เยอรมนีมีผู้ผลิตรถสปอร์ทที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่ไม่กี่ราย หนึ่งในจำนวนนั้นคือ PORSCHE (โพร์เช) ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองเบียร์ ที่ประกอบกิจการมายาวนานเกือบ 1 ศตวรรษ คือ ตั้งแต่ปี 1931 เดือนนี้นำผลงานของค่ายนี้มาบรรจุไว้ใน”ระเบียงรถใหม่” 1 คู่ คือ รถสปอร์ทคูเป PORSCHE 911 TURBO S (โพร์เช 911 เทอร์โบ เอส) กับรถสปอร์ทเปิดประทุน PORSCHE 911 TURBO S CABRIOLET (โพร์เช 911 เทอร์โบ เอส กาบริโอเลต์)
ก่อนการปรากฏตัวของรถคู่ใหม่นี้ ค่าย PORSCHE มีรถสปอร์ทคูเป และรถสปอร์ทเปิดประทุนติดป้ายชื่อ PORSCHE 911 TURBO ให้เลือก 2 คู่ คือ PORSCHE 911 TURBO/PORSCHE 911 TURBO CABRIOLET ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 กับ PORSCHE 911 TURBO S/PORSCHE 911 TURBO S CABRIOLET ซึ่งเริ่มจำหน่ายก่อนหน้านั้น คือ เมื่อเดือนมีนาคม 2022 กับมีรถโมเดลพิเศษอีก 1 โมเดล คือ PORSCHE 911 TURBO 50 JAHRE (โพร์เช 911 เทอร์โบ 50 จาห์เร) ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเมื่อปี 2024 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ของรถ PORSCHE 911 TURBO ที่เริ่มการผลิตเมื่อปี 1974
รถคู่แรก คือ PORSCHE 911 TURBO/PORSCHE 911 TURBO CABRIOLET ที่กล่าวข้างต้น เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 6 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) 24 วาล์ว 3,745 ซีซี 427 กิโลวัตต์/580 แรงม้า วางท้าย/ตามยาว และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ PDK ส่วนรถคู่หลัง คือ PORSCHE 911 TURBO S/PORSCHE 911 TURBO S CABRIOLET ก็เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อเช่นกัน ติดตั้งเครื่องยนต์บลอคเดียวกัน และใช้ระบบเกียร์อย่างเดียวกัน แต่ปรับแต่งเป็นพิเศษ จนกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์พุ่งขึ้นเป็น 478 กิโลวัตต์/650 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้นถึง 51 กิโลวัตต์/70 แรงม้า หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1
ส่วนรถคู่ใหม่แต่ใช้ชื่อเก่านี้ เพิ่งปรากฏตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งาน IAA MOBILITY 2025 หรือมหกรรมยานยนต์มิวนิค ซึ่งมีขึ้นที่นครมิวนิคของเยอรมนี ระหว่างวันที่ 8-14 กันยายน 2025 นี่เอง เป็นการปรากฏตัวพร้อมคำประกาศเกียรติคุณว่านี่คือ THE MOST POWERFUL 911 TO DATE หรือรถ 911 ที่ทรงพลังที่สุดจนถึงขณะนี้
กลยุทธที่ทำให้เป็นไปได้ดังว่า ไม่ใช่ทำกันอย่างง่ายๆ โดยการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้พิเศษขึ้น หรือใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดโตขึ้น และแรงขึ้น แต่เป็นกลยุทธอย่างที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “ถอนรากถอนโคน” คือ การเปลี่ยนระบบขับทั้งขุด จากระบบขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว เป็นระบบขับไฮบริด ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อนเลยในรถ PORSCHE 111
เป็นระบบขับไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเดิม คือ เครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 6 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) 24 วาล์ว 3,591 ซีซี 471 กิโลวัตต์/640 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 52 กิโลวัตต์/71 แรงม้า แบทเตอรีขนาดความจุ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ PDK ได้กำลังรวมสูงสุด 523 กิโลวัตต์/711 แรงม้า คือ สูงกว่ารถรุ่นเดิม 45 กิโลวัตต์/61 แรงม้า หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.4
ผลลัพธ์ด้านความเร็ว รถคูเป PORSCHE 911 TURBO S ซึ่งมีขนาดตัวถัง ยาว 4.551 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.305 ม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และทำอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 8.4 วินาที เป็นตัวเลขที่วัดเมื่อติดชุดแต่งจากโรงงานซึ่งมีชื่อว่า SPORT CHRONO PACKAGE อยู่ด้วย ส่วนรถเปิดประทุน PORSCHE 911 TURBO S CABRIOLET ซึ่งมีขนาดตัวถัง ยาว 4.551 ม. กว้าง 1.900 ม. และสูง 1.304 ม. ตัวเลขอัตราเร่งเปลี่ยนเป็น 2.6 และ 8.8 วินาที ด้านความเร็วสูงสุดซึ่งวัดขณะไม่มีชุดแต่ง ทั้ง 2 ตัวถังทำได้ 322 กม./ชม.
ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนี รถคูเปเริ่มต้นที่ 271,000 ยูโร หรือประมาณ 10.3 ล้านบาทไทย ส่วนรถเปิดประทุนซึ่งติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อน และเปิด-ปิดโดยการกดปุ่ม ค่าตัวแพงกว่ากันไม่มาก คือ เริ่มต้นที่ 285,200 ยูโร หรือประมาณ 10.8 ล้านบาท (เมื่อคิดว่า แม้ในยามที่เงินไทยค่อนข้างแข็ง ก็ยังต้องใช้เงินไทยถึง 38 บาท ในการแลกเงินฝรั่ง 1 ยูโร)
PORSCHE 911 TURBO S
PORSCHE 911 TURBO CABRIOLET

