มาตรวัดตลาดรถ
อาการยังทรง
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนเมษายน ปี '49 กับ '48,,
ตลาดรวม ,ลด ,4.2 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,6.1 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,ลด ,2.3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,35.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,20.6 %
[/table]
ทุกวันนี้ชีวิตคนไทยยังคงสับสนวุ่นวายเหมือนเคยหรือเปล่า ?
ในยามที่สภาวะทางการเมือง ดูเหมือนจะอึมครึม แต่ก็ส่งผลให้สภากาแฟคึกคัก เร่าร้อน มีเรื่องให้ถกกันได้ทุกวัน ว่าใครจะยอมลาออกกันหรือเปล่า
คอลัมน์นี้ คงไม่ถกเถียงเรื่องทางการเมืองด้วยหรอกนะครับ แต่หนนี้น่าแปลกใจที่ว่า เดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ มีวันหยุดสงกรานต์ แถมเสาร์-อาทิตย์อีก เรียกว่าทำงานกันนิดเดียวแต่ยอดการขายรถยนต์ยังทรงตัว แม้จะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ก็น้อยกว่าไม่มากจนน่าเกลียด
เดือนเมษายนเดือนเดียว ขายรถกันได้ 53,560 คัน น้อยกว่าปีก่อน 4.2 % แต่เมื่อรวมยอด 4 เดือนแล้ว น้อยกว่าเพียงแค่ 0.5 % ขาย 223,544 คัน
เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเรื่องตัวเลข มาคุยเรื่องสุดฮิทติดอันดับกันดีกว่า หนนี้อยากคุยเรื่องพลังงานทดแทนหรือรถยนต์ที่ใช้แกสธรรมชาติ
ตรงนี้ก็ยังให้งงๆ อยู่นะครับ ว่าท่านนิยามศัพท์กันอย่างไร
NGV (NATURAL GAS VEHICLE) คือ รถยนต์ที่ใช้แกสธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทีนี้แกสธรรมชาติก็มีอยู่ 2 อย่าง CNG และ LPG
CNG เป็นเชื้อเพลิงที่เบากว่าอากาศ เมื่อมีการรั่วไหลจึงลอยสูงขึ้น และผสมกับอากาศจนเจือจางได้ง่าย ในขณะที่แกสอย่างอื่น ซึ่งก็คือ แกสที่ใช้ในการหุงต้มที่นำมาใช้กับรถยนต์ LPG เป็นแกสที่หนักกว่าอากาศปกติทั่วไป เมื่อมีการรั่วไหลจึงลอยเรี่ยอยู่กับพื้น
โอกาสที่จะไปเจอกับประกายไฟจากก้นบุหรี่หรือสะเก็ดไฟจึงมีมากกว่า CNG
เวลาฟังท่านผู้รู้ทั้งหลายให้สัมภาษณ์ ท่านก็เรียกแต่คำว่า NGV โดยความหมายของท่าน คือ รถที่ใช้ CNG เป็นเชื้อเพลิง
แต่เวลาท่านจะพูดถึง LPG ท่านก็บอกว่ารถยนต์ที่ใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิง
ไม่เชื่อลองฟังดูดีๆ นะครับ กระผมละเป็นงงพิลึก
มาว่าเรื่องที่ภาครัฐท่านกำลังใช้ความพยายามจะส่งเสริมให้รถยนต์บ้านเรา ใช้แกส CNGกันให้มากขึ้น
"ล่าสุดท่านยอมยกเว้นภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คนประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนประเภทใช้แกสธรรมชาติ NGV ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่ผลิตขึ้นโดยมีการนำไปติดตั้งชุดอุปกรณ์การใช้แกสธรรมชาติในขบวนการผลิตซึ่งได้รับการรับรองว่าอยู่ในขบวนการผลิต"
ย่อหน้าข้างบนนั่น มาจากรายงานของทางราชการนะครับ ท่านไม่พูดคำว่า CNG เลยสักคำ
ท่านว่าของท่านต่อว่า...ตลอดจนคุณภาพของชุดอุปกรณ์ต่างๆ จากบริษัทที่ทำการผลิตรถยนต์คันดังกล่าว เป็นจำนวนเงินเท่าที่เป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งชุดอุปกรณ์ที่ใช้แกสธรรมชาติ NGV และปรับเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
รวมถึงค่ารับประกันจากผู้ผลิตรถยนต์ในการทำเป็นรถยนต์ประเภท NGV-RETROFIT ทั้งนี้ไม่เกิน 50,000 บาท/คัน ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศกระทรวงการคลังโดยมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการชั่วคราวในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน
ท่านประกาศว่าต้องมาจากการผลิตรถยนต์ประเภทใช้แกสธรรมชาติในสายการผลิตของผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์โดยตรงอีกด้วย โปรดสังเกต
สิ่งที่กำลังต่อรองกันอยู่เวลานี้ ก็คือ ถ้าจะให้ประกอบจากสายพานการผลิต อาจจะไม่สามารถเร่งให้มีการผลิตเกิดขึ้นได้โดยเร็ว เพราะแต่ละโรงงานล้วนต้องรอการอนุมัติจากบริษัทแม่ในต่างประเทศและการที่เป็นรถซึ่งผลิตออกมาจากโรงงานของผู้ผลิตโดยตรงย่อมหมายความว่าผู้ผลิตต้องรับภาระรับผิดชอบสูงต่อตราสินค้าของตนเอง
ก็เลยยังต่อรองว่า จะให้เป็นซัพพลายเออร์ของโรงงานได้หรือไม่เพื่อที่จะได้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตที่ว่าโดยโรงงานจะเป็นผู้ตรวจสอบ และให้การรับประกันทำนองบริษัทลูก ได้หรือเปล่า
ก็คงต้องคอยดูนะครับ ว่ายอดหอคอยงาช้าง อยากให้รีบเร่งส่งเสริมให้มีการใช้แกสธรรมชาติให้มากขึ้นแต่บรรดาผู้คุมกฎทั้งหลาย ท่านจะเยื้องย่าง แก้ไขระเบียบข้อบังคับ เพื่อให้ทำงานได้โดยง่ายได้โดยรวดเร็วหรือเปล่า
สงสัยว่าจะต้องคอยรัฐบาลใหม่ ให้ใช้ไม้เรียว เป็นตัวช่วยเร่ง
เชื่อหรือไม่
กลับมาเรื่องตัวเลขของเรานะครับ อย่างที่บอกว่า อาการยังทรง ถึงแม้จะมีวันหยุดยาวมีเหตุการณ์การชุมนุม แต่ยอดการขายก็ลดลงเพียงเล็กน้อย
จากยอดขายเดือนเดียว 53,560 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงรักษาไว้ได้ โตโยตา ขาย 20,351 คัน ลดลง 10.9 % ส่วนแบ่ง 38.0 %, อันดับสอง อีซูซุ ขายดีเพราะมีชิงโชครถตั้งห้าคัน 13,742 คัน ลดลงน้อยกว่าตลาด 2.0 % ส่วนแบ่ง 25.7 %, อันดับสาม ฮอนดา ขาย 6,003 คัน เพิ่ม 17.0 % ส่วนแบ่ง 11.2 %, อันดับสี่ เชฟโรเลต์ ขาย 3,279 คัน เพิ่ม 23.3 % ส่วนแบ่ง 6.1 % และอันดับห้ามิตซูบิชิ 2,825 คัน เพิ่มเยอะ 18.3 % ส่วนแบ่ง 4.7 %
แยกเป็นประเภทรถยนต์นั่ง ยอดรวมเพิ่มนิดเดียว 6.1 % ขายได้ 15,300 คัน โดยรวม 4 เดือนยังเพิ่มอยู่ 9.8 % ด้วยตัวเลข 57,394 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ได้แก่ โตโยตา ขาย 6,551 คัน ลดลง 3.1 % ส่วนแบ่ง 42.8 % ที่สอง ฮอนดาได้ดีเพราะน้องเจ คนเล็ก ขาย 5,946 คัน เพิ่ม 20.2 % ส่วนแบ่ง 38.9 % ที่สาม เชฟโรเลต์มาแบบเงียบๆ ขาย 546 คัน น้อยกว่าปีก่อน 2.3 % ส่วนแบ่ง 3.6 % ที่สี่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 498 คันเพิ่มเยอะ 65.4 % ส่วนแบ่ง 3.3 % และที่ห้า มาซดา ขาย 416 คัน ลดลง 8.4 % ส่วนแบ่ง 3.3 %
รายงานผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แจกวาร์ ขายได้ 7 คัน และ โพร์เช ขาย 6 คัน
คนไทยที่มีสตางค์ ยังคงมีเยอะอยู่
รถกระบะ 1 ตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเลขการขายเดือนนี้ 28,824 คัน ลดลง 2.3 % ตำแหน่งแชมพ์ อีซูซุ 12,063 คัน เพิ่ม 1.7 % ส่วนแบ่ง 41.9 % ที่สอง โตโยตาขายได้ 8,527 คัน ลดลง 8.7 % ส่วนแบ่ง 29.6 % ที่สาม เชฟโรเลต์ ขาย 2,619 คันลดลง 34.4 % แต่ส่วนแบ่งอยู่ที่ 9.1 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ขายเพิ่ม 12.1 % เดือนเดียวได้ 2,966 คัน โดยมี อีซูซุ ขาย 975 คัน เพิ่มนิดเดียว 0.5 % ส่วนแบ่ง 32.9 % ที่สอง โตโยตา ขาย 898 คัน เพิ่มเยอะ 28.7 % ส่วนแบ่ง 30.3 % และที่สามฮีโน ขาย 632 คัน เพิ่ม 18.2 % ส่วนแบ่ง 21.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม ลดลง 20.6 % ขาย 2,907 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 2,118 คัน ลดลงถึง 8.6 % ส่วนแบ่ง 72.9 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 428 คัน ส่วนแบ่ง 14.7 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 160 คัน ลดลงถึง 51.4 % ส่วนแบ่ง 5.5 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ขายลดลงเยอะ 35.5 % ได้เพียง 1,087 คัน มี โตโยตา ขายมากที่สุด 775 คัน น้อยกว่าปีก่อนเยอะ 33.8 % กินส่วนแบ่งรวม 71.3 %
แต่เมื่อดูจากสภาพตลาดโดยรวม ขณะที่น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นไปมากกว่าลิตรละ 30 บาทแล้วย้อนกลับมาดูยอดขาย ก็ยังเชื่อได้ว่า ยอดโดยรวมของปีนี้ คงได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะสภาวะเศรษฐกิจ มองโดยภาพรวมแล้ว ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี แม้จะมีเพียง ครม. รักษาการ
ก็คงต้องเย็นใจนะครับ คอยจนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่ แล้วดูว่าเราจะได้ร้องยี้กันอีกหรือเปล่า
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ