ข่าวรอบโลก
รถไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่
รถไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ
สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่
คว้ารางวัล "รถแห่งปี"
ยุโรป-รางวัลเกียรติยศ CAR OF THE YEAR หรือ "รถแห่งปี" ประจำปี 2011 ประกาศผลการตัดสินแล้ว ปรากฏว่า นิสสัน ลีฟ (NISSAN LEAF) รถไฟฟ้าของยักษ์รองเมืองปลาดิบ คว้ารางวัลไปครอง โดยทำคะแนนเชือดเฉือนรถดังของเมืองมะกะโรนี คือ อัลฟา โรเมโอ จูลีเอตตา (ALFA ROMEO GIULIETTA) ไปเพียง 9 คะแนน ส่วน โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ เมอรีวา (OPEL/VAUXHALL MERIVA) รถอเนกประสงค์ยอดนิยมของยุโรปได้อันดับ 3
CAR OF THE YEAR หรือ "รถแห่งปี" เป็นรางวัลเกียรติยศของวงการรถยนต์ในทวีปยุโรป ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1964 และดำเนินการต่อเนื่องกันมาทุกปีไม่เคยขาด คณะผู้ดำเนินการ คือ นิตยสารรถยนต์ชั้นนำของทวีปยุโรปรวม 7 ฉบับ ได้แก่ AUTO ของอิตาลี AUTOCAR ของอังกฤษ AUTOPISTA ของสเปน AUTOVISIE ของเนเธอร์แลนด์ L'AUTOMOBILE ของฝรั่งเศส STERN ของเยอรมนี และ BILAGARE ของสวีเดน
ส่วนคณะกรรมการผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นนักเขียนด้านรถยนต์ของยุโรป จะแปรเปลี่ยนจำนวนไปในแต่ละปี โดยเฉพาะครั้งล่าสุดนี้ มีกรรมการรวมทั้งสิ้น 57 คน จาก 23 ประเทศของยุโรป คือ ออสเตรีย (2) เบลเยียม (2) สาธารณรัฐเชค (1) เดนมาร์ค (1) ฟินแลนด์ (1) ฝรั่งเศส (5) เยอรมนี (5) กรีก (1) ฮังการี (2) ไอร์แลนด์ (1) อิตาลี (6) เนเธอร์แลนด์ (3) นอร์เวย์ (1) โปแลนด์ (2) โปรตุเกส (2) โรมาเนีย (1) รัสเซีย (2) สโลเวเนีย (1) สเปน (6) สวีเดน (3) สวิทเซอร์แลนด์ (2) ตุรกี (1) และอังกฤษ (6) โดยที่ตัวเลขในวงเล็บคือ จำนวนกรรมการ
การให้คะแนนจะพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ ของรถ ได้แก่ การออกแบบ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ความประหยัด การบังคับเลี้ยว สมรรถนะ ประโยชน์ใช้สอย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความพึงพอใจของผู้ขับ และราคา โดยถือนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และการคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณา การให้คะแนนรถแต่ละคันกำหนดกติกาไว้ใช้เช่นเดียวกับเมื่อปีกลาย คือ กรรมการแต่ละคนมีสิทธิ์ให้คะแนนรวม 25 คะแนน โดยจะต้องแจกคะแนนนี้ให้กับรถไม่น้อยกว่า 5 คัน และแต่ละคันจะให้ได้สูงสุดไม่เกิน 10 คะแนน
ส่วนรถซึ่งมีสิทธิ์ครอบครองรางวัลเกียรติยศนี้ กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า ต้องเป็นรถใหม่ที่มีขายในยุโรปไม่น้อยกว่า 5 ประเทศ และคาดหมายได้ว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 5,000 คัน/ปี ซึ่งก็ปรากฏว่ามีรถที่เข้าหลักเกณฑ์นี้รวม 41 แบบ การลงคะแนนในรอบสุดท้าย ซึ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2010 โดยมีรถให้พิจารณารวม 7 แบบ ปรากฏผลดังนี้
1. นิสสัน ลีฟ 257 คะแนน
2. อัลฟา โรเมโอ จูลีเอตตา 248 คะแนน
3. โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ เมอรีวา 244 คะแนน
4. ฟอร์ด ซี-แมกซ์/กแรนด์ ซี-แมกซ์ 224 คะแนน
5. ซีตรอง เซ ตรัวส์/เดแอส ตรัวส์ 175 คะแนน
6. โวลโว เอส 60/วี 60 145 คะแนน
7. ดาซีอา ดัสเตอร์ 132 คะแนน
นับเป็นครั้งแรกที่รถไฟฟ้า และครั้งที่ 4 ที่รถญี่ปุ่นสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติของยุโรปนี้ ย้อนหลังไปเมื่อปี 1993 รถญี่ปุ่นแบบแรกที่คว้าตำแหน่ง "รถแห่งปี" คือ นิสสัน ไมครา (NISSAN MICRA) ซึ่งในญี่ปุ่นและในบางประเทศจำหน่ายในชื่อ นิสสัน มาร์ช (NISSAN MARCH)
รถแห่งปีของยุโรป (CAR OF THE YEAR)
1964 โรเวอร์ 200
1965 ออสติน 1800
1966 เรอโนลต์ 16
1967 เฟียต 124
1968 เอนเอสยู อาร์โอ 80
1969 เปอโฌต์ 504
1970 เฟียต 127
1971 ซีตรอง เดแอส
1972 เฟียต 127
1973 เอาดี 80
1974 เมร์เซเดส-เบนซ์ 450 เอส
1975 ซีตรอง เซ อิกซ์
1976 ซิมคา 1307/1308
1977 โรเวอร์ 3500
1978 โพร์เช 928
1979 ซิมคา/ไครสเลอร์ ฮอไรเซิน
1980 ลันชา เดลตา
1981 ฟอร์ด เอสคอร์ท
1982 เรอโนลต์ 9
1983 เอาดี 100
1984 เฟียต อูโน
1985 โอเพล คาเดทท์
1986 ฟอร์ด สกอร์พิโอ
1987 โอเพล โอเมกา
1988 เปอโฌต์ 405
1989 เฟียต ติโป
1990 ซีตรอง อิกซ์แอม
1991 เรอโนลต์ กลีโอ
1992 โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ
1993 นิสสัน ไมครา
1994 ฟอร์ด มนเดโอ
1995 เฟียต ปุนโต
1996 เฟียต บราโว/บราวา
1997 เรอโนลต์ เมกาน เซนิก
1998 อัลฟา โรเมโอ 156
1999 ฟอร์ด โฟคัส
2000 โตโยตา ยารีส
2001 อัลฟา โรเมโอ 147
2002 เปอโฌต์ 307
2003 เรอโนลต์ เมกาน
2004 เฟียต ปันดา
2005 โตโยตา ปรีอุส
2006 เรอโนลต์ กลีโอ
2007 ฟอร์ด เอส-แมกซ์
2008 เฟียต 500
2009 โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ อินซินญีอา
2010 โฟล์คสวาเกน โพโล
2011 นิสสัน ลีฟ
ซีรีส์-6 เปิดประทุน รุ่นใหม่
อวดโฉมแล้วในเมืองมะกัน
ยาวและกว้างกว่ารถรุ่นเดิม
เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-ค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 (BMW 6-SERIES) รุ่นใหม่ในตัวถังเปิดประทุนแล้ว มีกำหนดออกตลาดในไตรมาสแรกของปีกระต่าย โดยมีรถให้เลือกใช้เพียง 2 โมเดล ส่วนตัวถังคูเปซึ่งหน้าตาเหมือนๆ กันจะตามมาตอนกลางปี
ค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" นำรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 ตัวถังเปิดประทุน ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2004 และปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ไปครั้งหนึ่งเมื่อกลางปี 2007 ส่วนรถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 นี้ เป็นรถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่หัวจรดหาง มีขนาดตัวถังยาว 4.894 ม. กว้าง 1.894 ม. และสูง 1.365 ม. คือ ยาวกว่ารถรุ่นเดิม 7.4 ซม. กว้างกว่ารถรุ่นเดิม 3.9 ซม. และเตี้ยกว่ารถรุ่นเดิม 0.9 ซม. ในขณะที่ช่วงฐานล้อขยายจาก 2.780 เป็น 2.855 ม. คือ ยาวขึ้นถึง 7.5 ซม. ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลมอยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร คือ มีค่าระหว่าง 0.31-0.32
เช่นเดียวกับรถรุ่นก่อน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 เปิดประทุน รุ่นใหม่ ใช้ประทุนหลังคาแบบอ่อน ที่ค่ายนี้ออกแบบด้วยความร่วมมือกับ EDSCHA ผู้ชำนัญการด้านหลังคาเปิดประทุนของเยอรมนี ระบบเปิด/ปิดแบบอัตโนมัติ ใช้เวลาเพียง 19 วินาที ในการเปิดประทุนแต่ละครั้ง แต่ใช้ 24 วินาที ในการปิด ที่แปลกไปจากรถเปิดประทุนส่วนใหญ่ ก็คือ กระจกบานหลังซึ่งติดตั้งในลักษณะตั้งฉากกับพื้นสามารถเปิดได้เองเป็นอิสระจากประทุน ส่วนห้องเก็บของท้ายรถมีขนาดความจุเท่ากันพอดีกับรถรุ่นเก่า คือ จุ 350 ลิตรเมื่อปิดประทุน และลดเหลือ 300 ลิตร เมื่อเปิด
ตัวจริงเสียงจริงของรถเปิดประทุนรุ่นใหม่นี้ คนรักรถในเมืองมะกันซึ่งเป็นตลาดหลักของรถเปิดประทุนได้สัมผัสกันไปแล้ว ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-23 มกราคม 2011 ส่วนในเมืองแม่ คือ เยอรมนี กำหนดออกโชว์รูม คือ ไตรมาสแรกของปีกระต่าย โดยที่ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้เพียง 2 โมเดล คือ BMW 640I CABRIOLET กับ 650I CABRIOLET
โมเดลแรกซึ่งติดป้ายค่าตัว รวมภาษีผู้บริโภคร้อยละ 19 ไว้ที่ระดับ 83,300 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 3.33 ล้านบาทไทย ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,979 ซีซี 320 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.9 ลิตร/100 กม. หรือ 12.7 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 185 กรัม/กม.
ส่วนโมเดลหลังซึ่งมีค่าตัว 94,300 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 3.77 ล้านบาทไทย ติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,395 ซีซี 407 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที และความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. เช่นเดียวกัน โมเดลนี้ซดเชื้อเพลิงมากหน่อย คือ 10.7 ลิตร/100 กม. หรือ 9.3 กม./ลิตร ส่วนไอเสียก็หนักหน่อย คือ มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงถึง 249 กรัม/กม.
เอาดี เอ 6 ซีดาน
เปลี่ยนรุ่นรับปีกระต่าย
จะมีรถไฮบริดให้ใช้ด้วย
เยอรมนี-ค่าย "สี่ห่วง" ต้อนรับศักราชของปีกระต่าย เผยโฉมรถ เอาดี เอ 6 ซีดาน รุ่นใหม่ จะออกจำหน่ายในเมืองเบียร์ไตรมาสแรกของปี 2011 โดยมีรถให้เลือกใช้รวม 5 โมเดล ทั้งแบบขับล้อหน้า และแบบขับทุกล้อ
ผู้ผลิตรถคุณภาพของเมืองเบียร์ อาศัยช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับวาระการเปลี่ยนปีใหม่ เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถ เอาดี เอ 6 (AUDI A6) รุ่นใหม่ในตัวถังซีดาน ซึ่งมีกำหนดออกตลาดในไตรมาสแรกของปีกระต่าย แทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 และอยู่ในตลาดมาตั้งแต่กลางปี 2004
รถรุ่นใหม่นี้อยู่ในตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง เป็นตัวถังซึ่งทำจากอลูมิเนียมและเหล็กกล้า ยาว 4.915 ม. กว้าง 1.874 ม. และสูง 1.455 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 2.912 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่เยี่ยมยอดมาก คือ อยู่ระหว่าง 0.26-0.28 รูปทรงองค์เอวของตัวถังเมื่อมองจากภายนอก เห็นได้ชัดว่าเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างอนุรักษนิยม เพราะแทบไม่มีอะไรแปลกแหวกแนวจากรถรุ่นก่อน จนเมื่อก้าวเข้าไปในห้องโดยสารที่นั่งได้รวม 5 คนนั่นแหละ จึงจะสัมผัสได้อย่างชัดเจน ในความเป็นรถรุ่นใหม่ เป็นห้องโดยสารที่เพียบไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสุข ความสะดวก ตัวอย่าง คือ เก้าอี้ที่นั่งคู่หน้าที่มีระบบนวดผนวกอยู่ในตัว และระบบสื่อสารไฮเทคผ่านโทรศัพท์บลูทูธ
ชุดที่กำลังจะออกจำหน่ายในเมืองเบียร์ มีรถให้ลูกค้าเลือกใช้ตามรสนิยมรวม 5 โมเดล แยกเป็นรถขับล้อหน้ารวม 2 โมเดล คือ AUDI A6 2.8 FSI กับ AUDI A6 3.0 TDI และเป็นรถขับทุกล้อ 3 โมเดล คือ AUDI A6 2.8 FSI QUATTRO-AUDI A6 3.0 TFSI QUATTRO และ AUDI A6 3.0 TDI QUATTRO
รถขับล้อหน้า AUDI A6 2.8 FSI และรถขับทุกล้อ AUDI A6 2.8 FSI QUATTRO ติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,773 ซีซี 204 แรงม้า บลอคเดียวกัน ที่ต่างกัน คือ รถขับล้อหน้าใช้เกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง MULTITRONIC ส่วนรถขับทุกล้อ ใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S TRONIC สนนราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 คือ 42,050/44,800 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 1.68/1.79 ล้านบาทไทย
รถขับล้อหน้า AUDI A6 3.0 TDI ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล DOHC วี 6 สูบ 2,967 ซีซี 204 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง MULTITRONIC ติดป้ายค่าตัว 45,350 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 1.81 ล้านบาทไทย
รถขับทุกล้อ AUDI A6 3.0 TFSI QUATTRO ติดตั้งเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 300 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S TRONIC ค่าตัว 51,600 ยูโร หรือประมาณ 2.06 ล้านบาท
ส่วนรถขับทุกล้อ AUDI A6 3.0 TDI QUATTRO ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล DOHC วี 6 สูบ 2,967 ซีซี 245 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้า และคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S TRONIC ติดป้ายค่าตัว 51,200 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 2.05 ล้านบาทไทย
ที่จะตามมาในเวลาไม่นานจนเกินรอคือรถไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 211 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 33 กิโลวัตต์/45 แรงม้า เป็นรถไฮบริดแบบที่ 2 ของค่ายนี้ถัดจากรถ AUDI Q5
HYBRID QUATTRO
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2554
คอลัมน์ Online : ข่าวรอบโลก