มาตรวัดตลาดรถ
ไม่วุ่นวาย
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนมีนาคม ปี '49 กับ '48
ตลาดรวม ,ลด ,2.2 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,26.5 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,ลด ,3.3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,35.6 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,33.2 %
[/table]
ก็ยังอยู่ในภาวะอึมครึมกันอยู่นะครับ แต่แม้ว่าจะมีความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างไรก็ไม่สามารถฉุดรั้งยอดการขายรถยนต์ได้
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การชุมนุม การปิดถนน เดินขบวน ไม่ได้ทำให้คนไทยหยุดควักกระเป๋า ออกรถป้ายแดงกันได้ มีเพียงแค่ยอดการขายลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้นเองไม่ถึงกับทำให้ตลาดรถยนต์วุ่นวายตามสถานการณ์บ้านเมืองได้เลย
เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ยอดการขายทั้งตลาดลดลงเพียง 2.2 % โดยขายได้ทั้งสิ้น 66,083 คัน
เราละเรื่องของบ้านเมืองก่อนนะครับ มีให้อ่านกันทางหนังสือพิมพ์รายวัน รายงานสดกันทางโทรทัศน์เยอะแล้ว มาเรื่องเจริญหู เจริญตา ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองดีกว่า
เรื่องแรก เป็นเรื่องน่าภูมิใจของคนไทยอีกครั้ง เมื่อผู้บริหาร อีเอดีเอส แอสเทรียม จากปารีส รายงานความคืบหน้า โครงการดาวเทียมธีออส ซึ่งเป็นดาวเทียมในโครงการของกระทรวงเกษตร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์
ภาพถ่ายที่ได้จากดาวเทียมดวงนี้ จะนำมาใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน เพื่อประมวลหาข้อมูลด้านการเกษตร เป็นต้นว่า การวิเคราะห์สภาพดินเพื่อหาพืชที่เหมาะสมในพื้นที่ต่างๆการใช้กับกิจการฟาร์มกุ้ง เป็นอาทิ
ดาวเทียมธีออส พร้อมที่จะยิงขึ้นสู่วงโคจรตามกำหนด ในเดือนกรกฎาคม 2550 ไม่ว่านายกคนใหม่จะเป็นใครก็ตาม
ก็ภูมิใจด้วยคนนะครับ ไหนๆ ก็เป็นเงินภาษีอากรของพวกกระผม ที่สามารถสร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองได้อย่างเป็นรูปธรรม เชิดหน้าชูตาได้อีกหน่อย
แถมอีกนิดนะครับ ก่อนจะเข้าเรื่องตัวเลข
เรื่องนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากสิบวันอันตรายช่วงสงกรานต์นั่นแหละ
จำนวนเด็กที่บาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุการจราจร มีทั้งสิ้น 547 คน และต้องเข้ารับการรักษา ณ ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล มีแนวโน้มสูงขึ้นจากเดิม 12 % เป็น 15 %
ที่น่าสนใจก็คือ เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี บาดเจ็บรุนแรงจากการใช้รถจักรยานยนต์ ทั้งเป็นผู้ขับขี่และโดยสาร และไม่สวมหมวกกันนอคเกือบทั้งหมด คือ 97 %
สัดส่วนของเด็กที่บาดเจ็บ 18.8 % เป็นสัดส่วนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สัดส่วนของเด็กที่เสียชีวิต เนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ 81 % น่าเป็นห่วงอนาคตของชาตินะครับ เรื่องกินเรื่องเที่ยวน่ะ ผู้ปกครองควรให้ความสนใจกันมากกว่านี้หน่อย
แค่ในกรุงเทพมหานครเอง เด็กขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยไม่สวมหมวกกันนอค มีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านผู้รักษากฎ ก็ไม่ค่อยจะสนใจเสียด้วย นอกจากเป็นการตั้งด่านอย่างเป็นทางการ
แค่ข้อบังคับเรื่องไม่ให้รถจักรยานยนต์ใช้ทางลาดอุโมงค์ลอดสี่แยก หรือขึ้นสะพานบางสะพาน ก็เห็นลงทางลอด ขึ้นสะพานกันหน้าตาเฉย
ยิ่งถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ที่การจราจรติดขัดหนาแน่น สิงห์มอเตอร์ไซค์ ก็พร้อมจะฝ่าฝืนข้อบังคับกันแบบไม่รู้ไม่ชี้ เพราะรู้ว่าท่านเจ้าหน้าที่งานหนัก ไม่ว่างมากวักมือเรียกไปคุยด้วย โดยเฉพาะบรรดาสิงห์ที่ใส่เสื้อวินด้วยแล้ว เล็งจังหวะกันให้ดีแล้วกัน
กลับมาเรื่องมาตรวัดของเราดีกว่านะครับ
ไม่ว่าฟากทางบ้านเมืองจะวุ่นวายอย่างไร นักการตลาดค่ายรถยนต์ก็ไม่สามารถหยุดงานไปวุ่นวายกับเขาได้ เพราะต้องสรรหาแคมเปญเด็ดๆ ออกมาเสนอแนะผู้บริโภค ให้เชื่อถือในพละกำลัง อัตราการกินน้ำมัน ประหยัดแต่ได้พลัง ประมาณนั้น นอกเหนือจากการเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งให้กับรถรุ่นมาตรฐานแล้ว
ช่วงหน้าร้อน ก็ต้องออกแคมเปญเชิญชวนเข้ามาใช้บริการจากศูนย์บริการ ตรวจเชครถก่อนเดินทางไกล แถมยังมีคูปองชิงโชคแจกอีกด้วย
แล้วอย่างนี้ยอดการขายจะลดลงมากได้อย่างไร
ไหนจะชิงโชคตอนซื้อรถ เอารถเข้าศูนย์บริการ ยังได้แถมชิงโชคอีก ดีจังเลยว่าแต่ค่าการตลาดของรถแต่ละคันนี่มันถึงแสนบาทไหมเอ่ย
ยอดการขายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ลดลงเล็กน้อย 2.2 % ขายได้ 66,083 คัน ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือนเช่นเคย โตโยตา ขาย 26,332 คัน ลดลงกว่าตลาดเล็กน้อย 3.2 % ส่วนแบ่งตลาด 39.8 %, อันดับสอง อีซูซุ ขาย 17,633 คัน เพิ่มขึ้นเพราะชิงโชคหรือ
เปล่าเอ่ย 5.4 % ส่วนแบ่ง 26.7 %, อันดับสาม ฮอนดา ได้น้องเล็กมาช่วย ขาย 6,023 คัน เพิ่มเยอะ 142.2 % ส่วนแบ่ง 9.1 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ลดลงมากกว่าเพื่อน 21.8 % ขายได้ 4,857 คัน ส่วนแบ่ง 7.3 % และอันดับห้า นิสสัน ขาย 3,757 คัน ลดลง 18.4 % ส่วนแบ่ง 5.7 %
หันมามองทางรถยนต์นั่ง อานิสงส์จากน้องใหม่สองรุ่นที่ลงสู่สนาม ส่งผลให้ยอดการขายรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นเยอะ 26.5 % ขายได้ทั้งตลาด 17,087 คัน โดยมีตำแหน่งแชมพ์หน้าเดิม 8,449 คัน เพิ่มขึ้น 11.4 % ส่วนแบ่ง 49.4 %, ที่สอง ฮอนดา ตามมาห่างๆ ขาย 5,944 คัน เพิ่ม 151.7 % ส่วนแบ่ง 34.8 % ที่สาม นิสสัน ขายเรื่อยๆ 737 คัน ลดลง 8.4 % ส่วนแบ่ง 4.3 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 373 คัน ลดลงเยอะ 39.4 % ส่วนแบ่ง 2.2 % และที่ห้า เชฟโรเลต์ 372 คัน เพิ่ม 55.4 % ส่วนแบ่ง 2.2 %
มาถึงรถกระบะ 1 ตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเลขการขายเดือนนี้ 37,616 คัน ลดลง 3.3 % ตำแหน่งแชมพ์ อีซูซุ 15,653 คัน เพิ่ม 10.1 % ส่วนแบ่ง 41.6 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 11,853 คัน เพิ่ม 12.4 % ส่วนแบ่ง 31.5 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 3,359 คัน ลดลง 30.2 % แต่ส่วนแบ่งอยู่ที่ 8.9 %
รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ เจอเหตุวุ่นวายของบ้านเมือง ยอดขายเลยชะงักไปหน่อย ลดลง 12.9 % ขายได้เพียง 3,839 คัน โดยมี ฮีโน เป็นผู้นำ ขาย 1,301 คัน เพิ่มขึ้น 11.6 % ส่วนแบ่ง 33.9 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 1,115 คัน ลดลง 3.0 % ส่วนแบ่ง 29.0 % และที่สาม
โตโยตา ขายแค่ 852 คัน ลดลง 31.9 % ส่วนแบ่ง 22.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม ลดลง 33.2 % ขาย 3,109 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 2,253 คัน ลดลงถึง 31.4 % ส่วนแบ่ง 72.5 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 500 คัน ส่วนแบ่ง 16.1 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 135 คัน ลดลง 60.9 % ส่วนแบ่ง 4.3 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ขายลดลงมากกว่าเพื่อน 35.6 % ขายได้แค่ 1,058 คัน มี โตโยตาขาย 830 คัน ได้มากกว่าเพื่อน
หมอดูหลังสถานทูตจีน แกเล่าให้ฟังว่า ความวุ่นวายทางการเมืองที่ยังเป็นอยู่อย่างนี้ ยังคงทำให้เศรษฐกิจกระเพื่อมอีกนาน โดยเฉพาะรถเพื่อการพาณิชย์ เพราะทุกอย่างต้องคอยให้ภาคการเมืองนิ่งก่อน โครงการต่างๆ ภาครัฐ ถึงจะทยอยออกสู่ตลาด
เดือนเมษายน มีวันหยุดกันยาวเหยียด เชื่อเอาไว้ก่อนว่ามีผลกระทบกับยอดการขายรถยนต์แน่ เพียงแต่ไม่มากเท่าใดนัก เพราะชาวไทยใจหาญส่วนใหญ่ เห็นดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซนต์ก็ช่วยให้ตัดสินใจได้ไม่ชักช้านัก
คุณก็ด้วยใช่ไหมครับ
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ