แนะนำเพลง
ดูหนังฟังเพลง
SHERLOCK HOLMES: A GAME OF SHADOWS
"ทำดีได้ก็ได้ทำต่อ"
จำได้ว่า SHERLOCK HOLMES ภาคแรกน่าจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร แถมตอนได้ดูก็รู้สึกประทับใจในหลายๆ อย่าง อาทิ การที่หนังเลือกใช้วิธีที่จะบอกว่า โฮล์มส์ เป็นคนฉลาดปราดเปรื่องขนาดไหน ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจก่อนดูแล้วว่า คนชื่อ โฮล์มส์ ต้องเก่งมากแน่ๆ แต่หนังก็ทำให้เราเชื่อมากกว่าที่เคยเชื่อ โดยใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยวของหนังเท่านั้นเอง
เพราะไม่ใช่แค่เอาแว่นขยายไปส่องแล้วจะไขคดีได้ ก่อนจะเก่งมันต้องเริ่มจากการซ้อมแล้วซ้อมอีก มากกว่านั้น คือ การทดลอง ตั้งข้อสงสัย ทำความเข้าใจ และสุดท้าย คือ กล้าที่จะเสี่ยงกับสิ่งที่ตนเองเชื่อ ภาคแรกได้ผู้กำกับหนังสุดกวน กาย ริชชี มาคลี่คลายความเป็น โฮล์มส์ ไว้อย่างน่าชัง
และแน่นอนในความเป็น กาย ริชชี เขาไม่เคยทำหนังเยิ่นเย้อเลยซักหน ตั้งแต่เรารู้จักเขาผ่านหนังเรื่อง LOCK, STOCK AND TWO SMOKING BARRELS ที่สร้างให้ เจสัน สเตแธม เป็นมากกว่าพ่อบึกไร้สมอง และต่อมาเขาจึงกลายเป็นพระเอกแถวหน้าของหนังแนวดิบเถื่อน
การผจญภัยของ โฮล์มส์ ตัวละครในนวนิยายของ ท่านเซอร์อาร์เธอร์ โคแนน ดอยล์ ซึ่งรับบทบาทโดย รอเบิร์ท ดาวนีย์ จูเนียร์ จึงน่าติดตามอย่างสนุกสนาน ตลอด 128 นาทีที่มี หมอวัตสัน เป็นคู่หู ซึ่งรับบทโดย จูด ลอว์ นั่นคือ การบรรยายถึงหนังเรื่องนี้ในภาคแรก
และมาถึงภาคนี้ ก็ยังคงต้องยืนยันข้อความข้างต้นอีกครั้ง เพราะหนังให้อะไรมากกว่าความบันเทิง ซึ่งเป็นแก่นแท้ของการชมหนังซักเรื่อง คือ เราดูหนังก็ย่อมอยากจะสนุก อยากรับอรรถรสอะไรสักอย่าง อยากใช้เวลา 2 ชม. ให้ได้อะไรกลับมาบ้าง โดยมีความต้องการทางด้านอารมณ์เป็นตัวตั้ง เหตุผลเป็นตัวรอง ดูเพื่อพัฒนาสมองเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจจะพึงได้ หรือไม่ประสงค์เลยก็ตามแต่ใจ
ขึ้นชื่อว่าหนัง ย่อมไม่ใช่สารคดี ไม่ต้องตีความเนื้อหาแบบบรรทัดต่อบรรทัด ถึงขั้นกางตำราระหว่างตั้งขากล้อง ตัดต่อก็ต้องเป๊ะๆ ตามพงศาวดารทุกหน้า ผลปรากฏออกมาก็กลายเป็นขยะของชาติผลาญงบประมาณแผ่นดิน จนคนทำหนังอินดี หรือพูดให้ดูดีก็คือ หนังทุนต่ำ ได้แต่ชายตามอง
ทำไมหนอ ? หนังเราก็ออกจะดีมีสาระ สร้างออกมาเพื่อความสนุก มุ่งพัฒนาความเข้าใจของคนร่วมสังคม จึงไม่มีใครคิดจะมอบทุนช่วยเหลือให้บ้าง ซ้ำร้ายโรงจะฉายก็ยังไม่มี เพราะโดนหนังเส้นใหญ่เบียดจนตกขอบจอ
กลับมาที่ SHERLOCK HOLMES: A GAME OF SHADOWS หนังภาคต่อชั้นดีที่ไม่ต้องประกาศกร้าวว่าจะผลาญทุนสร้างไปอีกกี่ภาค แล้วเผาเอาวรรณกรรมชั้นครูมาสนองตัณหาของตัวเอง เพราะนี่คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนของคนทำงาน ที่ผ่านชีวิตการเป็นคนทำหนังอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำดีได้ก็ได้ทำต่อ ทำไม่ดีก็ต้องเลิก วางมือละจากเนื้อหานั้นๆ แล้วอัญเชิญให้อยู่ในจินตนาการของผู้อ่านต่อไปจะดีกว่า
THE DESCENDANTS
"ชีวิตจริงไม่มีอะไรน่าดูเลย ให้ตายสิ !"
สาบานให้ฟ้าผ่าว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง ! แม้ว่า จอร์จ คลูนีย์ จะมาเล่นบทนำ แม้ว่าจะมีฉากหลังเป็นหมู่เกาะแถบฮาวาย กระนั้นก็ตาม หนังก็ไม่มีอะไรดีเลย
โดยเฉพาะกับดนตรีประกอบที่เลือกเอาท่วงทำนองและเมโลดีกีตาร์ (หรือไม่ก็อูคูเลเล) แบบฮาวายเอียนแท้ๆ มาเคล้าคลอ มันก็ยังไม่ช่วยให้หนังน่าติดตาม ซ้ำร้ายยังลดทอนความดรามาของหนังลงไปเยอะ ทั้งๆ ที่เนื้อหากำลังจะพูดเกี่ยวกับความเป็นความตาย และคนที่ต่อสู้อยู่กับความจริงที่ยังไม่ตาย
เสื้อผ้าหน้าผมก็ล้วนดูชิลล์ๆ เกินกว่าจะชักจูงคนดูให้รู้สึกถึงสิ่งที่ "หนักหนา" ซึ่งตัวละครในเรื่องทั้งหลายกำลังเผชิญอยู่ ผู้ชายคนหนึ่งไม่คุยกับเมียมาหลายเดือน จู่ๆ ก็ได้รับข่าวว่าเมียถูกเรือยนต์ชนจนกำลังจะตาย ไหนจะลูกสาววัย 10 ปี และ 17 ปี ที่ไม่เคยเลี้ยงดูอย่างจริงจังมาตั้งนานแล้ว ก็ต้องพลอยมาทำหน้าที่พ่อเต็มตัว
ไหนจะบทพูดที่แสนธรรมดา ไม่คมคายใสซื่อ กระตุ้นสมองสักนิดก็ไม่มี แล้วหนังอย่างนี้จะไปดีได้อย่างไร
โดยเฉพาะกับคนที่ไม่เคยมีครอบครัว ไม่เคยมีลูก ไม่สนิทสนมกับพ่อแม่ พอมาดูหนังเรื่องนี้ยิ่งง่วงหนัก เพราะหนังเล่าเรื่องของคนที่เมียกำลังจะตาย แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจเมียมานานแล้ว ลูกสาว 2 คนก็ปล่อยให้โรงเรียนแพงๆ ดูแลตามยถากรรม พอเรื่องดำเนินผ่านไป 30 นาทีกว่าๆ ยิ่งอยากเดินไปเปลี่ยนแผ่นในทันที เพราะมันชักจะง่วงนอนเกินทนรับไหว หนังอะไรเนิบนาบนุ่มนิ่มไม่ผิดกับชีวิตจริงเลยสักนิด
แต่เพราะมันเป็นความเรียบง่าย และเยิ่นเย้อของชีวิต ที่ทุกคนต้องเจอ หนังเรื่องนี้จึงได้เข้าชิงรางวัลโน่นนี่มากมาย และก็ได้รับรางวัลกลับมาไม่น้อย อย่าให้เอ่ยถึงเลยดีกว่า ว่าใครได้อะไรไปบ้าง บางสื่อถึงขั้นบอกว่า นี่เป็นหนังดีของปี ที่พลาดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ !
ถามว่าหนังดีอย่างที่เขาว่าจริงไหม ?
บอกได้เลยว่าไม่จริง หนังไม่มีอะไรดีอย่างที่เขาว่าเลย อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 100 นาทีแรกของหนัง ที่พยายามดำเนินเรื่องให้ผู้ชายคนหนึ่งต่อสู้กับความจริงของชีวิต ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่ยากจะกล้ำกลืน แต่มันก็ฝืนความรู้สึกเหลือหลาย
เมียจะตายก็เพิ่งมารู้ว่ามีชู้ แถมมารู้เอาจากลูกสาวที่กำลังเมา ตัวก็ต้องเดินทางไปบอกคนโน้นคนนี้ว่าเมียจะตายแล้วนะ รีบไปบอกลาที่โรงพยาบาลเร็วเข้าก่อนจะสาย ไปหาพ่อตาแม่ยาย เขาก็ด่าสาดเสียเทเสียว่า 1 ปีของลูกสาวฉันมันเข้มข้นกว่า 10 ปีของแกเยอะ ! ไอ้อ่อนปวกเปียก !
สุดท้ายคนที่ยังอยู่มันก็อย่างนี้นี่เอง บางอย่างให้อภัยได้ก็ต้องให้อภัย ต้องนึกถึงความรู้สึกคนอื่นมากมายทั้งที่ไม่อยากทำ ตัวเองหน้าชื่นอกตรมก็ต้องทนยิ้มสู้ แม้คนที่กำลังจะตายทำผิดกับตัวเองไว้หนักหนาก็ต้องฝืนกล้ำกลืนอย่าให้ใครรู้ มันเป็นความยากของชีวิต นี่ไงถึงบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าดูเลย !
ศิลปิน : VARIOUS ARTISTS
อัลบัม : ACOUSTIC
แนวดนตรี : ACOUSTIC
36 เพลงฟังสบายๆ
และแล้ว วอร์เนอร์ มิวสิค ไทยแลนด์ ก็ปล่อยหมัดเด็ดออกมาอีกครั้ง หลังจากทำแผ่นรวมอัลบัมเพลงดีๆ ในสไตล์ต่างๆ มามากมาย ทั้ง POP JAZZ และ BOSSANOVA รวมไปถึงอัลบัมเพื่อการดื่มด่ำไวน์ชั้นดีประเภทต่างๆ โดยการคัดสรรเอาเพลงดีๆ ที่เหมาะแก่การจิบไวน์ไปด้วย การันตีความเข้ากันด้วยกูรูไวน์ชื่อดังจากฮ่องกง
มาคราวนี้ทางค่ายเข็นเอาอัลบัมคู่รวมเพลงฮิท ในสไตล์อคูสติค ที่สร้างความประทับใจแฟนเพลงมาแล้วทั่วโลก โดยการเก็บเอาเพลงเพราะๆ ทั้งเก่าและใหม่ มารวบรวมให้ฟังกันเต็มอิ่มถึง 36 เพลงด้วยกัน
เริ่มจากเพลงที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังอีกแล้ว ทั้งๆ ที่แต่ก่อนโน้นฟังจนเทปยืด CREEP จาก RADIOHEAD เพลงสุดแนวที่เล่นเอาคนอายุ 30 กว่าปี และเกือบๆ 30 ปีในวันนี้ รู้สึกว่าการบ่นงึมงำท่ามกลางเสียงกีตาร์คอร์ด C E F FM แล้วฮุคด้วยการเหยียบเอฟเฟคท์กระแทกกระดูกทั่งกระดูกโกลนในรูหู มันช่างกระซวกความเหงาออกมากองได้เกลื่อนกลาดดีแท้
แต่เดี๋ยวก่อน ! ถ้าใครคิดว่าจะได้ฟังเวอร์ชันนั้นก็ผิดถนัด ! เพราะคอนเซพท์ของอัลบัมนี้ คือ อคูสติค เขาเลยจัดเอาเวอร์ชันอคูสติคมาให้ฟัง ซึ่งก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยววังเวง จนอยากโยนหนังสือในมือทิ้ง แล้วนั่งดื่มให้มันมึนเมา
ตามด้วยเพลงที่แสนจะเศร้าเกินกว่าหัวใจจะรับไหว THE BLOWER'S DAUGHTER ของ DAMIEN RICE เพลงเริ่มด้วยคำง่ายๆ AND SO IT IS...JUST LIKE YOU SAID IT WOULD BE...แล้วเสียงกีตาร์โปร่งเบาๆ ก็เริ่มดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยการเอ่ยเอื้อน ถวิลหา อาลัย และอาวรณ์ จนต้องบอกว่า I CAN'T TAKE MY MIND OFF YOU
เพลงนี้ดังเป็นพลุราคา 300 บาท (สมัยที่ก๋วยเตี๋ยวยังชามละ 15 บาท) ก็เมื่อตอนที่เขาเลือกไปประกอบภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง CLOSER มี จูเลีย รอเบิร์ท, จูด ลอว์, นาตาลี พอร์ทแมน และคไลฟ โอเวน แสดงนำ หนังว่าด้วยความเปล่าเปลือยของคนที่พยายามรักกัน ไม่รักกัน ลืมกัน และนอกใจกัน ยิ่งตอนที่เพลงนี้ดังขึ้นในหนัง ฟังแล้วจะร้องไห้
ตามด้วย THE SCIENTIST ของวงบริทรอคชื่อก้องโลก COLDPLAY ที่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพทางดนตรี แม้จะมีเสียงซุบซิบว่า บางเพลงพวกเขาทั้งหลายได้กอพพีมาจากเพลงนั้นและเพลงนี้ แต่กระนั้นทางวงก็ยังฝ่าฟันคำครหาเหล่านั้น จนเมื่อต้นปีก็เพิ่งออกอัลบัมใหม่ในชื่อแปลกไปหมาดๆ
ไม่ต้องพูดอะไรมากกับเพลงนี้ ที่ค่ายวอร์เนอร์จับมาใส่ในอัลบัม ACOUSTIC ทั้งเนื้อร้อง และทำนอง ล้วนบ่งบอกถึงทางเพลงที่เยี่ยมยอด หลายคนจัดให้เป็นหนึ่งเพลงที่จะเรียกน้ำตาได้ในวันที่หัวเราะก็ไม่ออก ร้องไห้ก็ยากยิ่ง
แต่ทั้งนี้ 36 บทเพลงในซีดี 2 แผ่นคู่ ก็ไม่ได้มีแต่เพลงเศร้าเหงาทรวงเท่านั้น เพราะยังมีเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ อย่าง I'M YOURS จาก JASON MRAZ, COUNT ON ME ของ BRUNO MARS, THOSE SWEET WORDS โดย NORAH JONES และเพลงอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แค่ซื้อมาแล้วเปิดฟังเบาๆ ระหว่างทาง...เท่านั้นเอง
ศิลปิน : LANA DEL REY
อัลบัม : BORN TO DIE
แนวดนตรี : INDIE POP
วังเวง/ร่วมสมัย
นิวยอร์คเกิร์ลวัย 25 ปี ผู้ริเริ่มเอาดีทางด้านดนตรีตั้งแต่อายุ 18 ปี เมื่อครั้งเดินเข้าวิทยาลัยใหม่ๆ แล้วหาทางโชว์ตัวเองด้วยการเล่นดนตรีตามคลับ ระหว่างการเขียนเพลงและทำเพลงเองไปพลางๆ จนสุดท้ายก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงอิสระไร้นาม ออกอัลบัมโนเนมตามอัตภาพ ท้ายสุดก็ต้องขอซื้อลิขสิทธิ์คืน แล้วก็ถอนตัวออกมาทำเพลงเอง ตามแบบฉบับของอินดีขนานแท้
พอปลายปีที่แล้ว ก็ปล่อยซิงเกิลชื่อว่า VIDEO GAME ว่ากันว่าเพลงนี้เธอแต่งเอง ทำเอง เล่นเอง ร้องเอง กำกับมิวสิควีดีโอเอง พโรโมทเอง ปรากฏว่าดังเปรี้ยง !
VIDEO GAME บรรลุความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ ขึ้นชาร์ทอันดับ 1 ในประเทศเยอรมนี ส่งผลให้อัลบัมที่บรรจุเพลงนี้ไว้ ซึ่งก็คือ BORN TO DIE ทะยานตัวเองกลายเป็นหมายเลข 1 ของชาร์ทเพลงในหลายๆ ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เบลเยียม สาธารณรัฐเชค เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ โปแลนด์ สกอทแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
หลายเสียงเริ่มจับตามาที่เธอ คอยดูว่าเธอทำอะไรกับตัวเองบ้าง เพราะข่าวเมาท์กันสนั่นลั่นโลกไซเบอร์ว่า เธอค่อนไปทางพวกเสพติดศัลยกรรม ทำโน่นทำนี่จนหน้าสวยวันสวยคืน และเป็นสวยแบบสไตล์เรทโรฮอลลีวูด กระทั่งค่อนขอดว่าเธอเป็นพวก SELF-STYLED GANGSTER NANCY SINATRA คือ เมื่อปรากฏตัวก็ตีโป่งผมสีบลอนด์ทองให้พองๆ ทำหน้าตอบๆ ผอมๆ พร้อมเขียนตาให้ดูคมคาย แล้วสุดท้ายมันก็กลายเป็นกระแสแต่งหน้าแต่งตาตามแบบของ LANA DEL REY
พักหลังเธอขึ้นปกนิตยสารมากมาย ยิ่งกลายร่างเป็นไอดอลของสาวๆ ยุคใหม่ ที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะทำหน้าแบบไหนไปเผชิญโลกโสมมดี อีกทั้งหูของเขาเหล่านั้นก็คอยฟังว่าเธอร่ำร้องขับขานอะไรออกมา บ้างบอกว่าเธอคล้ายจะครวญเพลงอยู่ในโรงหนัง ปี 1950 รวมไปถึงปี 1960 บ้างก็ว่าเพลงของเธอฟังแล้วคลับคล้ายกับดนตรีกอสเปล หรือแนวเพลงที่ใช้ร้องในโบสถ์ บ้างก็ว่าเหมือนแชมเบอร์มิวสิค หรือเพลงเครื่องสาย ที่ให้อารมณ์เหมือนจะน้อยแต่ยิ่งใหญ่โอ่โถง
ทั้งๆ ที่เธอร้องอยู่คนเดียวเดี่ยวโดด แต่มันให้ความรู้สึกวังเวงเหลือใจ
ไม่ว่าเพลงของเธอจะออกมาเป็นอินดีพอพ หรืออะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นเพลงที่ฟังได้ไม่ยากเย็น หรือถึงขั้นแปลกแปร่งหู ถ้าให้เปรียบก็คงคล้ายกับ DUFFY มีบ้างบางคนที่เข็นเธอไปเทียบกับ ADELE ยิ่งปีนี้เธอได้เข้าชิงรางวัลต่างๆ มากมายกว่า 10 สาขา หลายเวทีด้วยกัน แถมได้รางวัลหน้าใหม่สากลจากบริทอวอร์ด กลับมาด้วย เธอเลยกลายเป็นอีกหนึ่งสาวที่โลกแห่งเสียงเพลงกำลังให้ความสนใจ
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : อินเตอร์เนทนิตยสาร 409 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : แนะนำเพลง