วิถีตลาดรถยนต์
"มอเตอร์ โชว์"
ที่หวังกันไว้ว่ายอดจำหน่ายรถในเดือนเมษายน จะกระเตื้องขึ้นจากอานิสงส์ของการจัดงานมอเตอร์โชว์ที่ไบเทค บางนา ที่มีทั้งรถรุ่นใหม่แบบแกะกล่อง หรือเขียนคิ้วทาปากยกหน้ากันใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายที่เททะลักหนุนเนื่องกันออกมา ไม่เป็นอย่างที่คิดไปเสียแล้วเพราะยอดจำหน่ายรถในเดือนเมษายน เดือนที่มีวันหยุดเทศกาลต่อเนื่องหลายวัน ยังคงปักหัวทิ้งดิ่งลงเหวต่อไป หลายค่ายทำใจเอาไว้บ้างแล้ว ว่าคงต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายเดือน เนื่องจากหลากหลายปัญหาที่รุมเร้าพ่อแม่พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องฝนฟ้าแปรปรวนมาโดยตลอด และสภาพเศรษฐกิจในช่วงชะลอตัว รอความแน่ชัดทางการเมือง หลายคนบอกว่า ถ้าผ่านการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่รัฐบาลขิงแก่กำหนดเอาไว้ในช่วงปลายปี คงจะเห็นทิศทางที่แจ่มใสมากขึ้น แต่ก็คงจะสายไปสำหรับยอดการจำหน่ายรถปี 2550 เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปี 2549 คงต้องเป็นปีที่ปิดบัญชีกันด้วยตัวเลขสีแดงเป็นแน่แท้
เดือนเมษายน ยอดการจำหน่ายรถปิดยอดที่ 49,658 คัน แตกต่างจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 7.3 %ตัวเลขที่แตกต่างกันนี้ส่วนใหญ่มาจากผลต่างของยอดการจำหน่ายรถนั่งส่วนบุคคลที่แตกต่างจากเดือนเมษายนปีที่แล้วถึง 2,753 คัน ในบรรดาผู้จำหน่ายรถทั้งหมด โตโยตา มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเกือบทุกตลาด โดยจำหน่ายได้ทั้งสิ้น 20,331 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 40.9 % โดย อีซูซุ จำหน่ายได้เป็นอันดับสอง 12,272 คัน ส่วนแบ่งตลาด 24.7 % ส่วนอันดับสาม ฮอนดา 4,203 คัน อันดับสี่ นิสสัน 3,858 คัน และอันดับห้า ในเดือนนี้เป็นของ มิตซูบิชิ 2,340 คัน
อย่างไรก็ตามมีเพียง นิสสัน บแรนด์เดียวเท่านั้น ที่มีผลประกอบการเติบโตสูงขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว โดยเติบโตสูงขึ้น 53.8 % ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักกับการเติบโตของ นิสสันเพราะในช่วงเวลาดังกล่าวของปีที่แล้ว นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา ยังไม่ได้ออกจำหน่าย แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาแล้วว่า นิสสัน จะมีพิคอัพรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แล้วก็ยึกยักมาตลอด จนคลอดอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเป็นโพรดัคท์ที่สร้างยอดจำหน่ายเป็นกอบเป็นกำให้กับ นิสสัน ในเวลานี้
เดือนเมษายน เป็นอีกเดือนที่ อีซูซุ ยังครองความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อได้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้ โตโยตา คู่แข่งจะอัดแคมเปญออกมาอย่างหนักหน่วง แต่ อีซูซุ ยังคงประคองตัวรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ด้วยยอดจำหน่าย 10,611 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 37.4 % ขณะที่ ไฮลักซ์ วีโก ของ โตโยตา ที่ถึงแม้จะมียอดการจำหน่ายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง โตโยตา ตามมาด้วยยอด 9,785 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 34.5 % อันดับสาม นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา 2,837 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 10.0 % อันดับสี่ เป็นของ มิตซูบิชิ ทไรทัน จำหน่ายได้ 1,775 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 6.3 % และอันดับห้า เชฟโรเลต์ 1,213 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 4.3 % ตลาดรวมทั้งหมดอยู่ที่ 28,357 คัน แตกต่างจากเดือนเมษายน ปี 2549 เล็กน้อยแค่ 1.6 % เท่านั้น
ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยอดการจำหน่ายกลับแตกต่างมากถึง 24.4 %โดยทุกยี่ห้อที่มีพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ จำหน่ายรวมกันได้ 1,873 คัน มี โตโยตา ทำยอดจำหน่ายถึง 1,123 คัน ส่วนแบ่งตลาด 60.0 % ที่เหลืออีก 40 % แบ่งให้กับ นิสสัน 17.0 % จำหน่ายไปได้ 318 คัน อีซูซุ 9.3 % จำหน่ายได้ 175 คัน มิตซูบิชิ 5.8 % จากยอดจำหน่าย 109 คัน และฟอร์ด 71 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 3.8 %
ด้านรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มีตัวเลขหดหายลงไปอีก 18.0 % เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้วเดือนนี้ทำยอดจำหน่ายรวมกันได้เพียง 12,547 คัน ฮอนดา รับบทเป็นพระเอกผู้เสียสละมียอดจำหน่ายที่ลดน้อยถอยลงมากที่สุดถึง 2,530 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว สาเหตุน่าจะมาจากการที่ โตโยตา มี วีออส ใหม่ออกมาในช่วงนี้ เรียกว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น วีออส ป้ายแดงออกมาวิ่งกันเกลื่อนเมือง ทำให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์นั่ง โตโยตา ไม่ตกมากนักเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้ว โดย โตโยตา จำหน่ายได้ 6,445 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 51.4 % ส่วน ฮอนดา จำหน่ายได้เพียง 3,416 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 27.2 % แต่ก็เป็นเพียง 2 ยี่ห้อที่จำหน่ายรถยนต์นั่งของตนได้เกินหลักพันขึ้นไป
นอกนั้นยังเสมอต้นเสมอปลายอยู่ในหลักร้อย หลักสิบ หลักหน่วยโดยรถที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม ได้แก่ เชฟโรเลต์ อาวีโอ และออพทรา จำหน่ายรวมกัน 2 โมเดลได้ 810 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 6.5 % ส่วน ทิอิดา, เทอานา รวมถึงรุ่นเก่าๆ แต่ยังคงมีความต้องการในการใช้งานอย่าง นิสสัน เอนวี และซันนี นีโอ จำหน่ายรวมกันได้ 448 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 3.6 % และอันดับห้า เป็นของ ฟอร์ด โฟคัส รถยุโรปยอดนิยม จำหน่ายได้
378 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.0 %
สำหรับรถเอสยูวี ที่กำลังมี ฮอนดา ซีอาร์-วี ใหม่ เป็นตัวเดินตลาดอยู่ ก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรมมียอดจำหน่ายติดลบ 7.2 % ที่เป็นความแตกต่างจากเดือนเมษายนปี 2549 ถึง โตโยตาจะยังคงอยู่ที่หัวแถวของตลาดรถกลุ่มนี้ แต่เดือนเมษายนปีนี้ ติดลบถึง 51.5 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยจำหน่ายได้เพียง 1,027 คัน ขณะที่เดือนนี้ของปีที่แล้ว จำหน่ายไปได้ถึง 2,118 คัน สวนทางกับ ฮอนดา ซีอาร์-วี ใหม่ ที่ทำยอดจำหน่ายได้ 787 คัน เติบโตขึ้น 1,917.9 % ส่วน อีซูซุ จำหน่ายได้ 634 คัน อยู่ในลำดับที่สาม มีส่วนแบ่งตลาด 23.5 % อันดับสี่ เป็นของ ฟอร์ดจำหน่ายได้ 107 คัน มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 4.0 % และอันดับห้า เป็นของ นิสสัน เอกซ์-ทเรล 82 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.0 %
รถเอมพีวี ทั้งตลาดจำหน่ายรวมกันได้ 820 คัน ติดลบ 24.6 % แบ่งออกเป็น โตโยตา 614 คันส่วนแบ่งตลาด 74.9 % มิตซูบิชิ 124 คัน ส่วนแบ่งตลาด 15.1 % ซังยง 28 คัน เกีย 23 คัน และซูซูกิ 15 คัน
ยอดจำหน่ายรถรวม 4 เดือนแรกของปี 2550 อยู่ที่ 187,928 คัน แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 15.9 % แบ่งออกเป็น
รถนั่งส่วนบุคคล 48,076 คัน ติดลบ 16.2 %
รถพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ 105,748 คัน ติดลบ 17.2 %
รถพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ 6,920 คัน ติดลบ 38.8 %
รถเอสยูวี 11,118 คัน ติดลบ 0.8 %
รถเอมพีวี 3,028 คัน ติดลบ 22.3 % และรถประเภทอื่นๆ 13,038 คัน เติบโตสูงขึ้น 8.8 %
ในเดือนพฤษภาคม ยังคงมีการโหมแคมเปญกระตุ้นยอดจำหน่ายกันอย่างต่อเนื่องทั้งบแรนด์เล็กและใหญ่ แต่ไม่แน่ใจว่า จะสู้กับสถานการณ์ปัจจัยลบที่มีทั้งระยะเวลาการเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ ที่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยศึกษา ต้องควักกระเป๋าจ่ายกันเป็นมัน รวมไปถึงการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซัน และการที่ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น เบนซิน 95 ทะลุ 30 บาท/ลิตร คงต้องดูว่า ยอดจำหน่ายรถในประเทศจะหัวทิ่มปักลงดินอีกมากน้อยเท่าใด ?
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57846