“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ ชไมพร ปภัสร์พงษ์ กรรมการบริหาร และรองผู้อำนวยการ กองพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท สื่อสากล จำกัด กับความสำเร็จในการพิชิตประกาศนียบัตร BMW CERTIFIED INSTRUCTOR ระดับ 2 พร้อมก้าวเป็นผู้ฝึกสอนทักษะการขับรถระดับสูงผู้หญิงคนแรกของประเทศไทย และทวีปเอเชีย
ฟอร์มูลา : จุดเริ่มต้นของการเป็น BMW CERTIFIED INSTRUCTOR?
ชไมพร : เริ่มจากมีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตร BMW DRIVER TRAINING แล้วรู้สึกชอบมาก จึงไปเรียนซ้ำหลายรอบ ทำให้ได้ทักษะเพิ่มขึ้น เหมือนฝังเข้าไปในกล้ามเนื้อของเราเลย รวมทั้งจุดประกายความหลงใหลในการขับรถ จนพัฒนาฝีมือก้าวสู่นักแข่งรถอาชีพ ก่อนจะผันมาเป็นผู้ฝึกสอนด้วยแพสชันที่ต้องการถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ โดยมี ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ นักแข่งรถชื่อดังในยุคนั้น รวมถึง วุฒินันท์ สภาวสุ และเมฆสิทธิ วีระปรศุ คณะผู้ฝึกสอน BMW CERTIFIED INSTRUCTOR รุ่นบุกเบิก เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญยิ่งของเรา
ฟอร์มูลา : เส้นทางการสอบเป็น BMW CERTIFIED INSTRUCTOR?
ชไมพร : หลักสูตร INSTRUCTOR มีการเรียนการสอนทั่วโลก เป็น เหมือน ACADEMY ที่สอนเพื่อเป็นครูฝึกโดยเฉพาะ ซึ่งหลักสูตรของ BMW (บีเอมดับเบิลยู) จะมี 4 ระดับ โดยระดับ 3 และ 4 สงวนสิทธิ์ไว้ให้คนยุโรปเท่านั้นที่จะสอบได้ แต่ล่าสุดเพิ่งประกาศว่า ระดับ 3 กับ 4 ที่เยอรมันก็ไม่มีสอบแล้ว จะเหลือแค่ 2 ระดับเท่านั้น
สำหรับการไปสอบ เป็น BMW CERTIFIED INSTRUCTOR สิ่งที่ต้องเรียน และสอบ ได้แก่ ทักษะการพรีเซนท์หน้าชั้นเรียน ความรู้เรื่องเครื่องยนต์ และทักษะการขับ เรามีโอกาสไปสอบระดับ 1 ในปี 2016 แต่ปีแรกสอบไม่ผ่าน ต้องกลับไปเรียน และซ้อมใหม่จนสอบผ่านในปีต่อมา
ส่วนการสอบระดับ 2 ตอนแรกก็คิดว่า ความสามารถเราไม่น่าจะสอบได้ เพราะการขับต้องใช้ความเร็วสูง 260 กม./ชม. ในสนาม ต้องใช้รถ M4 (เอม 4) 500 กว่าแรงม้า โค้งในสนามที่สอบก็เป็นโค้งไฮสปีด ต้องกดมิดคันเร่ง การขับนำขบวน ในสนาม ก็เป็นทักษะที่ต้องฝึกมาก เพราะต้องทำหลายอย่างพร้อมกัน เรื่องการพรีเซนท์ก็มีทฤษฎีฟิสิกส์ลึกขึ้น
ไปสอบปีแรก ซ้อมหนักมาก ได้มีโอกาสไปซ้อมที่เกาหลีใต้ด้วย หลังจากนั้นไปสอบจริงที่เยอรมัน สอบพรีเซนท์ และข้อเขียน ผ่านหมด ขับนำขบวนก็ผ่าน แต่คะแนนการขับตกไป 2 คะแนน
จากนั้นจึงกลับไปซ้อมที่เกาหลีอีกรอบ เน้นจุดที่เรายังทำไม่ได้ แล้วกลับไปสอบใหม่ สุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ พร้อมทะลุกำแพงความกลัวต่างๆ ไปอีกขั้น
ตั้งแต่เด็กเราถูกมองว่าเป็นคนทำอะไรไม่สุด หาจุดที่เป็นตัวเราไม่เจอ คิดว่าอันนี้แหละเป็นเส้นทางของอาชีพที่เราอยากไปให้สุด เราตั้งเป้าหมายไว้ และสามารถทำไดถึงเป้าหมาย ทำให้รู้สึกดี มีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น
ความสำคัญของการได้รับการรับรองเป็น BMW CERTIFIED INSTRUCTOR ไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองจาก BMW เท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงทักษะ และความสามารถด้านการขับขี่ และความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในเชิงลึกอย่างรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม เราต้องหาประสบกาณณ์เพิ่มเติมตลอดเวลา เพื่อพัฒนาการสอนให้ดียิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : หลักสูตรของ BMW DRIVING EXPERIENCE ในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
ชไมพร : หลักสูตร BMW DRIVING EXPERIENCE ในประเทศไทย ซึ่งเราเป็นหนึ่งในทีมผู้ฝึกสอน ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 หลักสูตร ได้แก่ BMW SAFETY TRAINING เหมาะกับผู้ที่มีทักษะการขับขี่ทุกระดับ เน้นการเสริมทักษะที่จำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และขับขี่ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ถัดมาในระดับสูงขึ้นอีกขั้นคือ BMW M RACE TRACK TRAINING ฝึกฝนเทคนิคการขับขี่ขั้นสูง เพื่อใช้แก้สถานการณ์คับขันบนท้องถนน รวมถึงเทคนิคการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้ฝึกได้นำศักยภาพของตนเอง และรถยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ปิดท้ายด้วยหลักสูตร BMW M DRIFT BASIC พโรแกรมฝึกฝนทักษะการขับขี่ในรูปแบบการดริฟท์อย่างปลอดภัย โดยมี BMW CERTIFIED INSTRUCTOR สอนเทคนิคให้แบบตัวต่อตัว ซึ่งผู้ฝึกจะได้สัมผัสรถยนต์สมรรถนะสูง BMW ตระกูล M
ฟอร์มูลา : เหตุผลที่จัดทำโครงการ SKILL DRIVING EXPERIENCE: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ?
ชไมพร : ช่วงนั้น BMW ได้ยกเลิกการจัดกิจกรรม BMW DRIVER TRAINING ในประเทศไทย เราเห็นว่าน่าเสียดาย เพราะกิจกรรมนี้มีประโยชน์ สื่อสากลฯ เลยขอสานโครงการนี้ต่อจาก BMW ทำให้เกิดหลักสูตร SKILL DRIVING EXPERIENCE: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล จนถึงปัจจุบัน และขณะนี้ BMW ได้กลับมาทำกิจกรรม BMW DRIVER TRAINING อีกครั้ง ตอนนี้เลยทำคู่กัน
โครงการ SKILL DRIVING EXPERIENCE: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล เป็นหลักสูตรเรียนรู้วิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่มทักษะการขับขี่ ให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ และอันตรายบนท้องถนน ฝึกปฏิบัติจริงกับรถยนต์ทุกประเภท ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อเรียนรู้อาการของรถที่แตกต่างกัน โดยครูฝึกมืออาชีพระดับแนวหน้าของเมืองไทย
เนื้อหาการเรียนการสอนใน 1 วัน เน้นเรื่องการใช้งานจริง เริ่มจากการบรรยายภาคทฤษฎีในห้องเรียน ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชม. ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญ
โดยผู้สอนจะให้เรามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับรถยนต์นั้นล้วนแล้วเป็นกฎฟิสิกส์ทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องจุดศูนย์ถ่วงของรถที่สามารถถ่ายเทไปได้ทุกทิศทาง ประกอบกับเรื่องการยึดเกาะของยางรถยนต์ ที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการขับขี่
สิ่งพื้นฐานที่สุดของการเรียนการสอน คือ การปรับท่านั่ง และพวงมาลัยให้ถูกต้องตามหลัก ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นท่านั่งที่ไม่สบาย ดูแน่นๆ น่าอึดอัด แต่นี่คือ ท่านั่งที่ถูกต้องตามหลักการ เพราะจะทำให้คุณควบคุมรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัย
ส่วนภาคปฎิบัติสำหรับบุคคลทั่วไป ประกอบด้วย 3 สถานี ได้แก่ 1. OVERSTEERING แก้ไขอาการรถหมุน 2. UNDERSTEERING AND EMERGENCY BRAKE แก้ไขอาการหลุดโค้ง และการเบรคฉุกเฉิน และ 3. EMERGENCY HANDLING เรียนรู้การควบคุมอาการรถเวลาเสียหลัก
ช่วงแรกๆ คนยังไม่ค่อยเห็นคุณค่าของโครงการ เปิดหลักสูตรมา 15 ปี เพิ่งจะได้รับผลตอบรับไม่นานนี้เอง พอมีคนมาเรียนแล้วบอกต่อปากต่อปาก ทำให้คนเริ่มเห็นความสำคัญ จนถึงปัจจุบันรู้สึกดีใจที่เห็นคนมาเรียนมีความตั้งใจ ต้องการนำความรู้ไปใช้จริงๆ
ส่วนผู้มาเรียนมีหลายระดับ ตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งทีแรกก็สงสัยว่า ผู้สูงอายุมาเรียนทำไม ต่อมาได้รู้ว่าเขามีหน้าที่ต้องรับส่งหลานไปโรงเรียน จึงอยากให้หลานปลอดภัย เลยมาเรียนเพิ่มทักษะการขับขี่ ทำให้รู้สึกประทับใจที่ผู้เรียนแต่ละท่านจะมีสตอรีไม่เหมือนกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ อยากทำให้ชีวิตตัวเอง และคนที่รักปลอดภัย