ร่วมทริพกับน้องใหม่ในตลาด B-SUV ล่าสุด ALL-NEW SUZUKI FRONX (ซูซูกิ ฟรองซ์) ใหม่ ในเส้นทางธรรมชาติ เราเดินทางตั้งแต่เช้า จากประตูไซ เวียงจันทน์-วังเวียง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ลงถนนยาวเข้าทางด่วนตรงไปสู่ “วังเวียง” และเริ่มทดสอบในทาง Dirt ที่ผ่านจุดชมวิวผาหนามไช และ BLUE LAGOON วังเวียง
เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้ไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นการร่วมกิจกรรม TEST DRIVE ของทาง ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯ ครั้งนี้เราได้ทดลองขับ SUZUKI FRONX GLX PLUS รุ่นทอพสุด เราออกเดินทางจากจุดสตาร์ทที่ประตูไซ เวียงจันทน์ ใช้เส้นทางถนนหลวงในทางด่วนจากเมืองหลวงเวียงจันทน์ มุ่งตรงสู่วังเวียง ระยะทางกว่า 150 กม. ที่จะได้เจอทั้งถนนในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ถนนมอเตอร์เวย์ที่ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. ตลอดเส้นทางการทดลองขับตรงยาวสู่วังเวียง เราจะได้เจอถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
“วังเวียง” เมืองท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว ที่มีระยะห่างจากเมืองหลวงเวียงจันทน์ 150 กม. โดยประมาณ และมีฉายาว่า “เมืองกุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นภูเขาหินปูน และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์
หลังจากที่เราขับออกจากตัวเมืองจากจุดเริ่มต้นที่ประตูไซมาแล้ว เราก็เข้าสู่ด่านทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียง เส้นทางหลักที่เป็นทางเชื่อมของสองเมืองนี้ จ่ายค่าผ่านทางโดยประมาณ 139,000 กีบ หรือสองร้อยกว่าบาทไทย ถนนในเส้นทางด่วนนี้ทำออกมาได้ดี ทางดี พร้อมวิวข้างทางที่สวยงามเกินจะบรรยาย แม้จะต้องปรับตัวกับการขับกันหน่อย เพราะใน สปป.ลาว “ขับชิดขวา” แต่ก็ไม่ได้เข้าใจยากมาก ขับไม่กี่นาทีเราก็คุ้นชิน
ในส่วนของการขับขี่ สิ่งที่ต้องพูดถึง และชมเชยก่อนเลย คือ ช่วงล่าง ที่เขาปรับแต่งมาได้นุ่ม แน่น หนึบ ขับสบายในทางสั้น หรือขับระยะทางยาว ตัวรถควบคุมได้ง่ายในการเปลี่ยนเลน และการหักหลบฉุกเฉินก็มั่นใจได้ เป็นรถที่ไว้ใจได้ในการขับขี่คันหนึ่งเลย ผ่านไปสักพักเราได้เข้าทางทุรกันดารที่เป็นพื้นที่ต่างจังหวัดในเขตของวังเวียง แต่ไม่ต้องห่วงเพราะ SUZUKI FRONX เขามีระยะความสูงจากพื้นถึงท้องรถ (GROUND CLEARANCE) อยู่ที่ 170 มม. ถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ ทางฝุ่น หรือทางกึ่งออฟโรด เราก็ผ่านได้หายห่วง แต่สิ่งที่สัมผัสได้ตามมา คือ “ความสะเทือนสะท้าน” ที่ขึ้นมาถึงมือ พวงมาลัยที่ค่อนข้างสั่นตามพื้นผิวของถนน แต่พวงมาลัยมีความเบา ยังคงควบคุมได้ง่าย
ตัวเบาะนั่งมีความกระชับ นั่งในระยะทางที่ขับนาน และไกล ก็ไม่มีอาการเมื่อยล้า โดยในรุ่นทอพที่ได้มาจะเป็นเบาะหนังสังเคราะห์ ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่ต่ำลงมาจะเป็นเบาะผ้า และในส่วนของเบาะผู้ขับ ช่วงปรับเอนรู้สึกค่อนข้างหลวม เหมือนว่าไม่มีตัวลอคเวลาที่เราปรับได้ระดับ
เครื่องยนต์ใหม่ K15C จากข้อสังเกต คือ ในช่วงที่ได้ขับบนทางด่วนของ สปป.ลาว การขับขี่ในความเร็วทั่วไป 80-110 กม./ชม. โดยประมาณนั้นสบายหายห่วง แต่พอเข้าช่วง 120 กม./ชม. แล้วตัวเครื่องมีความอั้นๆ ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. การกดเร่งรู้สึกได้ถึงความหน่วงของตัวรถ จนรู้สึกได้ว่าความเร็วที่สั่งให้เพิ่มขึ้นตามเท้านั้นมาไม่ทันตามที่สั่ง โดยหลังจากได้ทดลองขับ ทางซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯ ได้ให้คำตอบช่วง Q&A ว่า ตัวแบทเตอรีต้องมากกว่า 3 ขีด เพื่อให้แบทเตอรีมาช่วยส่งกำลังของรถ
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานจากการขับตั้งแต่วังเวียงเข้าสู่ตัวเมืองเวียงจันทน์ (ประตูไซ) สามารถทำได้ประมาณ 17.4 กม./ลิตร
บรรยากาศภายในห้องโดยสาร หลังจากที่ขับมาได้สักระยะหนึ่ง พบว่าสิ่งที่กวนใจเกือบตลอดเส้นทาง คือ “เสียง” เป็นเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากบริเวณเสาเอ ได้ยินเสียงลมภายนอกค่อนข้างชัดอยู่พอสมควร และยังได้ยินเสียงยางอยู่เป็นระยะๆ
ระบบควบคุมในส่วนของฟังค์ชันบริเวณพวงมาลัยก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถญี่ปุ่น หรือผู้บริโภคทั่วไปค่อนข้างจะคุ้นชินกันอยู่แล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคันที่ทำออกมาให้สามารถใช้งานได้ง่าย ทั้งระบบต่างๆ ที่ต้องสั่งการผ่านพวงมาลัย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน ฯลฯ สามารถสั่งการ และระบบก็ทำงานได้ดีเยี่ยม ในส่วนของจอแสดงผลข้อมูล HEAD-UP DISPLAY หรือ HUD พอเราปรับเบาะนั่งพอดีกับตัวเราแล้ว กลับมองไม่เห็น และการปรับก็ทำได้ค่อนข้างยาก จึงทำให้ต้องปิดการใช้งานไป
การออกแบบภายในห้องโดยสาร วัสดุที่ให้มาให้ความรู้สึกเป็นพลาสติคส่วนใหญ่ ปุ่มฟังค์ชันต่างๆ ทำออกมาเรียบง่าย เข้าใจได้ง่าย คล้ายว่าหลับตาจับก็รู้ได้ว่าสิ่งที่จับอยู่เป็นอะไร แม้จะมีบางสิ่งที่อาจจะดูโบราณไปบ้าง แต่รวมๆ แล้วการใช้งานที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย ทำให้การดูแลรักษา หรือการบำรุงรักษา ก็ทำได้ง่ายเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ชื่นชอบในตัว SUZUKI FRONX อีกอย่างก็คือ ระบบช่วยเหลือต่างๆ แม้ว่าจะได้ทดลองขับชมวิวบรรยากาศในวังเวียงไม่มากเท่าไรนัก แต่ก็พอได้ทดลองระบบต่างๆ อยู่พอสมควร อย่างแรก คือ ADAPTIVE CRUISE CONTROL (ACC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ทำได้ดีทั้งอัตราเร่ง ทำระยะห่างจากรถคันแรก และการเบรคเพื่อเว้นระยะห่างตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ เบรคได้นุ่มนวลกว่าที่คิด และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LANE KEEP ASSIST (LKA) ก็ไม่ได้กระชาก หรือเตือนเรามากขนาดนั้น
หากถามว่ารถคันนี้เหมาะกับใคร ผมตอบได้ว่าเหมาะกับคนที่ไม่ได้มองความเร็วเป็นหลัก ไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ หากมองเรื่องของการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับเข้าเมืองไปทำงาน ขับกลับบ้านแถวชานเมือง หรือขับไปบ้านที่ต่างจังหวัดอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ผมว่าคันนี้ก็เหมาะสมที่จะเป็นรถคันที่ 2 ในบ้าน หรือเหมาะกับคุณแม่บ้าน คุณผู้หญิง ซึ่งให้ทั้งความปลอดภัยในเรื่องการใช้งานพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น KEYLESS ที่ให้มา การชาร์จไร้สาย (แต่จะสะสมความร้อนอยู่หน่อยๆ) จอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อ APPLE CARPLAY แบบไร้สายได้ พวงมาลัยที่รวมฟังค์ชันไว้ให้แล้วในรูปลักษณ์ดีไซจ์นสปอร์ท มาพร้อม PADDLE SHIFT เพิ่มความสนุกในการขับขี่ตลอดทาง วงเลี้ยวที่แคบเพียง 4.8 เมตร ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถเล็ก
โซนผู้โดยสารด้านหลังให้พื้นที่กว้าง นั่งสบาย แม้นั่งไกลอย่างที่ผมนั่งจากเวียงจันทน์เข้าสู่วังเวียง และการนั่งด้านหลังในพื้นที่วังเวียงที่บางจุดยังทำถนน และบางจุดยังเป็นหลุมเป็นบ่อ นั่งก็ยังรู้สึกสบาย ไม่เมา หรือเวียนหัวมากนัก เพียงแต่ผมที่สูง 169 ซม. นั่งด้านหลังแล้วรู้สึกหัวเกือบชนหลังคาของรถ เลยทำให้คิดว่าหากคนที่สูงกว่า 175 ซม. ขึ้นไปอาจจะมีความรู้สึกอึดอัดอยู่พอสมควร ระยะขา LEG ROOM เหลือพื้นที่อยู่มาก นั่งสบาย ตัวเบาะก็ทำออกมาดี กระชับสรีระ ไม่เมื่อยล้าแม้นั่งระยะทางไกล ตัวเบาะหลังปรับไม่ได้ แต่ก็ปรับองศามาได้ดีเยี่ยม ไม่ได้ตั้งตรง ไม่ได้เอนไป กำลังพอดีต่อการนั่ง และที่พักแขนไม่ได้ให้มาด้วย ตรงนี้แอบเสียดายอยู่
สำหรับ SUZUKI FRONX เปิดราคาไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ รุ่น GLX PLUS ราคา 799,000 บาท รุ่น GLX ราคา 749,000 บาท รุ่น GL ราคา 689,000 บาท
ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯ ที่ได้เชิญเราไปทดลองขับ SUZUKI FRONX ที่สปป.ลาว ในเส้นทางเวียงจันทน์-วังเวียง ระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตร ได้ทั้งทดสอบตัวรถอย่างเจ้า SUZUKI FRONX ที่มาในราคาสุดคุ้ม ในตัวเริ่มต้นราคา 689,000 บาท และยังได้ชมบรรยากาศในสถานที่สุด UNSEEN ของวังเวียง ทำให้ได้สัมผัสว่า SUZUKI FRONX เอาอยู่ในทุกสถานการณ์ ทั้งขับในเมือง และนอกเมือง หรือในพื้นที่ธรรมชาติแบบวังเวียง เป็นรถที่ไว้ใจได้ และอาจจะเป็นเพื่อนคู่ใจคันใหม่ของคุณก็ได้ อยากให้มาลองสัมผัสครับ
บทความแนะนำ

