภัยของท่าน เพื่อให้รีบจัดส่งให้ท่านโดยเร็ว นอกจากนี้ ขอเชิญชวนให้ผู้ใช้รถทุกท่านมีการทำประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 (ภาคบังคับ) เพื่อให้รถทุกคันสามารถเข้าร่วม "โครงการชนแล้วแยก แลกใบเคลม" ได้ และผู้ใช้รถทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานของชาติ รวมถึงบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากอุบัติเหตุจากรถ หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับ
"โครงการชนแล้วแยก แลกใบเคลม" และการประกันภัยรถ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมการประกันภัย โทร. 0-2547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขตทุกเขต และสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
ท้ายนี้ก็ฝากบอกย้ำกันมาให้รู้โดยทั่วกันนะครับว่า รถยนต์ทุกคันที่มีประกันภาคสมัครใจไม่ว่าจะประเภท 1, 2, 3 และ 4 ที่มีการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก สามารถจะใช้ "โครงการชนแล้วแยก แลกใบเคลม" ได้ถ้าเกิดการชนไม่ต้องรอประกัน แลกใบเคลมกันสะดวกกว่าไม่สร้างปัญหารถติด
แล้วไอ้เจ้าใบเคลมมันอยู่ที่ไหน บอกให้รู้เปิดดูในซองกรมธรรม์ทุกฉบับเขาจะมีมาให้อยู่แล้ว โปรดเก็บใบเคลม หรือใบบันทึกการเกิดอุบัติเหตุนี้ไว้ในรถ เมื่อยามเกิดอุบัติเหตุก็นำออกมาใช้ และหากใช้หมดก็ของเพิ่มใหม่กับบริษัทประกันภัยที่ออกกรมธรรม์ให้ท่านนั่นละครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52628