"เชฟโรเลต์" กำลังรุกหนัก ทั้งเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมปรับภาพลักษณ์ สร้างความพึงพอใจสูงสุด ยกระดับบริการตามมาตรฐานโลก "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ อันโตนิโอ ซารา รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และ บริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : คุณมองว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์โดยรวมปีนี้ จะเป็นอย่างไร ? ซารา : ตลาดรถยนต์โดยรวมปีนี้น่าจะดีขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วเกิดสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และอุทกภัยใหญ่ในประเทศไทย ทำให้มีปัญหาเรื่องของการผลิต เป็นสาเหตุให้ไม่มีสินค้าในตลาด แต่ความต้องการของลูกค้านั้นมีต่อเนื่อง ดังนั้นลูกค้าจึงต้องมาซื้อสินค้าในปีนี้ อีกส่วนหนึ่ง ลูกค้าที่จะซื้อรถใหม่ในอนาคต เมื่อรู้ว่ามีเรื่องของการลดหย่อนภาษีสรรพสามิต เลยชะลอการซื้อ และมาตัดสินใจซื้อในปีนี้ เนื่องจากสิทธิการลดหย่อนจะจะหมดเขตในเดือนธันวาคม 2555 ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าว คาดว่าปีนี้ตลาดโดยรวมน่าจะอยู่ที่ 950,000 คัน หรือมากกว่านี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ? ซารา : ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวม 85,000 คัน เราตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาด 10 % ของยอดขายรวมทั้งหมด 85,000 คัน แม้ยังไม่ถึง 10 % แต่ก็ถือว่าเติบโตสูงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สาเหตุที่ปีนี้บริษัท ฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นสูงนั้น เนื่องจากในเดือนธันวาคม 2554 ที่ผ่านมามียอดขายถึง 4,000 คัน ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่เคยทำธุรกิจในไทย เดือนมกราคม 2555 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 140 % และเดือนกุมภาพันธ์ มียอดขายรวม 5,000 คัน และมีนาคมก็น่าจะดีขึ้น ซึ่งยังไม่รวมถึงการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ โคโลราโด เพิ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนมกราคม และทเรลบเลเซอร์ เปิดตัวเดือนมีนาคม และยังมี เชฟโรเลต ครูซ เครื่องยนต์ดีเซล ในเมษายน เป็นรถคันแรกที่เป็นเครื่องยนต์ยูโร 4 นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวรถคอนเซพท์คาร์ โซนิค รถยนต์ซับคอมแพคท์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเผยโฉมครั้งแรกในเมืองไทย หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดย เชฟโรเลต์ คาดว่า โซนิค จะเป็นตัวที่กระตุ้นตลาดอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยตลาดรถเล็กมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น และมีปริมาณเป็นอันดับ 2 รองจากรถพิคอัพ ซึ่งบริษัท ฯ วางแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นนี้ภายในปีนี้ ฟอร์มูลา : สัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นอะไรบ้าง ? ซารา : ยอดขายมากที่สุดมาจาก พิคอัพ รองมาเป็น แคพทีวา ที่เหลือจะเป็นรถรุ่นต่างๆ ที่เป็นอย่างนี้คือ โคโลราโด เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี ส่วนรุ่นอื่นๆ เพิ่งจะทยอยเปิดตัว ฟอร์มูลา : คุณวางกลยุทธ์การแข่งขันไว้อย่างไรบ้าง ? ซารา : กลยุทธ์หลักสำหรับตลาดในประเทศไทยปีนี้ จะเน้นที่สินค้าที่มีความหลากหลาย เห็นได้ว่าบริษัท ฯ ได้แนะนำสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จะใช้ในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการสื่อสารการตลาด โดยเน้นการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบแรนด์ เชฟโรเลต์ มีลูกค้ารู้จัก แต่มีความรู้สึกว่าการเข้าถึงยังน้อย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างการรับรู้และความคุ้นเคย โดยเน้นตอบคำถามว่า เพราะเหตุใดจึงต้องซื้อรถยนต์ เชฟโรเลต์ อีกส่วนหนึ่งต้องนำตัวตนของบแรนด์ เชฟโรเลต์ ออกมาให้ลูกค้าเข้าใจ โดยพยายามสร้างให้ เชฟโรเลต์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นแรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่พิเศษในทุกวันของชีวิต ซึ่งต้องทำให้ลูกค้าได้มีโอกาสสัมผัสและทดลอง เพื่อช่วยให้เห็นไลฟ์สไตล์ของรถ และของตนเองว่าเป็นอย่างไร ส่วนประกอบเหล่านี้จะช่วยในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น พร้อมกันนี้อยากให้มอง เชฟโรเลต์ ลึกลงไปว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพิเศษในชีวิต เห็นได้จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น แคพทีวา และครูซ ที่พยายามสื่อสารออกมาในเห็นถึงการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์และออนไลน์ อีกทั้งต้องการสร้างความแตกต่าง ด้วยการสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่ลูกค้า โดยการพัฒนาตัวแทนจำหน่ายที่ตั้งเป้าจะขยายเพิ่มขึ้นอีก 25 % หรือ 120 แห่งภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังปรับโฉมโชว์รูม เน้นปรับเปลี่ยนให้ดูทันสมัย พร้อมยกระดับศูนย์บริการให้เป็นมาตรฐานระดับโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ที่จะดำเนินงานตามมาตรฐานของ เชฟโรเลต์ ที่ปฏิบัติกันทั่วโลก คือ เชฟวี แคร์ ฟอร์มูลา : ในส่วนการผลิต จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ? ซารา : ปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิต 130,000 คัน โดย 80,000 คัน เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ที่เหลือจะส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ตลาดใหญ่ในภูมิภาคนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยส่งออกไปทุกรุ่น ยกเว้น ครูซ ที่ผลิตเฉพาะจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับรถรุ่นใหม่ที่ผลิต คือ ทเรลบเลเซอร์ และ โซนิค อีกส่วนหนึ่งจะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องมือต่างๆ ฟอร์มูลา : คุณวางแผนและตั้งเป้าหมายสำหรับรถรุ่น ทเรลบเลเซอร์ ไว้อย่างไร ? ซารา : ทเรลบเลเซอร์ จะผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ แต่ในช่วงแรกจะผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทยก่อน ซึ่งตลาดที่จะส่งออกไปจำหน่าย ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใดจึงตัดสินใจทำตลาดรถยนต์ ทเรลบเลเซอร์ ? ซารา : ประเทศไทยมีศักยภาพ เรามั่นใจตลาดในประเทศไทยอย่างมาก สำหรับรุ่นนี้ลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ โดยเลือกไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีความพร้อมด้านชิ้นส่วน รวมถึงในอนาคตที่จะมีการเปิดเขตการค้าเสรี จึงทำให้เหมาะสมกับการลงทุน อีกทั้ง ทเรลบเลเซอร์ ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานโครงสร้างรถพิคอัพขนาดกลาง เชฟโรเลต์ โคโลราโด โดยทีมวิศวกรของ จีเอม บราซิล ที่ได้เดินทางมาอยู่ในประเทศไทย เพื่อศึกษาตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ และรถพิคอัพ ที่มีการแข่งขันกันอย่างสูงในประเทศไทย พร้อมกับการสังเกตพฤติกรรมการใช้รถ และรูปแบบการขับขี่ของคนไทย แล้วนำข้อมูลที่ได้รับ ไปบวกกับความเชี่ยวชาญชั้นสูงในการสร้างสรรค์ ทเรลบเลเซอร์ ผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ จีเอม ประเทศไทย จังหวัดระยอง แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นกลาง แอลที และรุ่นสูงสุด แอลทีเซด มีเครื่องยนต์ขนาด 2.5 และ 2.8 ลิตร ดูราแมกซ์ ดีเซล เทอร์โบ ถูกออกแบบเพื่อการเดินทางทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับตะลุยบนเส้นทางสมบุกสมบัน ขับฝ่าการจราจรที่คับคั่ง หรือขับด้วยความเร็วบนถนนไฮเวย์ จำหน่ายราคาเริ่มต้นที่ 1,059,000-1,489,000 บาท