บันทึกธุรกิจ(formula)
บีเอมดับเบิลยู
บีเอมดับเบิลยู
เปิดตัว ซีรีส์ 5 ดีเซล ใหม่
ดร. ฟรังค์ เริสเลร์ ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวรถ บีเอมดับเบิลยู 520 ดี เครื่องยนต์ดีเซล ถือเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีของ บีเอมดับเบิลยู และนับเป็นครั้งแรก ที่ประกอบในประเทศไทย โดยโรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง
บีเอมดับเบิลยู 520 ดี ถือว่าล้ำหน้า และเป็นที่ต้องการของตลาดพอสมควร โดยเฉพาะผู้บริหารที่ต้องการรถยนต์ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันดีเยี่ยม แต่มีสมรรถนะที่ปราดเปรียวสไตล์ บีเอมดับเบิลยู ด้วยคุณลักษณะทางเทคนิคที่ผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร รุ่นล่าสุด กับระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8.6 วินาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 14.5 กม./1 ลิตร แรงบิดสูงสุด 34.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. และแรงบิดในระดับเกิน 30.6 กก.-ม. นั้น จะคงอยู่ต่อเนื่องถึง 3,500 รตน.
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ ระบบวัดระยะระหว่างการจอด (PDC) พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน ไฟหน้าแบบไบซีนอน ที่เพิ่มการส่องสว่าง เสริมสร้างทัศนวิสัยได้ดี กระจกไฟฟ้าข้างแบบพับได้ เบาะหนังแท้ปรับไฟฟ้า พร้อมระบบความจำ และล้อลาย 5 ก้านขนาด 17 นิ้ว ด้วยราคา 3.5 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บีเอมดับเบิลยู 520 ดี ยังมีโพรแกรมการดูแลรักษารถ "อุ่นใจ 5 ปีกับ บีเอมดับเบิลยู" จากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ด้วยอะไหล่แท้ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องวิตกเรื่องการซ่อมบำรุงตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของถึง 5 ปี หรือ 100,000 กม.
รวมทั้งลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ 520 ดี ได้ด้วยโพรแกรมทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงรูปแบบการเช่าซื้อที่เรียกว่า "BMW VALUE PLUS" ที่ใช้เงินมัดจำเริ่มต้น ชำระรายเดือนต่ำ และผู้ซื้อสามารถที่จะเลือกในตอนจบสิ้นสัญญาได้ถึง 3 วิธี ได้แก่ การชำระเงินบอลลูน (หรือรีไฟแนนศ์ เงินบอลลูน) เพื่อเป็นเจ้าของต่อไป การเปลี่ยนรุ่นรถด้วยการโอนเงินมัดจำเริ่มต้นไปเป็นเงินมัดจำสำหรับคันต่อไป หรือเพียงแค่คืนรถและรับเงินมัดจำเริ่มต้นคืน ด้วยวิธีนี้จะทำให้ลูกค้าไม่ต้องวิตกเรื่องภาระในการเป็นเจ้าของ หรือภาระในเรื่องราคาขายต่อ
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า โดยเปิดตัว 318 ไอ เครื่องยนต์ 4 สูบ กำลังสูงสุด 129 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 18.4 กก.-ม. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ไฟหน้าแบบไบซีนอน บูลทูธสำหรับรับสัญญาณโทรศัพท์ เบาะปรับไฟฟ้า กระจกไฟฟ้าข้างแบบพับได้ ในราคา 2.3 ล้านบาท
ฮอนดา
ติดอันดับรถยอดนิยม
ฮิโรชิ โทดะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนดา ซีวิค ประสบความสำเร็จหลังเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2548 จนถึงปัจจุบัน รถได้รับความนิยมสูง มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถคอมแพคท์ คือ 41.8 %
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 ฮอนดา ซีวิค ใหม่ มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 14,350 คัน รองลงมา โตโยตา อัลทิส ยอดจำหน่าย 10,542 คัน ส่วนแบ่ง 30.5 % เชฟโรเลต์ ออพทรา ยอดจำหน่าย 2,089 คัน ส่วนแบ่ง 6 % นิสสัน ซันนี ยอดจำหน่าย 1,911 คัน ส่วนแบ่ง 5.5 % และ มาซดา 3 ยอดจำหน่าย 1,896 คัน ส่วนแบ่ง 5.4 %
สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2549 มียอดรวมทั้งสิ้น 94,240 คัน โดย ฮอนดา มียอดรวม 33,347 คัน หรือ คิดเป็น 35.3 % ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 แต่หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ฮอนดา เป็นรายเดียวที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์นั่งที่มียอดจำหน่ายสูงสุดใน 3 อันดับแรก
โทดะ กล่าวต่อ จากความสำเร็จยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ฮอนดา ซีวิค จะสามารถมียอดขายตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 26,000 คัน ในปีแรก โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้ ซีวิค ประสบความสำเร็จ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นผลจากรูปลักษณ์ แข็งแกร่ง และโฉบเฉี่ยวแบบรถสปอร์ท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัย 26-30 ปี และอาศัยอยู่ในกรุงเทพ ฯ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีอิสระในการใช้ชีวิต มีกำลังซื้อสูง จะเลือกรถที่สะท้อนรสนิยมในการใช้ชีวิต และตอบสนองการใช้งานของตนได้ดีที่สุด
"ฮอนดา ซีวิค ผลิตที่โรงงานฮอนด้า ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยกระบวนการผลิตใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และขั้นตอนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด เราผลิต ซีวิค ใหม่ ประมาณ 4,000 คัน/เดือน โดย 40 % ถูกส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ และ 60 % จำหน่ายภายในประเทศ"
มาซดา-ฟอร์ด
แต่งตั้งผู้บริหารใหม่
มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า มาซดา และ ฟอร์ด แต่งตั้งผู้บริหารใหม่ ทั้งนี้เพื่อต้องการเพิ่มความแข็งแกร่ง และผนึกกำลังในการบริหาร รวมทั้งความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียให้เป็นหนึ่งเดียว โดยประกาศให้ จอห์น พาร์เคอร์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค และแอฟริกา สำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพ ฯ ประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังคงเป็นกรรมการบริหาร และรองประธานกรรมการคณะผู้บริหาร มาซดา ซึ่ง พาร์เคอร์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสของ มาซดา แต่ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และรองประธานกรรมการคณะผู้บริหาร มาซดา ในฐานะตัวแทนของผู้อำนวยการ และรองประธานของคณะกรรมการ
นอกจากนี้ยังแต่งตั้ง โรเบิร์ท เจ กราซีอาโน ให้ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส มาซดา มอเตอร์ ฯ ควบคู่กับตำแหน่งรองประธานกรรมการ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด โดยที่ผ่านมา กราซีอาโน ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ แอฟริกาใต้ การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงทั้ง 2 ตำแหน่งนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร ของ มาซดา มอเตอร์ ฯ เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 เป็นต้นไป ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนที่ กราซีอาโน นั้น มาซดา จะประกาศให้รับทราบในภายหลัง
ฮิซากาซึ อิมากิ ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาซดา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีกับ จอห์น พาร์เคอร์ ตำแหน่งใหม่ที่ได้รับ ในฐานะที่เป็นผู้นำของ มาซดา และเป็นผู้มีบทบาทในการประสานงานให้ทุกหน่วยงานของ มาซดา ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน และเชื่อมั่นว่า พาร์เคอร์ จะสามารถดำเนินการสานต่อนโยบาย และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อ มาซดา และจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง มาซดา กับ ฟอร์ด ให้มีความเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่นมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคตสำหรับ กราซีอาโน จากประสบการณ์ที่หลากหลาย และความสามารถที่โดดเด่นในการทำงานร่วมกับ ฟอร์ด มาตั้งแต่ปี 2525 จะทำให้สามารถพัฒนาปรับปรุงการตลาด จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะทำให้ มาซดา มีอัตราการเติบโตอย่างมั่งคง และยั่งยืนในอนาคตต่อไป
มาร์ค ซูลซ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด กล่าวต่ออีกว่า พาร์เคอร์ มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับนานาชาติ และเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีประสบการณ์มากที่สุด มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และมีทักษะของการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต
บริดจสโตนเซลส์ ฯ
ปรับโฉมเวบไซท์
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของศูนย์บริการยางรถยนต์ คอคพิท บริษัทจึงได้ปรับโฉมเวบไซท์ www.cockpit.co.th ให้มีรูปแบบ และรูปลักษณ์ให้เข้ากับยุคสมัย มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเพิ่มสาระ และประโยชน์การใช้งานมากกว่าเดิม ให้สมกับเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี รู้จริงเรื่องยาง และยังเป็นผู้นำทางด้านบริการ ด้วยวัตถุประสงค์ที่อยากให้ผู้ใช้บริการ ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น สามารถศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์ และบริการได้ก่อนที่จะไปใช้บริการจากศูนย์ ฯ
ศูนย์บริการยางรถยนต์คอคพิท เน้นความสำคัญในการบริการ ด้วยอุปกรณ์และกรรมวิธีที่ทันสมัย นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการตรวจเชคสภาพยาง ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ ด้วยทีมช่างที่มีความรู้ ความชำนาญ นอกจากนี้ยังได้จัดหาอุปกรณ์รถยนต์ที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรมมา ไว้บริการ เช่น แบทเตอรี ชอคอับ สปริง ผ้าเบรค น้ำมันเครื่อง และอุปกรณ์ประดับรถยนต์
โตโยตา
เปิดหลักสูตรการอบรมวิทยากร
เรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด (ประเทศไทย) หรือ TMAP THAILAND เปิดเผยว่า การเปิดหลักสูตรอบรมวิทยากรสำหรับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค วัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ ให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน ให้มีความรู้ ความชำนาญ ในการผลิตรถยนต์ การบำรุงรักษา และอะไหล่ให้ตรงตามมาตรฐานการผลิตของ โตโยต้า ฯ และครอบคลุมไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นผลงานชิ้นแรก ที่ไม่ได้ฝึกทักษะให้แก่บุคลากรของ บริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการถ่ายทอดทักษะไปยังผู้ผลิตรถยนต์ โตโยตา ในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้หลักสูตรจะเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจทางด้านความปลอดภัยในโรงงานผลิตรถยนต์ของ โตโยตา มากขึ้นอีกด้วย และหลักสูตรนี้จะส่งผลให้ โตโยตา เติบโตอย่างมั่นคงในระดับโลก
หลักสูตรการอบรมวิทยากร สำหรับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค จะเผยแพร่ความรู้ และทักษะด้านการผลิต ผ่านหลักสูตรที่ประกอบด้วยทักษะสำคัญต่างๆ การผลิตรถยนต์ แบ่งเป็น 8 หน่วยงาน ได้แก่ การปั๊มตัวถัง การเชื่อมตัวถัง การพ่นสี การประกอบ การจัดส่งชิ้นส่วน การผลิตพลาสติค การซ่อมบำรุง และการตรวจสอบคุณภาพ โดยการอบรมแต่ละหน่วยจะมีผู้ฝึกสอนชาวไทย ที่สำเร็จการอบรมจากหลักสูตรการอบรมผู้ฝึกสอนวิทยากร จากศูนย์พัฒนาทักษะการผลิต ที่ประเทศญี่ปุ่น
ไพโอเนียร์ ฯ
บุกตลาดไฮเอนด์
ซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลายรูปแบบ บริษัทได้เปิดตัวสินค้า เน้นสร้างภาพลักษณ์ของบแรนด์ โดยชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพของเสียง จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ มุ่งพัฒนาสินค้าพรีเมียม ที่มีทั้งคุณภาพ และดีไซจ์น มีเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น เช่น HOME THEATRE และ MINI THEATRE รวมถึงไมโคร ไฮไฟ ซิสเตม DVD RECORDER ที่พัฒนาให้สามารถอัดได้นานถึง 711 ชั่วโมง และ ลำโพง PUREMALT SPEAKER ช่องต่อสัญญาณดิจิทอล HDMI ช่องต่อ USB ระบบ PLAYLIST ระบบกู้คืนคุณภาพเสียง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเก็บเพลงไว้ในรูปแบบของไฟล์ MP3/WMA/MPEG4 AAC เน้นทำตลาด DVD และผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงประเภทแยกชิ้นเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังเตรียมทำตลาด MUSIC TAP ที่ใช้เทคโนโลยีการถ่ายทอดเสียงแบบใหม่ คือ PLC เสียงจะถูกถ่ายทอดผ่านทางสายไฟ จากเครื่องเล่นไปยังลำโพง แทนการผ่านสายลำโพงเช่นที่เคยมีมา ถือเป็น PRODUCT CONCEPT ที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นเป็นรายแรก
สำหรับยอดขาย 6 เดือนแรกของปี ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยติดลบ เช่น ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และความไม่มั่นคงทางการเมือง แต่บริษัทยังคงรักษาระดับยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดว่าครึ่งปีหลัง จะสามารถทำยอดขายได้มากกว่าช่วงที่ผ่านมา จากการเปิดตัวสินค้าใหม่หลายรายการ โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องเสียง บ้าน 60 และรถยนต์ 40 % เน้น การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง จัดทำอุปกรณ์โพรโมชัน และจุดแสดงโชว์สินค้า พร้อมจัดอบรมส่งเสริมความรู้ให้แก่ตัวแทนจำหน่าย สร้างความเข้าใจในตัวสินค้าอย่างถูกต้อง
DISCOVERY ATLAS
คันพบโลก มุมมองใหม่
จอห์น เอส เฮนดริกส์ ผู้ก่อตั้ง และประธาน ดิสคัฟเวอรี คอมมิวนิเคชัน อิงค์ เปิดเผยว่า DISCOVERY ATLAS คือ การสร้างสรรค์งานบันทึกภาพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และผู้คนในโลก โดยจะเสนอแง่มุมที่ลึกซึ้ง ด้วยเนื้อหามากมาย เกี่ยวกับ 30 ประเทศทั่วโลกในมุมมองใหม่ เพื่อบันทึกภาพของโลกที่ไม่มีใครทำ
มาก่อน
โดยจะออกอากาศรอบปฐมทัศน์พร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 1 ตุลาคม 2549 เวลา 20.00 น. และจะออกซ้ำในวันจันทร์เวลา 13.00 น. และวันเสาร์เวลา 13.00 น วันอาทิตย์ เวลา 07.00 น. และยาวนานถึง 5 ปี ทางช่อง ดิสคัฟเวอรี แชนแนล ยูบีซี 25
สำหรับการแพร่ภาพของ DISCOVERY ATLAS รอบปฐมทัศน์เริ่มด้วย "CHINA REVEALED" เรื่องราวของประเทศจีน หลังจากนั้น จะเป็นการสำรวจผู้คน วัฒนธรรม และแผ่นดิน ของประเทศอิตาลี บราซิล ออสเตรเลีย โดยแต่ละตอนจะมีดาราผู้มีชื่อเสียงมาให้เสียงบรรยาย
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : บันทึกธุรกิจ(formula)