โลกติดล้อ
เลิกเลี้ยวรถเข้าปั๊มวัดลมยางกันได้เลย
สำหรับใครบางคนที่รักและชื่นชอบเทคโนโลยี ไม่ว่าจะมีอะไรใหม่เข้ามา ก็จะต้องขอทดลองใช้ หรือไขว่คว้าหามาไว้ครอบครอง เพื่อทำให้ชีวิตไม่ตกทเรนด์ แต่พูดก็พูดเถอะ เทคโนโลยีทุกอย่าง ก็มีไว้เพื่อทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นทั้งนั้น
ผู้เขียนไม่ใช่คนสนใจเทคโนโลยีขึ้นสมอง แต่ตอนนี้ก็ยังอยากได้เทคโนโลยี จีพีเอส ติดตั้งไว้ในรถ เพื่อไม่ให้ขับรถหลงออกนอกเส้นทาง ก็ในเมื่อน้ำมันทุกวันนี้ ไต่ราคาขึ้นทุกวี่ทุกวัน ถ้าเราใช้แบบไม่ระมัดระวัง มีหวังค่าใช้จ่ายเบิกบานกันพอดี
เทคโนโลยีอีกอย่างที่น่าสนใจสำหรับผู้เขียน ก็คือ ทีพีเอมเอส ซึ่งย่อมาจาก TIRE PRESSURE MONITORING SYSTEM หรือถ้าจะพูดอย่างไทย ก็คือ ระบบวัดลมยางอัตโนมัติ เพราะผู้เขียนมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับลมยางอยู่เสมอ เดี๋ยวตะปูตำ เดี๋ยวยางรั่ว และมีอยู่ระยะหนึ่งที่ขับไปโดยไม่รู้ตัว ต้องเป็นขาประจำปั๊ม ปตท. เลี้ยวเข้าไปเติมลมยางทุกวัน กว่าจะรู้ว่า ตะปูตำ ก็นานเป็นเดือน ได้ข่าวว่า รถกระบะโมเดลใหม่ของค่ายหนึ่ง ที่ผลิตในเมืองไทย กำลังพิจารณาจะนำ ทีพีเอมเอส หรือระบบวัดแรงดันลมยางแบบ "ไดเรคท์" หรือ อัตโนมัติมาใช้ภายใน 1-2 ปีนี้ สำหรับระบบนี้จะขายเดี่ยวมาให้ผู้บริโภคนำมาติดตั้งรถของตัวหรือเปล่า ยังไม่มีข้อมูลแน่นอน
เท่าที่ทราบ ระบบ ทีพีเอมเอส นี้ผลิตโดยบริษัท คอนทิเนนทัล อาเก ซึ่งเป็นบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ชั้นแนวหน้าของประเทศเยอรมนี โดยส่วนธุรกิจอุปกรณ์ความสะดวกภายในรถยนต์ หน่วยงานนี้มีความเชี่ยวชาญระบบที่ทำงานด้วยเซนเซอร์ และเขาได้นำเซนเซอร์มาติดตั้งเป็นระบบอัตโนมัติภายในยางแต่ละเส้น เพื่อรวบรวมข้อมูลแรงดันอากาศและอุณหภูมิที่สามารถอ่านค่าได้โดยตรง รวดเร็ว และแม่นยำ ในทุกช่วงเวลา ทุกสภาพถนน และทุกย่านความเร็ว
เฮลมุท มัทชิ กรรมการบริหารของ คอนทิเนนทัล อาเก และหัวหน้าฝ่ายอินทิเรีย ดีวิชัน กล่าวถึงประโยชน์โดยรวมของเทคโนโลยีในระบบวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ หรือ ทีพีเอมเอส ว่า "การวัดแรงดันลมยางแบบอัตโนมัติมีคุณประโยชน์หลายๆ ประการ ทั้งกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และผู้ขับขี่ เทคโนโลยีตรวจวัดแบบอัตโนมัติ มีการแสดงผลที่รวดเร็ว และแม่นยำกว่า เมื่อพิจารณาถึงการใช้งาน ณ เวลาจริง และหากมองที่ปัจจัยเรื่องความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น เมื่อมีการใช้งานทั้งระบบ โดยการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับภายในยางรถยนต์ เรายิ่งจะเห็นว่าการวัดแรงดันลมแบบอัตโนมัติ มีความเหนือชั้นกว่าแบบอินไดเรคท์"
การวัดในระบบ "อินไดเรคท์" นั้น จะไม่ใช่วิธีวัดค่าแรงดันอากาศโดยตรง แต่จะคำนวณโดยอาศัยข้อมูลจากตัวเซนเซอร์ตรวจวัดความเร็วที่ล้อ ซึ่งข้อมูลของ คอนทิเนนทัล ระบุว่า การวัดแบบ อินไดเรคท์ ไม่สามารถใช้เป็นหลักประกันว่าจะสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ตามที่คาดหวัง จึงไม่เหมาะสมที่จะเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยลดปริมาณแกสคาร์บอนไดออกไซด์ตามมาตรฐานสหภาพยุโรปได้
เราเคยทราบมาว่า เมื่อยางระเบิดขณะขับขี่ อาจทำให้เกิดอันตรายมาก ดังนั้นเรื่องแรงดันลม จึงเป็นทั้งเรื่องความปลอดภัย การประหยัดน้ำมัน และการดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน สหรัฐอเมริกาเดินหน้าไปก่อนใคร โดยปัจจุบันมีกฎหมายบังคับใช้กับรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ส่วนสหภาพยุโรปเตรียมจะประกาศใช้ระบบวัดแรงดันลมยาง ระยะที่ 1 ในปี 2555 ขณะที่เกาหลีใต้ จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2556 ระยะที่ 1 ซึ่งเป็นก้าวแรกที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง ส่วนระยะที่ 2 ของยุโรปได้วางแผนไว้เพื่อเป็นหลักประกันเพิ่มเติม ว่าแผนแม่บทในการลดปริมาณการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
สถิติระบุว่า สาเหตุที่ยางระเบิดส่วนใหญ่ เป็นผลจากการที่ลมยางอ่อนลงอย่างช้าๆ ทีละน้อย โดยที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้โดยง่าย เจ้าระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติจะสามารถตรวจจับแรงดันลมที่ค่อยๆ อ่อนลงได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำมาก และจะแสดงผลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากใช้เกณฑ์ที่แคบกว่ามาก การแสดงผลที่แม่นยำของแรงดันลมยางในช่วงเวลาวิกฤตทำให้ผู้ขับขี่ตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
ผู้เขียนนึกแล้วยังเสียวไม่หาย ที่ได้เคยปล่อยให้ยางอ่อนลงไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หาสาเหตุโดยเร็ว นี่แสดงว่าได้เอาชีวิตไปเสี่ยงแล้วละสินี่
ส่วนเมื่อยางจะพองตัวจนถึงระดับที่เหมาะสม ทำให้สามารถควบคุมรถยนต์ และลดแรงต้านทานการหมุนของยางให้อยู่ในระดับต่ำ ก็เป็นการลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง และยืดอายุการใช้งานของยางได้สูงสุด
เมื่อพูดถึงความสะดวกสบาย และความไฮเทคแล้ว ก็ต้องเล่าต่อว่า ข้อมูลการขยายตัวของลมยางจะถูกป้อนผ่านเครือข่ายเข้าสู่ระบบผู้ช่วยคนขับ ตัวเซนเซอร์ในยางจะทำงานร่วมกับ แอพพลิเคชันของ คอนทิเนนทัล ที่เรียกว่า "ฟิลิง แอสซิสแตนท์" และตัวเซนเซอร์สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่เพื่อรายงานระดับแรงดันลมยางในขณะนั้น ต่อไปคุณก็ไม่ต้องคอยเลี้ยวรถเข้าใช้บริการวัดลมยางของสถานีบริการน้ำมัน นั่งยงโย่ยงหยกเอาสายจ่อกับจุ๊บล้อรถให้เสียสง่าราศี นอกจากนี้ คอนทิเนนทัล เขายังคุยว่ายางรถยนต์อัจฉริยะรุ่นใหม่ของเขา ยังก้าวล้ำหน้าด้วยการรายงานข้อมูลการบิดเบี้ยวกะทันหันของยางที่กำลังหมุน และการทำงานร่วมกันของตัวเซนเซอร์ ทำให้สามารถตรวจจับอาการเหินน้ำได้ตั้งแต่ระยะแรก
"ทุกวันนี้ยางรถยนต์เป็นผลิตภัณฑ์ไฮเทค และมีสมรรถนะสูงอยู่แล้ว" ดร. บวร์คฮาร์ด วีส รองประธานฝ่ายพัฒนายางประจำแผนกรถส่วนตัวและรถบรรทุกเล็กของ คอนทิเนนทัล กล่าว
คุณๆ ที่เป็นผู้ใช้รถกระบะก็คอยติดตามว่ารถยี่ห้อใด จะมีอุปกรณ์ไฮเทคที่ว่านี้เมื่อไร แล้วก็จะได้ซื้อมาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกระดับให้ตัวคุณเอง และครอบครัว
เรื่องโดย : เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : โลกติดล้อ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83937