บรรทัดแรกก็ต้องขอแสดงความยินดี กับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ผ่านพ้นการแถลงนโยบายมาเรียบร้อย แม้จะมีรายการตีรวนกันเล็กน้อย แต่ก็เป็นไปตามเกม ที่ต้องเล่นกันอยู่แล้ว อ้อ คอลัมน์นี้ ไม่มีความประสงค์จะเซ้าซี้ กับการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่แต่ประการใด ข้อเสนอ ข้อเปรียบเทียบ หยิกหยอก ไม่ได้หมายความว่าจะล่วงเกิน ก้าวร้าวกับผู้ใดทั้งสิ้น ไม่มีความประสงค์ให้ต้องไปตามหาอ่าน ข้อความประสงค์ร้าย ในโซเชียล เนทเวิร์ค แต่ประการใดกรุณาเข้าใจตามนี้ใครเป็นใคร ก็เห็นหน้าเห็นตากันหมดแล้ว คงต้องให้เวลาทำงานกันสักพัก ก่อนจะเข้าที่เข้าทาง แต่ภาคเศรษฐกิจ ภาคเอกชน เอง ก็ยังต้องขับเคลื่อนกันไปตามวาระ คอยว่า ภาครัฐ จะออกแนวชี้แนะอย่างไร ทำได้หรือไม่ นั่นค่อยว่ากัน หนนี้ก็ขอจารึก คำแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่เป็นเหมือนเครื่องผูกมัดแนวทางในการทำงานว่าจะไปในทิศทางใด ช่วยๆ กันจำแล้วกัน เรื่องแรก ท่านก็บอกว่า บ้านเรายังต้องพึ่งพากับเศรษฐกิจโลกอยู่ การขยายตัวจากภาคการส่งออก ท่านก็บอกว่า รู้อยู่แล้ว ว่ากระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่เป็นของบริษัทต่างชาติ ที่ ไทยเป็นเพียงแหล่งประกอบ ส่วนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ก็ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่มีอยู่สูง แสดงถึงฐานเศรษฐกิจที่ยังไม่เข้มแข็ง ประชาชนระดับฐานรากยังมีรายได้น้อย และขาดโอกาสในการเพิ่มรายได้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในสาขาเกษตร และวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมที่สนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในระยะสั้นทำให้สูญเสียโอกาสในการเดินหน้าเพื่อพัฒนาประเทศ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียงเฉลี่ยร้อยละ 3.6 ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น เอ๊ะ ท่าทางท่านก็รู้เนอะ ท่านบอกว่า ท่านจะยึดหลักการบริหาร ที่มีความยืดหยุ่นที่คำนึงถึงพลวัตรการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยมีจุดมุ่งหมาย คือเพื่อนำประเทศไทย ไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจที่สมดุล มีความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนเพื่อนำประเทศไทยสู่สังคมที่มีความปรองดอง สมานฉันท์ และอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรมที่เป็นมาตรฐานสากลเดียวกัน และมีหลักปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน และเพื่อนำ ประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2558 อย่างสมบูรณ์ ทีนี้ พวกเราก็ต้องมาคอยติดตามการทำงานของบรรดา พณหัวเจ้าท่านทั้งหลาย ว่าจะสามารถนำพารัฐนาวา ประเทศไทย ไปยังฝั่งฝันของท่านได้หรือเปล่า ส่วนที่รับปากเอาไว้ตอนหาเสียง เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ หรือเรื่องเงินเดือนคนจบปริญญาตรีโปรดไปหาอ่านเอาจากที่อื่น แต่เรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีคนบอกว่า จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซินได้ทันที 7 บาท ท่านก็ตะแบงออกไปเป็น ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงบางประเภทชั่วคราว เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทันที และปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ให้มุ่งสู่การสะท้อนราคาต้นทุนพลังงาน จัดให้มีบัตรเครดิทพลังงาน สำหรับผู้ประกอบอาชีพรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ ในวงเงินที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้จริงต่อเดือนเจ้าบัตรเครดิทพลังงานนี่แหละ ท่านไม่ได้พูดถึงบัตรเครดิทเกษตรกร ที่ท่านหาเสียงเอาไว้เลยท่าทางจะลืมเนอะ ส่งเสริมและจัดให้มีมาตรการทางภาษี และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน และการใช้พลังงานจากภาคเกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ประหยัดพลังงาน อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนและสะอาดได้แก่ เอธานอล ไบโอดีเซล และแกสธรรมชาติ (CNG)อันล่าสุดนี่แหละ ที่ต้องเอามาพูดกันอีกนานทีเดียวละขอรับแค่เรื่องกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างภาษียานยนต์ ป่านนี้ยังคงอยู่ในลิ้นชักของกระทรวงไหนอยู่ก็ไม่รู้ จะกระทรวงไหนก็ช่าง ก็ฝากชักลิ้นชักดูด้วยนะครับ