คนไทยรู้จักคำว่า "โกอินเตอร์" เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนเข้าใจว่าคงไม่เกิน 12 ปีย้อนหลัง ก่อนหน้านั้นคนไทยรู้จักแต่ "เวลคัม อินเตอร์" มาเถิด...เข้ามากันเถอะ อินเตอร์ ทั้งหลาย เชิญมาประเทศไทย มาแทรกวิถีชีวิตความเป็นคนไทยกับคนไทย
อันที่จริงคนไทยก็มีสิทธิเสรีภาพกับคำว่าอินเตอร์ โลกวันนี้ไม่ใช่โลกเมื่อ 60 ปีที่แล้ว การสื่อสาร หรือการคมนาคมไร้พรมแดน เกือบจะได้ไปเที่ยวดวงจันทร์กันอยู่แล้ว สำมะหาอะไรกับโกอินเตอร์ ของคนไทย
โกอินเตอร์ คงหมายความถึง คนไทยยกระดับตนเองขึ้นไปเทียบฝรั่ง ก็ไม่ผิดอะไร เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพอย่างที่ว่า เสียอย่างเดียวว่าเมื่อโกอินเตอร์ไปแล้วยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า ยังรัก และภูมิใจในความเป็นคนไทยอยู่หรือไม่
ยังจำได้ไหมว่า วันนี้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เพราะความวิจิตรในบ้านในเมือง ในความเป็นคนไทย เพียงช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ก็สามารถทำให้อินเตอร์ทั้งหลายตื่นตะลึงในความมหัศจรรย์ทางความคิดของคนไทยในบรรพกาล
ยังรู้ไหมว่า คนไทย-ชาวนาไทย คือ คนที่เลี้ยงประชากรทั้งโลกด้วย "ข้าวหอมมะลิ" ไม่มีข้าวสารพันธุ์ใดในโลกนี้ มีคุณค่าและความอร่อยเทียบเท่าข้าวหอมมะลิของเรา สองมือจากเกษตรกรผู้ยากจนของประเทศแท้ๆ ทำให้ข้าวไทยมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก
สมัยหนึ่งคนไทยเราตื่นเต้นกันทั้งประเทศ เมื่อฝรั่งอเมริกันมาสร้างถนนมิตรภาพอันยาวเหยียด อย่างมีคุณภาพ ผู้เขียนจำได้ว่าคนไทยยกย่องคุณภาพของถนนสายนี้ ความเรียบของพื้นถนน ทุกคนไทยบอกต่อกันว่า
"น้ำในแก้วไม่กระฉอก (ในเวลารถวิ่งบนถนนมิตรภาพ)"
แต่ความมหัศจรรย์ของถนนมิตรภาพกลับพ่ายแพ้ต้นมะละกอของคนไทย สองข้างถนนมิตรภาพมีต้นมะละกอค่อนข้างเตะตาเตะใจคนไทย จนเกิดความคิดใช้ผลมะละกอมาเป็น "ส้มตำ" ตำกันระเบิดเถิดเทิง ขายพร้อมไก่ย่าง และขายไม่เลือกหน้า ทั้งคนไทยและฝรั่งอินเตอร์
ผู้เขียนยังไม่ลืมคุณงามความดีของ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เพราะท่านเป็นผู้นำของประเทศในช่วงเปลี่ยนแปลงจาก "สยาม" เป็น "ประเทศไทย" พร้อมกับประกาศรัฐนิยมเพื่อสร้างค่าความเป็นคนไทยอีกหลายฉบับ นับตั้งแต่วันที่จอมพล ป. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2481
นโยบายในการสร้างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลัทธิชาตินิยมของจอมพล ป. เช่น ออกกฎหมายคุ้มครอง อุตสาหกรรมภายในประเทศ มีการสงวนอาชีพบางอย่างไว้เฉพาะคนไทย และปลูกฝังให้ประชาชนนิยมใช้สินค้าไทย ด้วยคำขวัญว่า "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ"
รัฐบาลจอมพล ป. ได้เปลี่ยนแปลงประเพณี และวัฒนธรรมบางอย่าง ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และให้เกิดความทันสมัย เช่น ประกาศให้ข้าราชการเลิกนุ่งผ้าม่วง เลิกสวมเสื้อราชปะแตน และให้นุ่งกางเกงขายาวแทน
มีการยกเลิกบรรดาศักด์ และยศข้าราชการพลเรือน
มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" เป็น "ไทย" ในวันที่ 24 มิถุนายน 2482 และเปลี่ยนวันขึ้น ปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายน เป็นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล โดยเริ่มเปลี่ยนในปี 2484 ทำให้ ปี 2483 มีเพียง 9 เดือน
มีการสร้างชาติด้วยวัฒนธรรมใหม่ โดยจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้นเมื่อปี 2485 เพื่อจัดระเบียบการดำเนินชีวิตของคนไทยให้เป็นแบบอารยประเทศ โดยประกาศรัฐนิยมฉบับต่างๆ และสั่งห้ามประชาชนกินหมากโดยเด็ดขาด ให้ผู้หญิงเลิกนุ่งโจงกระเบน เปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงแทน ให้สวมหมวก สวมรองเท้า โดยมีคำขวัญในสมัยนั้นว่า "มาลานำไทยสู่มหาอำนาจ" หากผู้หญิงคนใดไม่ใส่หมวกจะถูกตำรวจจับและปรับ
มีการวางระเบียบการใช้คำแทนชื่ออย่างเป็นมาตรฐาน เช่น คำว่า ฉัน ท่าน เรา มีคำสั่งให้ข้าราชการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ในโอกาสแรกที่พบกัน เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้ รัฐนิยมฉบับที่ 2 ของผู้นำท่านนี้ ยังกำหนดห้ามมิให้คนไทยประพฤติตนเป็นตัวแทนของคนต่างชาติ และห้ามไม่ให้คนไทยขายที่ดินให้แก่คนต่างชาติอีกด้วย
ท่านผู้อ่านจะทราบหรือไม่ก็ตาม ทว่าคำว่า ผัดไท หรือ ผัดไทย นั้นก็เกิดขึ้นจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อรัฐบาลของท่านคิดค้นอาหารไทย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการทำอาหารก๋วยเตี๋ยวก่อให้เกิดเมนูจานเด็ดมาจนถึงวันนี้
เรามีอักษร มีตัวหนังสือไทยของเราเองมาแต่โบราณกาล หลักศิลาจารึกทั้งหลาย คือ ตัวหนังสือไทย ภาษาไทยเป็นหนึ่งภาษาในโลก ที่ออกสำเนียงไพเราะอย่างที่สุด
ซึ่งสิ่งนั้นก็ตกทอดมาถึงวันนี้ และจะตกทอดไปสู่รุ่นลูกหลานของเราในอนาคตตลอดนิรันดร์กาล เช่นเดียวกับวัฒนธรรม การกราบไหว้ การสวดมนต์ ตลอดจนกระทั่งงานประเพณีแต่ละงานอันสอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นคนไทยไม่เคยแห้งเหือด ตั้งแต่ ประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์ จนถึงลอยกระทงอันเลื่องลือไปทั่วโลก
วันนี้ คนไทยไปโกอินเตอร์กันมาก และอย่างที่ผู้เขียนกล่าวไว้แต่ต้นว่า เกิดมาเมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้วนี้เอง การโกอินเตอร์ของคนไทยอยู่ในสายธุรกิจ จะเรียกว่าสินค้าขาออก ก็ไม่น่าจะผิดกติกา ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากอินเตอร์ ก็เห็นจะเป็นธุรกิจในภาคบันเทิงเริงรมย์
ผู้เขียนอ่านข่าวพบนักแสดงคนหนึ่ง เป็นสุภาพสตรีไทย มีบิดาเป็นคนอังกฤษ แต่มีมารดาเป็นคนไทย เธอชื่อ ซารา มาลากุล ขณะบันทึกเรื่องราวนี้ เธอได้เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ฮอลลีวูดถึง 2 เรื่อง และได้ประกาศคุณค่าความเป็นคนไทยอย่างชัดเจน และอย่างน่านับถือ
คุณซารา ปฏิเสธข้อเสนอจากบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ที่จะใช้แค่ชื่อของเธอปรากฏในแผ่นฟีล์ม โดยไม่มีนามสกุล มาลากุล ด้วยการยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่มีนามสกุลไทย มาลากุล ก็จะไม่ยอมรับการแสดงภาพยนตร์แบบไม่คำนึงความเสียหายจากรายได้
ผมต้องขอแสดงความนับถือคุณซารามาด้วยความจริงใจในที่นี้
ความจริงคนไทยลูกครึ่งแบบคุณซารามีไม่น้อย แต่ก็ยากที่จะพบว่ามีคนไทยลูกครึ่งที่ยังรักษาความภูมิใจในการเกิดเป็นคนไทย ได้ยินแต่ความมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้ยินว่าคนที่มีชื่อเสียงคนนั้นเอ่ยอะไรบ้างถึงความเป็นคนไทย
ตอนแรก เขาจะตัดคำว่า มาลากุล ออกจากชื่อ คุณซาราให้สัมภาษณ์ แต่ ซารา บอกว่าไม่ได้ แล้วก็จ้างทนายมาช่วยจัดการเรื่องนี้ ซารา เป็นคนไทย ถึงแม้ว่า ซาร่า จะเป็นคนอังกฤษ แต่ ซารา เติบโตมาจากวงการบันเทิงเมืองไทย ซารา ยอมไม่ได้ เพราะมีคุณแม่เป็นคนไทย คุณแม่เป็นคนที่รัก ซารามากที่สุด ทั้งรักและช่วยเหลือ ซารา มาตลอด เรารักบ้านของเรา คนไทยต่างหากที่ให้โอกาส ซารา จนซารา ได้มายืนตรงนี้
เยี่ยมครับ ผมเชื่อว่าเป็นบทเจรจาที่ไม่มีการเขียนบทเหมือนสวมบทเล่นในภาพยนตร์ เป็นคำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจ จากความภูมิใจที่เป็นคนไทย
ภาพของคุณซารา ที่สื่อแผนกบันเทิงนำมาลงประกอบรายงานชิ้นนี้ ยืนยันว่า ซารา เป็นคนไทย เพราะแม้เป็นชุดอันทันสมัย แต่ก็ดูแล้วก็ยังเป็นเครื่องแต่งกายแบบคนไทย สาวไทยแต่ดั้งเดิมไม่มีอะไรมาเปลี่ยนเชื้อชาติเธอไปได้
คุณซารา น่าจะเป็นแบบอย่างของคนไทย สมัครใจไปโกอินเตอร์ อีกหลายๆ คน และช่วยให้ชื่อเสียงความเป็นคนไทยกระฉ่อนโลก
อย่าเพิ่งคิดว่า หมึกพอล สัตว์แปดขา เท่านั้นโกอินเตอร์ได้ คนไทยที่โกอินเตอร์พร้อมด้วยหัวใจความเป็นคนไทย ก็ทำได้ และเหนือชั้นกว่านั้นมากครับ...!!
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิกาข่าวธุรกิจและสังคม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2555