มาตรวัดตลาดรถ
ยังหวานอยู่
เพียง 2 เดือนแรกของปี น้ำผึ้งยังคงหวานอยู่ เพราะยอดการขายรถยนต์ทั้งตลาด ยังคงเติบโตน่าชื่นใจ ขายกัน 77,213 คัน สูงสุด เป็นสถิติใหม่ ของเดือนกุมภาพันธ์ เติบโต เพิ่มขึ้น 42.5 % ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อเร่งส่งมอบ ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ
ก็ยังคงทำให้นักการตลาดยิ้มออกได้อยู่
แต่พอย่างเข้าเดือน 3 เจอเอาภาวะจากภัยธรรมชาติ สึนามิ ทำเอาเกาะญี่ปุ่น พบกับความวุ่นวายมากมาย พาเอาฟาดงวงฟาดงาไปถึงยักษ์ใหญ่ฟากสหรัฐอเมริกาด้วย ทำเอาโรงงานประกอบรถยนต์หลายยี่ห้อ ต้องหยุดการประกอบ เพราะขาดชิ้นส่วนย่อยๆ ที่ผลิตมาจากญี่ปุ่นเล็กน้อย คงอีก 2-3 เดือน กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องกระทบกับรถบางรุ่น บางยี่ห้อในบ้านเราแน่นอน
ถึงอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดี ประกอบกับความนิยมอย่างต่อเนื่องในรถยนต์รุ่นใหม่ ตลอดจนความหลากหลายของรูปแบบสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่เอื้อต่อการตัดสินใจ ทั้งนี้แม้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดรถยนต์อยู่บ้าง เพราะจะเป็นตัวทำให้เกิดความลังเล ในการเลือกใช้ชนิดของรถยนต์ได้ง่าย
กระนั้นก็ตาม การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นปรับปรุงโฉม รุ่นพิเศษ ข้อเสนอพิเศษ และเงื่อนไขการเช่าซื้อที่หลากหลาย จากค่ายรถยนต์ต่างๆ ตลอดจนการจัดงานแสดงรถยนต์ในช่วงปลายเดือน จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์
แต่สิ่งที่จะทำให้ค่ายรถยนต์บ้านเรา ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง เพราะภาครัฐกำลังพิจารณา โครงสร้างภาษีรถยนต์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยวางมาตรฐานการลดภาษีให้แก่ ผู้ที่ผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการจูงใจให้ ทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ หันมาร่วมกันประหยัดพลังงาน ตลอดจนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ให้สอดคล้องกับนโยบาย
เห็นได้ว่า ระยะหลังนี้ ค่ายรถยนต์ต่างๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ รถยนต์พลังงานทดแทนออกสู่ตลาด อาทิ รถอีโคคาร์ รถยนต์ไฮบริด ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานแล้ว ยังเป็นการตอบรับนโยบายของรัฐที่ต้องการรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยล่าสุด ภาครัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน ร่วมหารือกัน เพื่อการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ ใหม่ ซึ่งทั้ง 3 กระทรวงเห็นพ้องกันว่าในหลักการคำนวณภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามโครงสร้างใหม่ จะกำหนด 3 คุณสมบัติของรถยนต์ ประกอบด้วย การใช้พลังงานทดแทนและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระดับการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม และมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งหากค่ายรถยนต์ใด สามารถผลิตรถที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนด จะได้รับอัตราภาษีที่ต่ำลง ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่ดังกล่าว จะไม่กระทบต่อรายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ให้เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมากนัก ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะส่งผลต่อรายได้ของประเทศมากน้อยเพียงใด คงต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ไม่ว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายไปในทิศทางใด เราในฐานะประชาชนตาดำๆ ก็ควรช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อที่จะได้มีพลังงานไว้ใช้ต่อไปในภายภาคหน้า
กลับมาเข้าเรื่องตัวเลขของเราดีกว่า
ยอดการจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ เพียงเดือนเดียว เพิ่มขึ้น 42.5 % ทำตัวเลขได้ 77,213 คัน รวม 2 เดือนยังเติบโตอยู่ 40.4 % รวม 145,611 คัน ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 30,542 คัน เพิ่มขึ้น 42.2 % ส่วนแบ่ง 39.6 % อันดับสอง อีซูซุ ขายได้ 14,713 คัน เพิ่มขึ้น 22.2 % ส่วนแบ่ง 19.1 % อันดับที่สาม ฮอนดา ขาย 9,896 คัน เพิ่ม 26.0 % ส่วนแบ่ง 12.8 % อันดับที่สี่ นิสสัน ขาย 5,270 คัน เพิ่มเยอะ 85.4 % ส่วนแบ่ง 6.8 % และอันดับที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 4,830 คัน เพิ่มเยอะเหมือนกัน 85.4 % ส่วนแบ่ง 6.3 %
แบ่งประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ก็ยังเติบโตกันมากมาย เพราะบรรดาน้องเล็กทั้งหลาย ขายกันรวม 32,600 คัน เพิ่ม 53.0 % โดยรวม 2 เดือน เพิ่ม 52.4 % ขายได้ 62,577 คัน ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 13,641 คัน เพิ่ม 49.8 % ส่วนแบ่ง 41.8 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 9,038 คัน เพิ่ม 31.2 % ส่วนแบ่ง 27.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,879 คัน เพิ่ม 195 % ส่วนแบ่ง 8.8 % ที่สี่ มาซดา ขาย 2,486 คัน เพิ่ม 28.8 % ส่วนแบ่ง 7.6 % และที่ห้า ฟอร์ด ขาย 1,386 คัน เพิ่มมหาศาล 1,440 % ส่วนแบ่ง 4.3 % รายงานผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แต่ฝีมือขับบางคนก็ยอดแย่เหมือนกัน เดือนที่ผ่านมา โพร์เช ขาย 5 คัน แจกวาร์ ขาย 4 คัน แฟร์รารี ขาย 2 คัน เบนท์ลีย์ อัลฟา โรเมโอ โลทัส แอสตัน มาร์ทิน มาเซราตี ขายเจ้าละ 1 คัน ด้านตลาดรถกระบะ 1 ตัน อันดับหนึ่งยังคงเป็น อีซูซุ 12,385 คัน เพิ่ม 18.7 % อันดับสองตกเป็นของ โตโยตา ทิ้งห่างแแชมพ์เล็กน้อย 12,118 คัน เพิ่มขึ้น 42.8 % อันดับสามตกเป็นของ มิตซูบิชิ 2,941 คัน เพิ่มขึ้น 172.6 % รถขับเคลื่อน 4 ล้อทุกชนิด แชมพ์ยอดขายอันดับหนึ่งยังคงเป็น โตโยตา ยอดขายรวม 1,781 คัน เพิ่มขึ้น 0.9 % อันดับสอง อีซูซุ 519 คัน ลดลงกว่า 13.4 % อันดับสาม นิสสัน 206 คัน เพิ่มขึ้น 56.1 % รถเพื่อการพาณิชย์ ยอดรวมเดือนเดียว ขาย 4,440 คัน เพิ่ม 45.7 % รวม 2 เดือน ขาย 8,498 คัน เพิ่ม 43.5 % ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 1,656 คัน เพิ่ม 38.2 % ส่วนแบ่ง 37.3 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 1,247 คัน เพิ่ม 62.8 % ส่วนแบ่ง 28.1 % และที่สาม ฮีโน ขาย 951 คัน เพิ่มขึ้น 45.9 % ส่วนแบ่ง 21.4 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ยอดขายรวม 904 คัน ลดลง 18.2 % รวม 2 เดือนลดลง 6.6 % ขาย 904 คัน ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 509 คัน มากสุด
ด้านตลาดรถ เอสยูวี ยอดขายรวม 8,888 คัน ผู้นำยังคงเป็นแชมพ์เก่า โตโยตา 2,509 คัน แต่ยอดกลับลดลงจากปีก่อน 2.5 % อันดับสอง มิตซูบิชิ ยอดขายรวม 2,379 คัน เพิ่มขึ้น 56.4 อันดับสามยังคงเป็น ฮอนดา ยอดขาย 1,571 คัน
ก็ต้องคอยดูกันว่า ผลพวงจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ผลกระทบจากเหตุการณ์ สึนามิ จะส่งผลให้กับอุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์บ้านเราสักเพียงใด
ก็ได้แต่หวังว่า คงไม่รุนแรงจนเกินไปนัก
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83172