SHELL ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์นั่ง ทั้งในด้านปริมาณ และมูลค่า โดยมี SHELL HELIX ULTRA เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในกลุ่มน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้
SHELL (เชลล์) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และประกาศขึ้นแท่นอันดับ 1 ในตลาดน้ำมันหล่อลื่นไทย และทั่วโลก “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ แมนซี ทรีพาธี กรรมการบริหารอาวุโส ฝ่ายธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น บริษัท เชลล์ เอเชียแปซิฟิค จำกัด ซารา สมิทธิ์ กรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาด ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น บริษัท เชลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม จำกัด และกมลพัทธ์ พหลโยธิน กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
ฟอร์มูลา : ปัจจัยความสำเร็จของน้ำมันหล่อลื่น SHELL คืออะไร ?
เชลล์ : ที่ผ่านมา SHELL ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการผลิตสินค้าระดับพรีเมียม และการพัฒนานวัตกรรม ผนวกกับพลังของบแรนด์ SHELL และความมุ่งมั่นดูแลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ด้วยประสบการณ์กว่า 100 ปี SHELL LUBRICANTS จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้า B2B กว่า 1 ล้านรายในกว่า 175 ตลาดทั่วโลกไว้วางใจ จนทำให้มีความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับ 1 18 ปีติดต่อกัน เช่น SHELL HELIX, SHELL ADVANCE, RIMULA, SPIRAX, TELLUS และ OMALA
กลยุทธ์ความสำเร็จ คือ การมุ่งมั่น “ขับเคลื่อนความก้าวหน้าให้โลก วันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดียิ่งขึ้น” (KEEP THE WORLD PROGRESSING TODAY FOR TOMORROW) ผ่านการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ช่วยลดแรงเสียดทาน จัดการความร้อน ยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานทั่วไป และการใช้งานเฉพาะด้านของอุตสาหกรรม โดยมีการลงทุนด้านวิจัย และพัฒนา (R&D) ในระดับ GLOBAL อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่แตกต่าง และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ
จากข้อมูลของ KLINE & COMPANY เราครองตำแหน่งผู้จัดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 11.6 % โดยในปี 2566 การจำหน่ายน้ำมัน หล่อลื่น SHELL ทั่วโลกกระจายตัวในสัดส่วนใกล้เคียงกันใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ น้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล 36 % สำหรับภาคอุตสาหกรรม 33 % และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 31 % นอกจากนี้ เรายังมองหาโอกาสในตลาดผลิตภัณฑ์ของเหลวใหม่ๆ เช่น ของเหลวสำหรับการจัดการความร้อนของแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสำหรับใช้ในศูนย์ข้อมูล (DATA CENTERS)
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์รุกตลาดน้ำมันเครื่องพรีเมียมในประเทศไทย ?
เชลล์ : ตลาดน้ำมันหล่อลื่นไทยปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 3.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 101,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย/ปีราว 6.3 % (หรือ 3.9 % เมื่อคำนวณเป็นเงินบาท) ในช่วงปี 2566-2571
จากรายงานของ KLINE & COMPANY ปัจจุบัน SHELLl HELIX เป็นผู้นำตลาดน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทย และการเปิดตัว SHELL HELIX ULTRA สูตรใหม่ล่าสุด ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HELIX ทั้งหมด จะทำให้ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และขยายการเติบโตในตลาดรถยนต์นั่งอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2025 ตามเป้าหมายที่วางไว้
ฟอร์มูลา : ตลาดประเทศไทยมีความสำคัญกับ SHELL อย่างไร ?
เชลล์ : ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค ส่งออกน้ำมันหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์จาระบีไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วเอเชีย และโอเชียเนีย อีกทั้งในการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ SHELL มีความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ (OEMs) มากมาย และล่าสุดได้เปิดตัว SHELL LUBRICANT SERVICES-โซลูชันครบวงจรในการให้คำปรึกษาทางเทคนิค ด้านน้ำมันหล่อลื่นที่พร้อมให้บริการทั่วประเทศ
ฟอร์มูลา : แผนงานการรุกตลาด และขยายฐานลูกค้า ของ SHELL HELIX ULTRA?
เชลล์ : SHELL HELIX ULTRA เดินหน้าขยายฐานด้วยกลยุทธ์ที่นอกจากจะรักษากลุ่มลูกค้าพรีเมียมเดิมแล้ว ยังมุ่งเจาะตลาดใหม่ ได้แก่ (1) เจ้าของรถรุ่นใหม่ (2) ผู้ที่เริ่มใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบครั้งแรก และ (3) ผู้ขับขี่ในเมืองที่ให้ความสำคัญทั้งด้านสมรรถนะ และการปกป้องเครื่องยนต์ โดยใช้แคมเปญเฉพาะกลุ่ม ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ และพโรแกรมอบรมช่างยนต์ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เคยถูกมองข้าม
ขณะเดียวกัน พื้นที่เมืองรอง และต่างจังหวัดก็เป็นแหล่งเติบโตที่สำคัญ แม้เดิมจะเป็นตลาดของบแรนด์ท้องถิ่น หรือสินค้าราคาประหยัด แต่ SHELL มองเห็นโอกาสจากความต้องการดูแลเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพมากขึ้น และความนิยมในการยืดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ช่วยให้ SHELL HELIX ULTRA ซึ่งได้รับการรับรองจากผู้ผลิตรถยนต์ (OEMs) และมีจุดเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว พร้อมเสริมด้วยกลยุทธ์ด้านการอบรมช่าง การจัดกิจกรรม ณ จุดขาย และการจัดดิจิทอลแคมเปญที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละพื้นที่
ฟอร์มูลา : คุณสมบัติเด่นของ SHELL HELIX ULTRA?
เชลล์ : SHELL ทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่างใกล้ชิด เช่น FERRARI (แฟร์รารี), BMW (บีเอมดับเบิลยู) และ HYUNDAI (ฮันเด) โดยที่ SHELL HELIX ULTRA ผ่านมาตรฐานสากล และได้รับการรับรองจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำเหล่านี้ ยืนยันถึงประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ทั้งด้านการปกป้องเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า และความเข้ากันได้กับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าได้ใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสม และได้มาตรฐานสูงสุด
SHELL HELIX ULTRA ยังคงตอกย้ำการเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมด้วยสูตรที่เหนือกว่า และเทคโนโลยี PUREPLUS เอกสิทธิ์เฉพาะของ SHELL แม้จะคงราคาเท่ากับรุ่นก่อนหน้า แต่เน้นกลยุทธ์การขายแบบเน้นคุณค่า (VALUE-BASED SELLING) ชูจุดเด่นด้านการปกป้องเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน และประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล API SQ เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ACEA C6 และล่าสุด ILSAC GF-7 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านการวิจัย และพัฒนา (R&D) ที่ SHELL ลงทุนกว่า 35,000 ล้านบาท/ปี โดยมีศูนย์วิจัย 5 แห่งในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทีมนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,500 คนทั่วโลก
SHELL ยังได้ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยมี 2 วัตถุประสงค์หลัก คือ ส่งเสริมความยั่งยืน ด้วยการใช้การรีไซเคิล และลดการใช้พลาสติค ผ่านบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูง 100 % (PCR) และปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย เพื่อให้โดดเด่นบนชั้นวางสินค้า พร้อมสื่อสารคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : SHELL ตั้งเป้าหมายสำหรับ SHELL HELIX ULTRA ไว้อย่างไร ?
เชลล์ : SHELL ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์นั่ง ทั้งในด้านปริมาณ และมูลค่า โดยมี SHELL HELIX ULTRA เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในกลุ่มน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ผ่านจุดแข็งของบแรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ และแคมเปญเฉพาะกลุ่มในช่องทางการค้า อู่ซ่อมรถ และพแลทฟอร์มดิจิทอล เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงมากขึ้น และขยายฐานไปยังลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง

