วิถีตลาดรถยนต์
ผ่านไป 3 ไตรมาสแล้ว
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2025/2024
ตลาดโดยรวม +23.8 %
รถยนต์นั่ง +25.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +54.8 %
กระบะ 1 ตัน +2.7 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +46.3 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กันยายน 2025/2024
ตลาดโดยรวม +2.4 %
รถยนต์นั่ง +2.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +12.8 %
กระบะ 1 ตัน -9.8 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +38.3 %
ไตรมาส 3 ของปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-วันที่ 30 กันยายน สำหรับปี 2568 นี้ ไตรมาส 3 ของปีเริ่มต้นไม่สวยนัก ด้วยความวุ่นวาย และความรุนแรงในเขตชายแดนทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม การสิ้นสุดของรัฐบาลที่นำโดยนายกหญิงในเดือนสิงหาคม และการเริ่มต้นของรัฐบาลชุดใหม่ในเดือนกันยายน ร้อนแรงพอสมควรสำหรับไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม ชีวิตต้องดำเนินต่อไปเช่นเดียวกับการดำเนินธุรกิจต่างๆ ที่ต้องเดินหน้าต่อไป สำหรับการซื้อขายรถยนต์ใหม่ในบ้านเราในไตรมาส 3 ของปีปรับตัวไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะดีขึ้นกว่าในปี 2567 ถึงแม้ว่าจะยังมีความวิตกกังวลในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นรวมไปถึงการที่สถาบันการเงินยังคงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยานยนต์ โดยเฉพาะตลาดรถพิคอัพ ตัวเลขยอดจำหน่ายรถในไตรมาส 3 เริ่มปรับตัวเป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถพิคอัพที่สุดท้ายในเดือนกันยายน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดตลาดรถพิคอัพสายพันธุ์ใหม่ของค่าย GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ที่เทียบกับพิคอัพเจ้าตลาดเดิมแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่เป็นรองแต่อย่างใด
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถใหม่ป้ายแดงเดือนกันยายน 2568 สิ้นสุดลงที่ 48,350 คัน เทียบกับเดือนกันยายน 2567 แล้วเพิ่มขึ้น 9,302 คัน หรือเพิ่มขึ้น 23.8 % โดยรถยนต์จากเมืองจีน ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สามารถปิดตัวเลขยอดขายสูงสุด อยู่ในอันดับที่ 5 สำหรับค่าย BYD (บีวายดี) โดยอันดับ 1 ยอดจำหน่ายสูงสุดยังคงเป็น TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายได้ 18,472 คัน เพิ่มขึ้น 3,161 คัน หรือเพิ่มขึ้น 20.6 % เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ส่วนแบ่งการตลาดรับไป 38.2 % อันดับ 2 HONDA (ฮอนดา) จำหน่ายได้ 5,092 คันเพิ่มขึ้น 727 คัน หรือเพิ่มขึ้น 16.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.5 % อันดับ 3 ISUZU (อีซูซุ) 4,931 คัน ลดลง 1,149 คัน หรือลดลง 18.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.2 % อันดับ 4 MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) 2,569 คัน เพิ่มขึ้น 476 คัน หรือเพิ่มขึ้น 22.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.3 % และอันดับ 5 BYD 2,562 คัน เพิ่มขึ้น 1,203 คัน หรือเพิ่มขึ้น 88.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.3 %
จบไตรมาส 3 ของปี รถใหม่ป้ายแดงจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 449,286 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ถึง 10,627 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.4 % ยอดจำหน่ายสะสมมากสุดยังคงเป็น TOYOTA จำหน่ายไปแล้ว 167,800 คัน เพิ่มขึ้น 582 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 37.3 % อันดับ 2 ISUZU จำหน่ายไปแล้ว 53,503 คัน ลดลง 11,766 คัน หรือลดลง 18.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.9 % อันดับ 3 HONDA จำหน่ายแล้ว 51,009 คัน ลดลง 7,302 คัน หรือลดลง 12.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.4 % อันดับ 4 BYD จำหน่ายแล้ว 32,281 คัน เพิ่มขึ้น 10,044 คัน หรือเพิ่มขึ้น 45.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.2 % และอันดับ 5 MITSUBISHI จำหน่ายแล้ว 20,492 คัน เพิ่มขึ้น 136 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 %
รถพิคอัพ 1 ตัน ยอดขายเดือนกันยายนพอได้ยิ้มบ้าง เพราะผลประกอบการรวมกันเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 และน่าจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่ TOYOTA และ ISUZU เปิดตัวรถพิคอัพรุ่นใหม่ เดือนกันยายนตลาดรถพิคอัพ ทำยอดจำหน่ายรวมกันได้ 14,354 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2567 ถึง 382 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.7 % พิคอัพมหาชน TOYOTA HILUX REVO (โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว) จำหน่ายได้ 6,602 คัน ครองอันดับ 1 มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 114 คัน หรือ 1.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 46.0 % อันดับ 2 ISUZU 4,080 คัน ลดลง 1,021 คัน หรือลดลง 20.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 28.4 % อันดับ 3 FORD (ฟอร์ด) 1,374 คัน เท่ากับที่เคยจำหน่ายได้ในเดือนกันยายน 2567 ส่วนแบ่งการตลาด 9.6 % ส่วนพิคอัพน้องใหม่ GWM เปิดตลาดสวยหรูด้วยยอดจำหน่าย 1,045 คัน คว้าอันดับ 4 ไปครองส่วนแบ่งการตลาด 7.3 % และอันดับ 5 MITSUBISHI 1,000 คันถ้วน เพิ่มขึ้น 302 คัน หรือเพิ่มขึ้น 43.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.0 %
ผ่านไป 3 ไตรมาส ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่จำหน่ายรวมทั้งสิ้น 138,510 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มียอดจำหน่ายลดลง 14,994 คัน หรือลดลง 9.8 % อันดับ 1 พิคอัพ TOYOTA 62,424 คัน เทียบกับ 3 ไตรมาสปี 2567 แล้วลดลง 8,208 คัน หรือลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 45.1 % อันดับ 2 ISUZU จำหน่ายแล้ว 46,135 คัน ลดลง 10,677 คัน หรือลดลง 18.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 33.3 % อันดับ 3 FORD จำหน่ายแล้ว 13,805 คัน ลดลง 2,299 คัน หรือลดลง 14.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.0 % อันดับ 4 MITSUBISHI 7,923 คัน เพิ่มขึ้น 1,356 คัน เพิ่มขึ้น 20.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.7 % และอันดับ 5 GWM ที่เอาจริงแล้วจำหน่ายได้ 5,499 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.0 %
สำหรับรถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือรถเอสยูวี มีตัวเลขยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เดือนกันยายน 2568 จำหน่ายรวม 10,182 คัน เพิ่มขึ้นถึง 3,606 คัน หรือเพิ่มขึ้น 54.8 % เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 1 TOYOTA จำหน่ายได้ 4,173 คัน เพิ่มขึ้น 1,056 คัน หรือเพิ่มขึ้น 33.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 41.0 % อันดับ 2 HONDA 2,056 คัน เพิ่มขึ้น 1,117 คัน หรือเพิ่มขึ้น 119.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 20.2 % อันดับ 3 BYD 1,383 คัน เพิ่มขึ้น 497 คัน เพิ่มขึ้น 56.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 13.6 % อันดับ 4 CHANGAN (ฉางอัน) 832 คัน เพิ่มขึ้น 550 คัน เพิ่มขึ้น 195.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.2 % และอันดับ 5 MG 673 คัน เพิ่มขึ้น 369 คัน เพิ่มขึ้น 121.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.6 %
จบไตรมาส 3 รถเอสยูวี จำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 101,013 คัน เทียบกับปี 2567 เพิ่มขึ้น 11,500 คัน หรือเพิ่มขึ้น 12.8 % รถ SUV ยอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ TOYOTA จำหน่ายรวม 37,582 คัน เพิ่มขึ้น 9,956 คัน เพิ่มขึ้น 20.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 33.8 % อันดับ 2 HONDA 28,658 คัน ลดลง 5,323 คัน ลดลง 15.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 16.5 % อันดับ 3 BYD 14,690 คัน ลดลง 709 คัน ลดลง 4.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.4 % อันดับ 4 MG (เอมจี) 12,647 คัน เพิ่มขึ้น 2,878 คัน เพิ่มขึ้น 29.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.3 % และอันดับ 5 MITSUBISHI 8,385 คัน ลดลง 5,355 คัน ลดลง 39.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.8 %
สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนกันยายน 2568 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 4,143 คัน เพิ่มขึ้น 1,311 คัน หรือเพิ่มขึ้น 46.3 % เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ตลาดนี้ปิดไตรมาส 3 ของปี ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 35,652 คัน เพิ่มขึ้น 9,872 คัน หรือเพิ่มขึ้น 38.3 % เดือนกันยายน 2568 มีการจดทะเบียนรถเอสยูวี และพิคอัพรวมทั้งสิ้น 29,084 คัน เพิ่มขึ้น 2,072 คัน หรือ 7.7 % เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567





