ชลิฏา วณิชชากรพงศ์

ฟิล์มกรองแสง ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ และยังเป็นตลาดที่มีผู้เข้าร่วมเล่นรายใหม่อยู่เสมอ "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ ชลิฏา วณิชชากรพงศ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล และ มาสเตอร์ ซึ่งเป็นน้องใหม่ในตลาด

ฟอร์มูลา : คุณวางแนวทางการตลาดปีนี้ไว้อย่างไร ?   ชลิฎา : ปีนี้ตลาดฟีล์มกรองแสงเติบโตอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากปลายปีที่แล้วเกิดอุทกภัย ทำให้รถยนต์มียอดค้างส่งเป็นจำนวนมาก แต่จนมาถึงปัจจุบัน เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี รถยนต์ได้เริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ไตรมาสแรก บริษัท ฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 35 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือประมาณ 120,000 คัน   ทั้งนี้ส่วนของบริษัท ฯ ที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น เป็นผลมาจากการได้ส่วนแบ่งตลาดของบแรนด์อื่น รวมถึงบริษัท ฯ ได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง และโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ ไฮ-คูล เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น   นอกจากนี้ บริษัท ฯ มีแผนที่จะรุกตลาดด้วยกิจกรรมการตลาด ภาพยนตร์โฆษณา รวมถึงแคมเปญพโรโมชันใหม่ ที่จะมีรูปแบบในทิศทางเดียวกัน โดยปีนี้ตั้งเป้ามียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 15 %     ฟอร์มูลา : ปัจจุบันนำเข้าและจัดจำหน่ายฟีล์มกรองแสงกี่บแรนด์ ?   ชลิฏา : บริษัท ฯ ได้แนะนำฟีล์มกรองแสง มาสเตอร์ เข้ามาเสริมตลาดอีกบแรนด์หนึ่ง ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทำให้ปัจจุบัน บริษัท ฯ มีสินค้าครอบคลุมทุกตลาด ซึ่งฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล จะมี ซูเพอร์ ไฮ-คูล ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ไฮ-คูล ระดับกลาง และมาสเตอร์ เป็นสินค้าที่ทุกคนจับต้องได้ มีความคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม     ฟอร์มูลา : ปีนี้ มีการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?   ชลิฏา : บริษัท ฯ ได้ลงทุนเปิดตัวแม่แบบศูนย์ติดตั้งฟีล์มกรองแสงมาตรฐาน HI-KOOL PRO SHOP แห่งแรก ที่อาคารลีวณิชย์ ซึ่งเป็นแบบสำหรับศูนย์ติดตั้งอื่นๆ ที่บริษัท ฯ เป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมร้านค้าตัวแทนจำหน่าย   สำหรับการจัดตั้งศูนย์ติดตั้งฟีล์มกรองแสงมาตรฐาน HI-KOOL PRO SHOP เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ศูนย์ติดตั้งฟีล์มกรองแสงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ให้บริการติดตั้งฟีล์มกรองแสงอย่างมีมาตรฐาน มีห้องแอร์ ปลอดฝุ่น และอุปกรณ์ครบครัน เพื่อการติดตั้งฟีล์มกรองแสงอย่างมีประสิทธิภาพ มีตัวอย่างให้ลูกค้าเลือกครบครัน มีมุมอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ระหว่างรอติดตั้งฟีล์มกรองแสง   ปัจจุบันได้เปิด HI-KOOL PRO SHOP ไปแล้วประมาณ 10 แห่ง โดยตั้งเป้าปีนี้จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 20-25 แห่ง และจะขยายออกต่างจังหวัดอีกด้วย จากปัจจุบัน บริษัท ฯ มีร้านติดตั้งฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล 700 แห่งทั่วประเทศ     ฟอร์มูลา : การเปิดศูนย์ติดตั้งฟีล์มกรองแสงมาตรฐาน HI-KOOL PRO SHOP ใช้เงินลงทุนประมาณเท่าไร ?   ชลิฏา : สำหรับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล ที่ต้องการลงทุนเป็น HI-KOOL PRO SHOP ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มประมาณ 1-1.5 แสนบาท     ฟอร์มูลา : ปีนี้จะมีสินค้ารุ่นใหม่ เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?   ชลิฏา : ปีนี้ไม่มีฟีล์มกรองแสงรุ่นใหม่ เนื่องจากปีที่แล้วได้แนะนำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดแล้ว เช่น ซูเพอร์ ไฮ-คูล แนะนำรุ่น บแลคเพิร์ล หรือ ไช่มุกดำ และมาสเตอร์ แนะนำ รุ่น คูล ซีรีส์ ปีนี้จึงไม่มีรุ่นใหม่ แต่จะมีสีใหม่เพิ่มขึ้น     ฟอร์มูลา : คุณสมบัติพิเศษของ ไฮ-คูล คืออะไร ?   ชลิฏา : เป็นฟีล์มกรองแสงนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาขึ้นโดยนำเอาโลหะชนิดต่างๆ มาเคลือบเป็นเนื้อเดียวกับฟีล์มกรองแสง ทำให้มีความคงทน และกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ทุกรุ่นเคลือบด้วยสารเคลือบแข็งป้องกันรอยขูดขีด ทำให้มีความคงทนให้ความปลอดภัย ลดความร้อนได้สูงสุดถึง 84 % ป้องกันรังสีอุลทราไวโอเลท ยูวี ได้ถึง 99 % รับประกัน 7 ปี นอกจากนี้ยังมีสี และชนิดให้เลือกมากตั้งแต่ฟีล์มแบบใส ถึงสีเข้ม     ฟอร์มูลา : วางกลยุทธ์และแนวทางการทำตลาด ไว้อย่างไร ?   ชลิฏา : ปีนี้จะมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ให้รู้ถึงมาตรฐาน และความคุ้มค่าของ ฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล พร้อมคุณสมบัติพิเศษด้านต่างๆ โดยเน้นการทำกิจกรรมการตลาด นอกจากนี้ยังเตรียมแนะนำภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ในปลายปีนี้     ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้าใช้งบการตลาดมากน้อยเพียงใด ?   ชลิฏา : เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีก 10 % ซึ่งปีที่แล้วใช้ประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมกับการจัดกิจกรรมต่างๆ     ฟอร์มูลา : ช่องทางการจัดจำหน่าย มีกี่ช่องทาง ?   ชลิฏา : ฟีล์มกรองแสง ไฮ-คูล จะจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ฯ ยังได้ขยายไปในส่วนของโชว์รูมรถยนต์อีกด้วย     ฟอร์มูลา : คุณมองว่าปัจจุบัน ไฮ-คูล ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดในประเทศไทย ?   ชลิฏา : 5 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีลูกค้ารู้จักมากยิ่งขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรงและดุเดือดมากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัท ฯ ต้องวางแผนการตลาด และกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดและยอดขายให้เติบโต แต่การทำธุรกิจไม่ได้มุ่งที่จะสร้างยอดขายเพียงอย่างเดียว โดยได้มีการจัดกิจกรรมคืนกำไรให้แก่สังคม รวมถึงกิจกรรม ซีเอสอาร์ อย่างต่อเนื่อง