ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุมรถสารพัดตัวถัง ด้วยรถเก๋งเปิดประทุนติดป้ายชื่อ MINI COOPER CONVERTIBLE (มีนี คูเพอร์ คอนเวอร์ทิเบิล) เมื่อจำหน่ายในสหราชอาณาจักรอังกฤษ และอีกหลายประเทศ แต่จะเปลี่ยนชื่อเป็น MINI COOPER CABRIOLET (มีนี คูเพอร์ กาบริโอเลต์) เมื่อจำหน่ายในเยอรมนี และอีกหลายประเทศ เป็นผลงานของผู้ผลิตรถยนต์ที่ก่อตั้งกิจการ และมีฐานการผลิตอยู่ในเกาะอังกฤษ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของ BMW GROUP (บีเอมดับเบิลยู กรุพ) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ของเยอรมนี
ในยุคที่อยู่ในร่มเงาของค่ายเยอรมัน MINI ทำรถเปิดประทุนมาแล้ว 3 รุ่น รุ่นที่ 1 ซึ่งมีรหัสโรงงาน R52 อยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 2004-2008 รุ่นที่ 2 ซึ่งมีรหัสโรงงาน R57 อยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 2009-2014 และรุ่นที่ 3 ซึ่งมีรหัสโรงงาน F57 อยู่ในสายการผลิตระหว่างปี 2015-2014 ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรถผลิตที่เมือง OXFORD (ออกซ์ฟอร์ด) ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ นอกจากบางส่วนของรถรุ่นที่ 3 เท่านั้น ที่ผลิตในเนเธอร์แลนด์
ส่วนรถรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นรุ่นที่ 4 นี้ มีรหัสโรงงาน F67 เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และเริ่มการผลิตที่โรงงานในเกาะอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน
เป็นรถเก๋งเปิดประทุนขนาดซูเพอร์มีนี ในตัวถัง 2 ประตู 4 ที่นั่ง ยาว 3.879 ม. กว้าง 1.744 ม. สูง 1.431 ม. และมีช่วงฐานล้อยาว 2.495 ม. ที่ไม่ได้ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการพัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถ MINI COOPER ซึ่งเป็นรถเก๋ง 3 ประตูแฮทช์แบค 4 ที่นั่ง ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2023
มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดตัวถังในหลายๆ จุด โดยจุดสำคัญที่สุด คือ การเปลี่ยนหลังคา จากหลังคาแข็งติดตายเป็นหลังคาที่ไม่ติดตาย คือ ปิดก็ได้ เปิดก็ได้ ตามความต้องการ โดยติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อน ที่เปิด-ปิดโดยอัตโนมัติ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า FULLY AUTOMATIC SOFT TOP (ฟูลลี ออโทเมทิค ซอฟท์ ทอพ) เป็นหลังคาที่บังคับให้เปิด หรือปิดโดยการกดปุ่ม การเปิดใช้เวลา 18 วินาที ส่วนการปิดทำได้เร็วกว่า คือ 15 วินาที มีข้อจำกัดว่า รถต้องวิ่งเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. จึงจะเปิด หรือปิดประทุนได้ ขณะหลังคาปิดห้องเก็บของท้ายรถจะมีขนาดความจุ 215 ลิตร แต่จะลดเหลือเพียง 160 ลิตร เมื่อหลังคาเปิด (เพราะต้องเสียความจุบางส่วนสำหรับการเก็บประทุนหลังคา)
ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ รถเปิดประทุนรุ่นนี้มีให้เลือกใช้ 3 โมเดล คือ (1) MINI COOPER CONVERTIBLE C ซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 20 เริ่มต้นที่ 28,715 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 1.29 ล้านบาทไทย เมื่อคิดว่าต้องใช้เงินไทยถึง 45 บาท ในการแลกเงินอังกฤษ 1 ปอนด์ (2) MINI COOPER CONVERTIBLE S ซึ่งค่าตัวรวมภาษีเริ่มต้นที่ 31,715 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 1.43 ล้านบาทไทย (3) MINI JOHN COOPER WORKS CONVERTIBLE ซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเริ่มต้นที่ 37,535 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 1.69 ล้านบาทไทย ทุกโมเดลเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า และส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
โมเดลพื้นฐาน MINI COOPER CONVERTIBLE C ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. กรณีวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.5-6.6 ลิตร/100 กม. หรือ 15.2-15.4 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 147-149 กรัม/กม.
MINI COOPER CONVERTIBLE S ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 237 กม./ชม. กรณีวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.5-6.6 ลิตร/100 กม. หรือ 15.2-15.4 กม./ลิตร เท่ากันกับรถโมเดลพื้นฐาน และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 148-150 กรัม/กม.
ส่วนโมเดลหัวกะทิ MINI JONN COOPER WORKS CONVERTIBLE ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1,998 ซีซี 170 กิโลวัตต์/231 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. กรณีวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.8-7.1 ลิตร/100 กม. หรือ 14.1-14.7 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 155-161 กรัม/กม.
เป็นรถที่มีการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ (TRIM) ให้เลือกรวม 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส CLASSIC (คลาสสิค) EXCLUSIVE (เอกซ์คลูซีฟ) และ SPORT (สปอร์ท)
MINI COOPER CONVERTIBLE