ไตรมาสแรกของปีนี้ โตโยตา สามารถทำยอดขายทั่วโลกได้เป็นอันดับ 1 ขณะที่ในประเทศไทย โตโยตา ก็เป็นผู้นำตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เบื้องหลังความสำเร็จของ โตโยตา คือ อะไร และจะรักษาแชมพ์ไว้ได้อย่างไร ในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการแข่งขันที่เข้มข้น "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ มิสึฮิโร โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ฟอร์มูลา : คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับ โตโยตา ประเทศไทย ?
โซโนดะ : การร่วมงานกับ โตโยตา ประเทศไทย แตกต่างจากการทำงานในหลายประเทศที่ผ่านมาระบบการทำงานของประเทศไทย ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันกับบริษัท และมีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนในการทำงาน โดยเฉพาะการได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม ที่สำคัญ โตโยตา ประเทศไทย เป็นที่เดียวของ โตโยตา ทั่วโลก ที่มีฝ่ายผลิต และฝ่ายการตลาดอยู่ในบริษัทเดียวกัน รวมทั้งยังเป็นบริษัทใหญ่ ก่อตั้งมานาน มีพนักงานจำนวนมากที่ร่วมงานกันกับบริษัทมายาวนาน ซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท ฯ
4-5 ปีที่ผ่านมา โตโยตา มีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีพนักงานใหม่เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นโอกาสดีที่พนักงานใหม่จะได้เรียนรู้หลักในการทำงานตามปรัชญาของบริษัท ฯหรือ TOYOTA WAY หนึ่งในหลักการนี้ คือ การมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์แก่ลูกค้าให้มากที่สุด
นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งเมื่อเข้ารับตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน ได้เดินทางไปเยี่ยมตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 50 แห่ง และทำให้บริษัท ฯ ได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนางานด้านการผลิต และการขายต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ มีหลักข้อหนึ่งของบริษัท ฯ ว่า RESPECT TO PEOPLE คือ การให้ความเคารพต่อพนักงานที่มีหน้าที่ให้บริการของบริษัท ฯ ทั้ง พนักงานขาย พนักงานซ่อมบำรุง พนักงานไฟแนนศ์ มองว่า หากพนักงานเหล่านี้ได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง เขาจะให้ความเคารพต่อลูกค้ามากเท่าที่เขาได้รับ และสิ่งนี้จะสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัท ฯ เชื่อมั่นว่า ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง ล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายเช่นนี้อยู่แล้ว
เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มทำงานที่บริษัท โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ในตำแหน่งวิศวกรรมด้านงานบริการ จากนั้นย้ายไปประจำที่ประเทศออสเตรเลีย 3 ปี แล้วจึงย้ายกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น รับผิดชอบด้านสหภาพแรงงาน หลังจากนั้นย้ายไปอยู่สายงานวางแผนผลิตภัณฑ์ ประจำที่ประเทศอังกฤษ 2 ปีครึ่ง ประเทศเบลเยียม 2 ปีครึ่ง จึงกลับมารับผิดชอบด้าน ASIA DIVISION ดูแลงาน CORPORATE PLANNING ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนมาประจำอยู่ในประเทศไทย จึงสามารถที่จะนำประสบการณ์ต่างๆ มาผสมผสานเพื่อความสำเร็จยิ่งขึ้นของ โตโยตา ในอนาคต
ฟอร์มูลา : มองสถานการณ์ของประเทศไทยตอนนี้อย่างไร ?
โซโนดะ: แม้หลายคนจะมองว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะถดถอย แต่ผมมองว่า นี่เป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงไปสู่อีกยุคหนึ่ง โดยบริษัท ฯ ได้วางนโยบายและแผนงานเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ นโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้มากที่สุด ด้วยผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่ดี
ฟอร์มูลา : จุดไหนของการดำเนินงานที่คุณมองว่าต้องปรับปรุง ?
โซโนดะ : ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท ฯ มีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ ยอดส่งออกมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 50:50 ส่งผลให้การทำงานของฝ่ายขายต่างประเทศ อาจมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ขณะนี้บริษัท ฯ กำลังปรับปรุงการทำงานให้มีความคล่องตัว และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับยอดส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
ฟอร์มูลา : คาดการณ์ตลาดรถยนต์ในปีนี้ไว้อย่างไร ?
โซโนดะ : ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์นั่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ส่วนยอดขายรถพิคอัพเฉพาะเดือนเมย.-มิย. เติบโตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและหากบริษัทใดมีผลิตภัณฑ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับในตลาด โอกาสที่จะเติบโตก็มีมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างมากในปัจจุบัน คือ โตโยตา แคมรี/โตโยตา วีออส/ฮอนดา ซีวิค/โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก และ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ทั้งนี้คาดว่าทั้งปีตลาดรถยนต์ในประเทศไทย น่าจะมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 650,000 คัน และ โตโยตา จะพยายามทำยอดจำหน่ายให้ได้เท่ากับปีที่ผ่านมา คือ 289,000 คัน
ฟอร์มูลา : คุณมีนโนบายเกี่ยวกับอีโคคาร์อย่างไร ?
โซโนดะ : จากนโยบายหลักของบริษัท ฯ ด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และในฐานะบแรนด์อันดับ 1 ของตลาดรถยนต์เมืองไทย บริษัท ฯ ต้องดำเนินการเพื่อตอบรับกับนโยบายนี้อย่างแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับฝ่าย R&D ของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น เรื่องรุ่นของรถ และช่วงเวลาที่จะเปิดตัวสู่ตลาด โดยเฉพาะเรื่องการผลิต ที่ต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนด อาทิ การประหยัดน้ำมัน
ทั้งนี้ การที่บริษัท ฯ จะผลิตรถดังกล่าวออกมา ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นบแรนด์อันดับ 1 ในตลาดเท่านั้นสิ่งที่บริษัท ฯ ต้องการทำต่อไป คือ การผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรถทุกรุ่นที่จำหน่ายสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ มีอัตราการใช้น้ำมันที่ดีขึ้น การปรับปรุงเครื่องยนต์ที่สามารถใช้ร่วมกับพลังงานทดแทนได้ แม้แต่การใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงในส่วนของโรงงานด้วย
ฟอร์มูลา : แผนการผลิตรถอีโคคาร์ของ โตโยตา จะเป็นอย่างไร ?
โซโนดะ : ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยการผลิตรถอีโคคาร์นั้น ต้องให้สอดรับกับข้อกำหนดจากภาครัฐ คือ การประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ ต้องมีราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ ทั้งยังต้องคำนึงถึงสเปคของตัวรถ ระบบทรานมิสชันแบบที่ลูกค้าต้องการ อาทิ การพัฒนาเกียร์อัตโนมัติให้สามารถประหยัดน้ำมัน โดยวิ่งได้ลิตรละ 20 กม. ซึ่งถือเป็นอุปสรรคทางเทคโนโลยีที่บริษัท ฯ ต้องแก้ไขให้ได้ แม้การผลิตเกียร์กระปุกจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า แต่ผู้บริโภคไม่ต้องการ ส่วนการพัฒนารถที่มีขนาดเล็กเกินไป ก็จะสามารถขยายกลุ่มลูกค้าได้ไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดของรัฐบาลยังมีอีกหลายเงื่อนไข ที่ต้องปรึกษากับทางภาครัฐต่อไป เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เช่น การให้อัตราการใช้น้ำมันบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เงื่อนไขอื่นที่ประกอบเป็นสิ่งที่เข้มงวดเกินไปหรือไม่
ฟอร์มูลา : คาดว่าจะผลิตรถอีโคคาร์ออกสู่ตลาดได้เมื่อไหร่ ?
โซโนดะ : การจะเริ่มผลิตรถอีโคคาร์ได้เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับ R&D PLANNING จากการประชุมร่วมกับ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (TMC) ในการวางแผนงาน ทั้งด้านจำนวนวิศวกรควบคุมการผลิต ขั้นตอนการผลิต ตลอดจนระยะเวลาการผลิต โดยขณะนี้วิศวกร R&D ของ TMC ค่อนข้างมีจำกัด เนื่องจากต้องช่วยพัฒนาการผลิต และ R&D ในอีกหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ในการผลิต บริษัท ฯ จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต โดยลงทุนในสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้สามารถกำหนดราคาขายที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้
ฟอร์มูลา : วางนโยบายรองรับการใช้พลังงานทดแทนไว้อย่างไร ?
โซโนดะ : โตโยตา มีการวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการใช้พลังงานทางเลือก โดยขณะนี้กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ใช้ ซีเอนจี ให้ออกสู่ตลาดเร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญเรื่องความคงทน และความน่าเชื่อถือในการใช้งานสำหรับผู้บริโภค ในส่วนของเชื้อเพลิงเอธานอล ปัจจุบันรถยนต์ของ โตโยตา ที่ผลิตหลังปี 1995 สามารถใช้เชื้อเพลิง E10 ได้แล้ว และกำลังพัฒนาให้สามารถใช้เชื้อเพลิง E20 ได้ ส่วนน้ำมันไบโอดีเซล รถเครื่องยนต์ดีเซลของ โตโยตา ทุกรุ่น สามารถใช้ B3, B5 ได้
ส่วนรถยนต์ ไฮบริด ปัจจุบัน ได้มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับ TMC ว่าสามารถประกอบในประเทศไทยได้หรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาในหลายด้าน เช่นสมรรถนะของรถ หากนำมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งมีสภาพอากาศแตกต่างจากยุโรป จะเป็นอย่างไร
ฟอร์มูลา : กลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำของ โตโยตา คืออะไร ?
โซโนดะ : ปัจจุบัน โตโยตา มีส่วนแบ่งในตลาดมากกว่า 40 % การรักษาตำแหน่งผู้นำสิ่งสำคัญ คือต้องรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยทำให้ผู้ใช้รถ โตโยตา รู้สึกชื่นชอบ และสนุกกับการใช้รถ โตโยตา รวมไปถึงการให้บริการของตัวแทนจำหน่ายที่จะต้องสร้างความพึงพอใจสูงสุด นั่นคือ เป็นบันไดขั้นต่อไปของการแนะนำลูกค้าที่ไม่เคยใช้รถ โตโยตา ได้มีโอกาสมาเป็นลูกค้าใหม่ ซึ่งบริษัท ฯ ต้องพยายามเข้าถึงลูกค้าแต่ละคนให้มากที่สุด
ฟอร์มูลา : วางแผนระยะยาวในการทำงานไว้อย่างไร ?
โซโนดะ : อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า โตโยตา เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในประเทศไทย และอยากบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทย อาทิ การผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย สร้างเงินตราเข้าสู่ประเทศ รวมทั้งการสร้างความมั่นคงให้แก่พนักงานทุกคนในบริษัท และครอบครัวของพวกเขา
นอกจากนี้ โดยส่วนตัว ต้องการพัฒนา โตโยตา ให้มีดัชนีความพึงพอใจเป็นที่ 1 ของลูกค้าในทุกสาขาหากทำได้ จำนวนยอดขาย และกำไรของบริษัท ฯ ก็จะตามมาเอง
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2545