ยอดการขายเดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 11.0 % ขายกันได้ 72,902 คัน แต่ไม่ได้เกี่ยวกับที่พาดหัวเรื่อง เอาไว้แต่อย่างใด เพราะผลพวงที่จะพูดถึงหนนี้ ก็คือเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่หาเสียงกันเอาไว้ ว่าขึ้นทันที 300 บาท กับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี ต้องเริ่มต้นที่ 15,000 บาท พณหัวเจ้าท่าน ก็ประกาศในคำแถลงนโยบายเรียบร้อย ส่วนที่จะตีความว่า ตะแบงกันไปนั้น ก็อยู่ที่จะพิจารณา คงไม่ใช่เรื่องที่คอลัมน์นี้จะยกมาเป็นประเด็นเรื่องใหญ่ประจำเดือน ต้อนรับ ครม...ชุดใหม่ ก็คือ การยกเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ฯ สำหรับน้ำมันเบนซิน และดีเซล เป็นการชั่วคราว ทำให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 เหลือลิตรละ 39.28 บาท เบนซิน 91 เหลือลิตรละ 34.77 บาท และดีเซล เหลือ 26.99 บาท/ลิตร ส่วนของน้ำมันแกสโซฮอลยังไม่พิจารณาปรับลดมาตรการงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันหนนี้ จะทำให้รายได้รัฐหายไป 1,660 ล้านบาท รวมทั้งจ่ายชดเชยสตอคน้ำมัน ที่อยู่ในปั๊มทั่วประเทศอีกต่างหาก นั่นทำให้ วันรุ่งขึ้นหลังการประกาศ ปั๊มน้ำมันทั่วประเทศก็เกิดการโกลาหล เพราะผู้คนต่างพากันไปเข้าคิว ฉลองราคาน้ำมันใหม่กันถ้วนหน้า จนกระทั่ง เบนซิน 91 ขาดตลาดเป็นบางที่ แต่นักวิชาการท่านก็ออกมาบอกว่า การที่ประชาชนหันไปใช้น้ำมันเบนซินแทนแกสโซฮอล เพราะราคาใกล้เคียงกันมาก จะส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเอธานอลน้อยลงตามไปด้วย ที่สุดจะส่งผลกระทบต่อ แนวทางการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ที่เดินหน้ามาแล้วหลายปี แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ และอาจกระทบต่อผู้ผลิตเอธานอล หากมีการประกาศใช้แนวทางดังกล่าวเป็นเวลานาน และจะกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและอ้อย ที่นำมาผลิตเอธานอลในที่สุด เรียกว่า ผูกกันเป็นลูกโซ่ไปเชียว และท้ายสุด ก็จะโยงไปถึงยอดการขาย รถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ ที่น้ำมันก็ไม่แพงมากเท่าไร จะตัดสินใจซื้อรถเล็กดีหรือเปล่า หันไปมองกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า ผลการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลลงในครั้งนี้ ทำให้แทบไม่มีเงินไหลเข้ากองทุนเพราะรายได้ส่วนนี้หายไป ในขณะที่ภาวะชดเชยราคาแกสหุงต้ม และ ซีเอนจี ยังคงต้องทำอยู่ กองทุนก็ต้องไปกู้เงิน เพื่อมาใช้อุดหนุนราคาอยู่ ในเบื้องต้นคาดว่าจะต้องกู้ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท ท้ายที่สุด รัฐบาลต้องหาทางใช้หนี้ดังกล่าว และที่สุดของที่สุดแล้ว ภาระจะตกอยู่กับผู้ใช้น้ำมันอยู่ดีนั่นแหละ ทันทีที่ค่าน้ำมันลดลง ค่าโดยสารรถสาธารณะ ต่างก็พากันเตรียมตัวลดตามลงมาด้วย ตามกลไกตลาด ที่ภาครัฐควบคุมอยู่ เพียงแต่ว่า ข้าวแกงข้างบริษัทผมเนี่ย มันขึ้นไปเป็นจานละ 35 บาท แล้ว มันจะมีทางลดลงมาเหลือ สัก 25 บาท ก็ยังดี ฝันมากไปหรือเปล่าเนี่ย คุยกันเรื่องอื่นเล็กน้อย หนนี้เป็นเรื่องของรางวัล ธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม หรือ TAQA (THAILAND AUTOMOTIVE QUALITY AWARD) ที่ สื่อสากล ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม บริษัท คัสต้อม เอเซีย จำกัด และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ปีนี้จะเข้าไปสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้รถ ที่อยู่ในสังคมโลกออนไลน์ พร้อมเตรียมเปิดช่องทาง การเก็บข้อมูลสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้รถ ผ่านทางเวบไซท์เป็นครั้งแรก การเก็บข้อมูลหนนี้ จะควบคู่ไปกับการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ด้วยการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ ส่วนของเวบไซท์ก็มี บริษัทสื่อสากล www.autoinfo.co.th งานมหกรรมยานยนต์ www.motorexpo.co.th และ หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ www.manager.co.th/motoring ในปีนี้จะทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประมาณ 7,000 รายใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่มีการสำรวจด้านนี้ในประเทศไทย และกำหนดมอบรางวัลผู้ชนะช่วงปลายปี ในงาน MOTOR EXPO 2011 กลับมาคุยเรื่องตัวเลขของเราดีกว่า หนนี้เป็นรายงานตัวเลขประจำเดือนกรกฎาคม ขายเดือนเดียวได้ถึง 72,092 คัน เพิ่มขึ้น 11.0 % แต่ตัวเลข 7 เดือน ขายไปแล้ว 504,914 คัน ยังเพิ่มอยู่ 19.5 % นั่นแสดงว่า ถ้าการเมือง สามารถนิ่งได้จนถึงสิ้นปี ปลายปีนี้ชาวยานยนต์ทุกค่าย มีเฮกันแน่ แชมพ์ประจำเดือน ยังคงได้แก่ โตโยตา ขาย 27,956 คัน เพิ่มขึ้น 6.8 % ส่วนแบ่ง 38.3 % อันดับที่สอง อีซูซุ ขาย 12,011 คัน เพิ่ม 2.6 % ส่วนแบ่ง 16.5 % อันดับที่สาม ฮอนด้า ขาย 7,150 คัน ลดลงเยอะ 30.3 % ส่วนแบ่ง 9.8 % อันดับที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 6.099 คัน เพิ่มเยอะ 89.20 % ส่วนแบ่ง 8.4 % และอันดับห้า นิสสัน ขายเพียง 6,017 คัน เพิ่ม 16.7 % ส่วนแบ่ง 8.3 % ข้ามมาถึงรุ่นรถยนต์นั่ง ยอดขายเดือนเดียว 31,151 คัน เพิ่ม 12.9 % โดยที่ยอดรวม 7 เดือน ยังเพิ่มอยู่ 25.1 % ขายได้ 218,053 คัน โดยที่แชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 11,654 คัน เพิ่มขึ้น 15.8 % ส่วนแบ่ง 37.4 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 6,763 คัน ลดลงเยอะ เพราะมีคู่แข่งมาแรงแซงโค้ง ลด 24.4 % ส่วนแบ่ง 21.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 4,160 คัน เพิ่ม 19.0 % ส่วนแบ่ง 13.4 % ที่สี่ มาซดา ได้น้อง 2 มาช่วยเยอะ ขาย 2,864 คัน เพิ่ม 16.9 % ส่วนแบ่ง 9.2 % ที่ห้า ฟอร์ด ฟื้นจาก ฟิเอสตา ขาย 2,262 คัน เพิ่มมากมาย 1,460.0 % ส่วนแบ่ง 7.3 % ผู้เสียภาษียอดเยี่ยมประจำเดือน โลทัส เอาดี แฟร์รารี และ มิตซูโอกะ เจ้าละ 2 คัน และ ลัมโบร์กินี กับ แจากวาร์ ขาย 1 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ ก็โตตามพรรคพวกไปด้วย ขายได้ 4,029 คัน เพิ่มขึ้น 5.4 % ยอดรวม 7 เดือน ขาย 27,566คัน เพิ่มอยู่ 26.6 % โดยแชมพ์ประจำเดือนเปลี่ยนมือขายได้ 1,549 คัน ลด 6.6 % ส่วนแบ่ง 38.4 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 1,063 คัน เพิ่ม 16.6 % ส่วนแบ่ง 26.4 % และ ฮีโน ขาย 888 คัน เพิ่ม 6.9 % รถอเนกประสงค์ หรือ รถแวน เพิ่มเล็กน้อย 1.7 % ขาย 1,967 คัน มีแชมพ์ยืนยง โตโยตา ขาย 1,549 คัน ลดลง 6.6 % รายงานตัวเลขกันแล้ว ก็ฝากถึง บรรดา พณหัวเจ้าท่าน ว่า ราคาของที่มันขึ้นไปดักหน้ารัฐบาลใหม่น่ะ กรุณาพิจารณาหาทางช่วยเหลือ ประชาชนชั้นผู้น้อยด้วย น้ำมันก็ลดลงแล้ว แต่ราคาก๋วยเตี๋ยว ราคาข้าวแกง มันไม่ได้ลดตามไปด้วยนะขอรับ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา