แล่นไปในสายน้ำ
SIRENA 48
เรือครูเซอร์ระดับเริ่มต้นของ SIRENA มีให้เลือกในเวอร์ชันคูเปขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดแล้ว แต่มันจะดีเท่าเวอร์ชันฟลายบริดจ์หรือไม่ และคุ้มค่ากับราคาหรือเปล่า เรามาดูกัน
เมื่ออู่ต่อเรือ SIRENA ของตุรกี ได้เพิ่มเรือคูเปรุ่นใหม่เข้าสู่กองเรือครูเซอร์ แบบพักค้างคืน อันเลื่องชื่อของตน เพื่อถ่ายทอดความอเนกประสงค์ในแบบเรือใหญ่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบแรนด์ มาสู่แพคเกจที่ดูทันสมัย และเข้าถึงได้มากขึ้น และมันก็ประสบความสำเร็จจริงๆ ด้วยตัวเรือที่มีปริมาตรภายในกว้างขวาง และโครงสร้างที่ตั้งตรง ทำให้มีพื้นที่ใช้งานมากกว่าคู่แข่งถึง 25 % โดยยังสามารถรักษาความงดงามของรูปทรงเรือแบบทรอว์เลอร์คลาสสิค ด้วยดาดฟ้าหน้ายกสูง หัวเรือตั้งตรง รายละเอียดที่สวยงามบริเวณตัวเรือ และกระจกบานใหญ่สีเข้มจำนวนมาก
ดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า “แล้วเวอร์ชันคูเป ที่ถูกตัดทอนลงมานั้น มีจุดเด่นตรงไหนกันแน่”
ความจริงอย่างง่ายที่สุดก็คือ บางคนไม่ชอบเรือแบบฟลายบริดจ์ พวกเขาไม่ชอบสไตล์ของมัน ไม่ชอบแรงต้านลมที่มากขึ้น ไม่ชอบน้ำหนักที่ถูกยกสูงขึ้น และก็ไม่อยากวุ่นวายกับการดูแลรักษาที่มากขึ้นด้วย บางคนก็รู้สึกอึดอัดกับความโอ่อ่าของดาดฟ้ารับแดดที่ยกสูง โดยเฉพาะคนที่ใช้เรือในแถบยุโรปเหนือ ซึ่งนิยมความเรียบง่าย และอากาศก็มักจะหนาวเย็น อีกหลายคนก็ชอบห้องนั่งเล่น ที่สว่าง โปร่ง และเปิดโล่ง มากกว่าที่เรือแบบฟลายบริดจ์สามารถมอบให้ได้ และนั่นก็คือ จุดกำเนิดของ SIRENA 48 COUPE ซึ่งในกรณีนี้ ไม่ใช่แค่เวอร์ชันคูเปธรรมดา แต่เป็น COUPE HYBRID เพราะถ้าคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ทันสมัย คล่องตัว และเบากว่า การแทนที่เครื่องยนต์ดีเซลคู่ ด้วยระบบขับเคลื่อน ไฮบริดแบบซีเรียลก็เป็นอะไรที่น่าลอง
ตามที่คาดไว้ ผังการจัดวางบนดาดฟ้าหลัก ยังคงเหมือนกับรุ่นฟลายบริดจ์ที่มีอยู่แล้ว ยกเว้นความแตกต่างเล็กน้อย 2-3 จุด จุดแรก คือ ตู้เก็บของฝั่งขวาของห้องนั่งเล่นถูกขยายออกในตำแหน่งที่เดิมจะเป็นบันไดขึ้นฟลายบริดจ์ ซึ่งทำให้สามารถติดตั้งตู้เย็น ช่องแช่แข็งขนาดเต็มความสูงได้อีกด้วย
ประการที่ 2 คือ โครงสร้างหลังคาใหม่ที่ออกแบบได้อย่างสวยงาม มีความโค้งอ่อนชวนมอง พร้อมส่วนขอบที่ยื่นออกมาคลุมทางเดินข้างลำเรือ ในลักษณะเดียวกับเวอร์ชันฟลายบริดจ์ ที่ดียิ่งกว่านั้น คือ หลังคานี้ถูกใช้อย่างชาญฉลาดด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ แต่ยังคงเปิดให้แสงธรรมชาติส่องผ่านแผงกระจกตอนกลาง สร้างลวดลายของแสงแดดที่สวยงามในพื้นที่ห้องนั่งเล่น เมื่อรวมเข้ากับหน้าต่างแนวตั้งขนาดใหญ่ แผงควบคุมเตี้ยๆ และเฟอร์นิเจอร์แบบเส้นตรงที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องนั่งเล่นยิ่งกว่ารุ่น 48 ดั้งเดิมเสียอีก
การจัดผังก็ง่ายมาก คือ มีพื้นที่ห้องควบคุมสำหรับ 2 คน (HELM) มีประตูข้างขนาดใหญ่ที่ให้กัปตันเข้าถึงทางเดินด้านขวาได้โดยตรง ฝั่งตรงข้ามมีที่นั่งแบบรูปตัว C (DINETTE) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ พร้อมวิวที่ยอดเยี่ยมจากระดับพื้นยกสูงของห้องนั่งเล่นด้านหน้า และหน้าต่างบานใหญ่ทางฝั่งซ้าย แม้ว่าจะอยู่ค่อนไปทางด้านท้ายเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตำแหน่งกัปตัน ซึ่งอาจลดความใกล้ชิดระหว่างการเดินเรือ ส่วนห้องครัวรูปตัว L (GALLEY) เชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านท้ายคอคพิทได้อย่างลงตัว ผ่านประตูเลื่อน 3 ตอน และหน้าต่างเปิดได้ที่อยู่เหนือเคาน์เตอร์บาร์ ขนาดพื้นที่พอเหมาะ มาพร้อมเตาอบ อ่างล้างจาน เครื่องล้างจาน ตู้เก็บของด้านบนจำนวนมาก และหน้าต่างบานเลื่อนเหนือเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว และสำหรับส่วนคอคพิทเองก็สามารถปรับเปลี่ยนการจัดวางได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา 2 ฝั่งหันหน้าหากัน หรือม้านั่งหันหน้าทางด้านหน้าใกล้กราบท้าย เหมือนในรุ่นฟลายบริดจ์ รุ่นคูเป นี้ก็ยังคงความยืดหยุ่นไว้ คุณสามารถเลือกติดตั้งเลาน์จ์ริมน้ำบนแท่นว่ายน้ำ หรือห้องลูกเรือแบบขวางได้ตามต้องการ
เมื่อเดินไปตามทางเดินด้านข้างที่อยู่ใต้ชายคา จะเห็นได้ชัดเจนว่าพื้นที่เลาน์จ์หัวเรือนั้นกว้างขวางเกินคาดสำหรับเรือขนาดนี้ แม้จะมีผู้โดยสาร 3 คนเอนตัวเต็มที่บนเตียงอาบแดดแบบเกาะกลาง ก็ยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับม้านั่งแบบ 3 ที่นั่งหันหน้าไปด้านหน้า และพื้นที่หัวเรือที่ใช้งานได้จริง พร้อมหมุดผูกเชือก และช่องร้อยเชือกที่ออกแบบไว้อย่างกลมกลืน เมื่อพิจารณาความยาวที่น่าทึ่งของเตียงอาบแดด ก็ดูเหมือนว่านักออกแบบอาจจะเคยคิดอยากลดขนาดลง เพื่อรวมพื้นที่เลาน์จ์หันหน้าเข้าหากันไว้ที่หัวเรือแทนก็เป็นได้ แต่จากรายละเอียดอื่นๆ อย่างเช่นบันไดคู่ที่นำคุณขึ้นไปยังหัวเรือที่ยกสูง ก็ยังแสดงให้เห็นว่า พื้นที่ห้องโดยสารภายใน ยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ SIRENA 48 รุ่นเริ่มต้น มีความน่าดึงดูดใจอย่างมากเช่นเดิม
ตัวเรือแบบกึ่งดันน้ำ ให้การล่องเรือที่นุ่มนวลในทุกระดับความเร็ว
SIRENA ใช้เครื่องปั่นไฟคู่ขนาด 180 กิโลวัตต์ เพื่อชาร์จแบท เตอรีหลัก
ความเร็ว 6 นอท สามารถวิ่งได้ไกลถึง 48 กม. อย่างเงียบสนิทด้วยพลังงานจากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียว
ห้องนอนเจ้าของเรือ มาพร้อมเก้าอี้ยาวพักผ่อน และโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ทางกราบขวา
ดาดฟ้าหน้ายกสูง และผนังตัวเรือแนวตั้ง ช่วยสร้างพื้นที่กว้างขวางในห้องนอนหัวเรือที่มีห้องน้ำในตัว
ความสูงของเพดานในห้องนอนเตียงคู่ฝั่งกราบขวานั้น ถือว่า ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
เมื่อคุณลงบันไดฝั่งซ้ายของห้องควบคุม สิ่งแรกที่เห็นถัดจากโถงกลางที่สว่างไสว ก็คือ ห้อง VIP ที่หัวเรือ พร้อมพื้นที่ภายในอันกว้างขวาง ด้วยการออกแบบที่ดันความกว้าง มาจนถึงหัวเรือ และผนังตัวเรือที่เกือบตั้งฉาก คุณจะได้เตียงกลางขนาดใหญ่ที่ไม่เรียวแคบ พร้อมพื้นที่เหลือใช้งานทั้ง 2 ฝั่งของเตียง แม้จะไม่มีช่องแสง หรือสกายไลท์ในห้องนี้ แต่ก็มีหน้าต่างตัวเรือขนาดพอดี พร้อมช่องระบายอากาศแบบเปิดได้ และยังมีตัวเลือกที่เก็บของมากมาย เหมาะกับการเดินทางไกล รวมถึงห้องน้ำในตัวฝั่งซ้ายที่น่าประทับใจ ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นห้องน้ำกลางประจำวันด้วย ภายในห้องน้ำมีพื้นที่ฝักบัวขนาดพอดี พร้อมฝักบัว RAIN SHOWER แบบฝังเรียบขนาดใหญ่ แถม SIRENA ยังใส่ใจรายละเอียด ด้วยการจัดวางลิ้นชัก ชั้นวาง และช่องเก็บของได้อย่างลงตัว
ข้ามโถงทางเดินไปฝั่งกราบขวา จะพบห้องนอนเตียงคู่แบบฝังลึก พร้อมตู้แขวนเสื้อแบบสูงเต็มด้านปลายเตียง และพื้นที่ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าสูงถึง 8 ฟุตใต้ห้องควบคุม ซึ่งน่าทึ่งมาก แต่ก็เหมือนกับในรุ่นฟลายบริดจ์ ห้องนอนเจ้าของเรือแบบเต็มความกว้าง (FULL-BEAM OWNER’S CABIN) ก็ยังเป็นไฮไลท์สำคัญ ฝั่งกราบขวามีโซฟาทรงเก้าอี้ยาวสไตล์ CHAISE LOUNGE อยู่ใต้หน้าต่างลำเรือขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งที่ชิดผนังหัวเรือ ด้านบนมีทีวีแบบฝังพร้อมกระจกเงา
ฝั่งพอร์ท (ซ้ายเรือ) มีตู้เก็บของยาวแบบ BUILT-IN ส่วนตรงกลาง คือ เตียงขนาดใหญ่แบบวางตามแนวยาวที่ให้ความสูงเหนือศีรษะมากพอจะเอนตัวพิงสบาย และยังชมวิวผ่านหน้าต่างบานใหญ่ได้เต็มตา สำหรับห้องน้ำในตัวก็โดดเด่นเช่นกันโดยใช้พื้นที่ด้านหลังผนังห้องน้ำกลางซึ่งมีขนาด และการตกแต่งใกล้เคียงกัน และนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี
แน่นอนว่า ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางของดาดฟ้าชั้นล่างนี้ นักออกแบบของ SIRENA อาจใส่ห้องโดยสารถึง 4 ห้องก็ยังได้หากจำเป็น แต่การจัดวางแบบ 3 ห้องนอนที่เห็นในเรือทดสอบลำนี้ กลับให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและใช้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อระดับพื้นเรือถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพื่อลดผลกระทบจากจุดที่เพดานต่ำลง มันยังให้ความรู้สึกเหมาะกับการล่องเรือไกลอีกด้วย ทั้งจากพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง พื้นที่เก็บของมากมาย รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ ที่น่าประทับใจ เช่น เครื่องซักผ้า-อบผ้าแบบซ่อน ที่เก็บไว้อย่างเรียบร้อยในตู้เฉพาะตรงทางเข้าห้องนอนเจ้าของเรือ
ตัวเลือกขุมพลังการขับเคลื่อน
เรือ SIRENA 48 รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบซีเรียล โดยจับคู่ตัวเรือกึ่งดันน้ำของ SIRENA เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า E-MOTION ขนาด 213 กิโลวัตต์ จำนวน 2 ตัว มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวเชื่อมต่อกับแบทเตอรีแพคคู่ ขนาด 39 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยแบทเตอรีเหล่านี้ได้รับพลังงานจากเครื่องปั่นไฟ E-MOTION แบบความเร็วแปรผัน ขนาด 180 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง พร้อมเสริมกำลังเพิ่มเติมจากแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 4.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ติดตั้งบนหลังคาโครงสร้างคูเป
คุณสามารถเพิ่มความจุแบทเตอรีเป็น 2 เท่า จาก 78 กิโลวัตต์ชั่วโมงเป็น 156 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ระยะเวลาการใช้งานด้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่หลักการพื้นฐานของเรือลำนี้ก็คือ ถ้าคุณล่องเรือที่ความเร็วเหมาะสมที่ประมาณ 6.5 นอท
แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคา สร้างลวดลายแสงเงาแบบตารางหมากรุกที่สวยงามในห้องนั่งเล่น
มีการซ่อนตู้เย็นไว้อย่างเรียบร้อย ตรงบริเวณที่ในรุ่นฟลายบริดจ์ จะเป็นขั้นบันได
ผนังหัวเรือรูปตัว V ช่วยสร้างพื้นที่สำหรับประตูคู่ในห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน
คุณจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 1.8 ชม. (19 กม.) ด้วยแบทเตอรีแพคมาตรฐาน หรือ 3.6 ชม. (38 กม.) หากอัพเกรดแบทเตอรี ก่อนที่จะต้องเติมไฟด้วยเครื่องปั่นไฟ แถมคุณยังสามารถเพิ่มระยะทางเป็น 24 กม. และ 48 กม. ตามลำดับ หากลดความเร็วลงเหลือ 5.7 นอท ส่วนการชาร์จไฟนั้น ไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก เพราะเมื่อแบทเตอรีลดลงถึงระดับ 20 % เครื่องปั่นไฟจะทำงานโดยอัตโนมัติ และสามารถชาร์จกลับไปที่ 90 % ได้ภายในเวลาเพียง 45 นาที
ในความเป็นจริง ถังน้ำมันดีเซลในเรือลำนี้ยังคงมีความจุเท่าเดิมที่ 1,900 ลิตร เหมือนกับรุ่นฟลายบริดจ์ที่ใช้ดีเซลล้วน นั่นหมายความว่าระยะทางการเดินทางรวมก็ยังถือว่าแข็งแกร่ง SIRENA ให้ข้อมูลว่าระยะเดินเรือแบบใช้งานผสม (ดีเซล และไฟฟ้า) อยู่ที่ประมาณ 350 ไมล์ทะเล (Nm)
ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าการคำนวณของเราอยู่พอสมควร แน่นอนว่าคุณสามารถเพิ่มระยะทางได้ ด้วยการลดความเร็วในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม แม้ SIRENA จะพูดถึงการประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 35 % แต่จากการเปรียบเทียบกับเรือรุ่นฟลายบริดจ์ที่ใช้เครื่องยนต์ CUMMINS 550 คู่
ที่เราทดสอบในปี 2024 แล้ว เราก็พบว่าตัวเลขระยะทางที่ทำได้จริงใกล้เคียงกัน และทำได้ดีกว่าที่ความเร็วต่ำ
ดังนั้น ว่ากันตามจริง คำอธิบายที่แม่นยำกว่าก็คือ เรือลำใหม่นี้เลือกที่จะ “เผาไหม้น้ำมันดีเซล 1,900 ลิตรในรูปแบบที่ต่างออกไป” มากกว่า ระบบไฮบริดนี้จะจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 14 นอท ซึ่งน้อยกว่าความเร็ว 27 นอทที่พแลทฟอร์มเครื่องยนต์ดีเซลปกติทำได้ ดังนั้น จึงสมเหตุสมผลที่ผู้ซึ่งชื่นชอบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ยังสามารถเลือกซื้อรุ่นคูเปนี้ พร้อมเครื่องยนต์ CUMMINS 550s หรือ VOLVO D11-670s ได้เช่นกัน แต่ระบบไฮบริดใหม่นี้ยังมอบข้อได้เปรียบอื่นๆ อีก เช่น การออกจากท่าเรืออย่างเงียบๆ หรือค่อยๆ แล่นเข้าอ่าวเงียบสงบ โดยไม่รบกวนชาวบ้านด้วยเสียง หรือมลพิษ คุณยังสามารถขับเรือช้าๆ ไปมาโดยไม่ต้องกังวลว่าควันไอเสีย จะลอยเข้าไปในห้องนั่งเล่นท้ายเรือ หากชาร์จแบทเตอรีแพคให้เต็มก่อนเข้านอน คุณยังสามารถนอนหลับได้ถึง 8 ชม. โดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องปั่นไฟ แม้ว่าจะเปิดระบบปรับอากาศ (AC) และระบบภาพและเสียง (AV) ไปด้วยก็ตาม อีกเรื่องที่น่ายินดี คือ ระบบนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงได้ 10-15 % อีกด้วย
“คุณสามารถแล่นเรือเข้าไปยังอ่าวอันห่างไกลได้อย่างเงียบสงบ โดยไม่รบกวนชาวบ้านในพื้นที่”
บทสรุป
เมื่อคุณตัดเอาฟลายบริดจ์ออกไป คุณย่อมอยากแน่ใจว่าน้ำหนักเรือ สไตล์ และบรรยากาศของห้องนั่งเล่น จะได้รับประโยชน์โดยตรงและชัดเจน ซึ่งในกรณีของ SIRENA 48 COUPE นี้ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่คือ เรือคูเปที่สวยงาม และถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ซึ่งยังคงเก็บเอาข้อดี ความยืดหยุ่น และตัวเลือกต่างๆ ของรุ่นฟลายบริดจ์ไว้ได้ครบถ้วน แค่ไม่มีดาดฟ้าชั้นบนเท่านั้นเอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ SIRENA เตรียมจะเปิดตัวรุ่นคูเป ในเรือรุ่นใหญ่ขึ้น เช่น 58, 68, 78 และ 88 ส่วนระบบขับเคลื่อนไฮบริดนั้น อาจจะเป็นประเด็นที่แบ่งความคิดเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ในด้านหนึ่ง มันช่วยให้การใช้งานเงียบๆ ปราศจากมลพิษ กลายเป็นเรื่องที่เป็นจริงและง่ายดายสำหรับนักเดินเรือแบบใช้งานผสม แต่อีกด้าน มันก็ลดความเร็วสูงสุดของเรือเกือบไปเกือบครึ่ง โดยไม่ได้เพิ่มระยะทางการเดินเรือ อย่างไรก็ดี เราไม่ควรบ่นในเรื่อง “ทางเลือก” เพราะกองเรือครูเซอร์ของ SIRENA ที่เคยมีเพียงตัวเลือกเดียว วันนี้มีถึง 3 ตัวเลือกแล้ว
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม: www.sirenayachts.com
กระจกหน้าชัน : กระจกหน้า 2 ตอนที่มีความชันสูง ช่วยมอบทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยม
การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ : แผงควบคุมแบบชั้นเดียว แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ออกแบบมาอย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์
การเข้าถึงดาดฟ้า : คุณยังคงสามารถเข้าถึงทางเดินด้านขวาของเรือที่มีหลังคาคลุมได้อย่างสะดวกสบาย