ชีวิตอิสระ(4wheels)
สีชัง เกาะที่ไม่มีใครชัง
"เกาะสีชัง" อำเภอเล็กที่สุดในประเทศไทย พื้นที่เพียง 7.9 ตารางกิโลเมตร ธรรมชาติท้องทะเลสวยงาม รายล้อมด้วยหน้าผา นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนตกปลา ตกหมึก แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย
เที่ยวสบายๆ
ไปกับ โคโลราโด
ทริพนี้เราขับรถไปตามทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่ ชลบุรี-พัทยา จนผ่านด่านเก็บเงิน พานทอง จากนั้นเลี้ยวเข้า อ. ศรีราชา (สังเกตป้าย ศรีราชา) ผ่านโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เจอสามแยกเลี้ยวขวา ขับไปตามป้าย "เกาะสีชัง"
การเดินทางครั้งนี้ เรามีรถคู่ใจ สมรรถนะเยี่ยมอย่าง เชฟโรเลต์ โคโลราโด ไฮ คันทรี สีแดงสด เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร 147 แรงม้า ที่ขับไปไหนคนต้องเหลียวมอง มีเสน่ห์ เท่สุดๆ กับไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ พร้อมกรอบโครเมียมรมดำ กระจังหน้าสีเทาเข้มดีไซจ์นสปอร์ท ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมความบันเทิงในห้องโดยสารที่ครบครัน กับจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว เลือกดูหนัง/ฟังเพลงผ่าน USB ได้ ทำให้การเดินทางครั้งนี้ ชิลล์ๆ ไม่น่าเบื่อ
จอดรถ ขึ้นเรือ
ที่เกาะลอย
[caption id="attachment_95639" align="aligncenter" width="100%""] เรือโดยสารกำลังจอดเทียบท่าใกล้ประภาคารเกาะสีชัง[/caption]
[caption id="attachment_95631" align="aligncenter" width="100%""] เหมารถสกายแลป ไปชมสถานที่สวยๆ รอบเกาะได้[/caption]
เกาะลอย เป็นท่าขึ้นเรือที่ข้ามไปเกาะสีชัง นักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่นี่ (จอดฟรี) หรือถ้าเป็นห่วงรถ แนะนำให้จอดที่รับฝากรถ บริเวณตลาดศรีราชา คิดค่าจอดคืนละ 150 บาท ส่วนเรือโดยสารที่ข้ามไปเกาะสีชัง จะออกทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ 8.00-20.00 น. (ขาไป) และ 6.00-19.00 น. (ขากลับ) ราคาคนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
หลังจากชมวิวทิวทัศน์กลางทะเลไม่นาน เรือก็เข้าเทียบท่าที่เกาะสีชัง เมื่อขึ้นจากเรือ จะพบกับจุดที่ให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ราคาคันละ 300 บาท ต่อ 1 คืน หรือจะเลือกเหมารถสกายแลป (รถสามล้อเล็ก คล้ายรถตุ๊กตุ๊ก) ที่มีชาวบ้านเป็นไกด์ขับพาไปเที่ยวสถานที่สำคัญบนเกาะ ราคา 250 บาท ต่อ 1 วัน
อดีตที่ประทับ
พระเจ้าแผ่นดิน 3 พระองค์
[caption id="attachment_95626" align="aligncenter" width="100%""] หินสวย น้ำใส บริเวณด้านหน้าพระจุฑาธุชราชฐาน[/caption]
คำว่า "สีชัง" ชื่อนี้ไม่พบหลักฐานแน่ชัด แต่ชาวบ้านได้สันนิษฐานว่าเป็นคำที่เพี้ยนจากคำว่า "สระชง" ที่หมายถึง การชะล้างเอาความเกลียดชังออกไป ดังบทกลอนที่ปรากฏในหนังสือ "กำสรวลศรีปราชญ์" ที่แต่งขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะสีชัง ในปี พศ. 2235
เกาะสีชัง เป็นเกาะที่อยู่ห่างจากชายฝั่งอำเภอศรีราชา ประมาณ 12 กม. มีการตั้งถิ่นฐานชุมชนมานานนับร้อยปี โดยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ ร.4, ร.5 และ ร.6 โดยในสมัย ร.5 ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับในช่วงฤดูร้อน พระราชทานนามว่า "พระจุฑาธุชราชฐาน" ตามพระนามของพระโอรสที่ประสูติบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งภายในพระจุฑาธุชราชฐาน มีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น สะพานอัษฎางค์ วัดอัษฎางค์นิมิตร เรือนไม้ริมน้ำ (เรือนเขียว) ระฆังหิน เจดีย์เก่า เป็นต้น
ถ่ายรูปที่สะพานอัษฎางค์
แวะชมเรือนไม้สีเขียว
[caption id="attachment_95637" align="aligncenter" width="100%""] ชมสะพานอัษฎางค์ เรือนไม้สักสีขาวทอดยาวไปในทะเล และมีเรือนไม้สีเขียว จัดแสดงของโบราณอยู่ใกล้กัน[/caption]
สถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาเยือนเกาะสีชัง จะต้องมาถ่ายรูปกันที่นี่ คือ สะพานอัษฎางค์ เรือนไม้สักสีขาว หลังคาทรงปั้นหยา ที่ทอดยาวลงไปในทะเล บรรยากาศสุดแสนโรแมนทิค สร้างขึ้นในสมัย ร.5 ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฏางค์เดชาวุธ ทรงคลายจากพระอาการประชวร ใช้เวลาในการสร้างประมาณ 30 วันเท่านั้น แล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม พศ. 2434
ใกล้ๆ กัน จะมีสถาปัตยกรรมเรือนไม้สีเขียวริมทะเล แต่ก่อนเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ ก่อนที่จะสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน ปัจจุบันเป็นเรือนไม้ที่จัดแสดงของใช้ในยุคโบราณ และเป็นร้านค้า ร้านขายกาแฟ และเครื่องดื่มเย็นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักคลายร้อน
มหัศจรรย์ระฆังหิน
เจดีย์เก่า
[caption id="attachment_95630" align="aligncenter" width="100%""] ถ้าไม่เชื่อ ต้องลองมาเคาะดู สังเกตได้ง่ายๆ อยู่ใกล้กับเจดีย์เก่า[/caption]
เราออกเดินตามเนินเขา ไปชมความมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ระฆังหิน" ซึ่งถ้ามองจากภายนอกแล้ว จะไม่แตกต่างจากโขดหินทั่วไป ไม่ได้มีลักษณะเหมือนระฆัง แต่ถ้าลองใช้หินเคาะที่โขดหินบนนี้ จะมีเสียงดัง ก้องกังวาน เหมือนเคาะระฆังนั่นเอง ถ้าใครไม่เชื่อ ต้องลองมาเคาะดู นับว่าเป็นความมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งบนเกาะสีชัง และใกล้ๆ กันจะมีเจดีย์เก่าทรงเหลี่ยม ก่ออิฐฉาบปูน ให้เดินไปชม
พระเจดีย์อุโบสถ
วัดอัษฎางค์นิมิตร
[caption id="attachment_95628" align="aligncenter" width="100%""] จุดสูงสุดของพระจุฑาธุชราชฐาน ต้องเดินมาให้ถึง[/caption]
วัดอัษฎางค์นิมิตร เป็นวัดที่อยู่บนยอดเขาสูงสุดในพื้นที่บริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน มีพระอุโบสถที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค ทรงกลม แบบลังกา มีประตูหน้าต่างโค้งมน ช่องแสงประดับด้วยกระจกสีเป็นลวดลาย บริเวณรอบๆ มีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่นำหน่อโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มาปลูก นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์โดยรอบได้จากจุดนี้ ขากลับอย่าลืมแวะสักการะขอพร พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 เพื่อความเป็นสิริมงคล
นั่งชมผา ตกปลา
ที่ปารีฮัท
[caption id="attachment_95624" align="aligncenter" width="100%""] ตกปลา ตกหมึก ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ที่นี่[/caption]
กระท่อมผาปารีฮัท เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเกาะสีชัง เราเลือกแวะเข้าไปในช่วงเย็น เพราะบรรยากาศกำลังดี นั่งริมผา สัมผัสแดดอ่อนๆ มองดูคลื่นกระทบผาเบื้องล่าง นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งตกปลา ตกหมึก กันที่นี่
ทางปารีฮัท รีสอร์ท อนุญาตให้เราเดินเข้าไปชมภายในรีสอร์ทด้านบน (นักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ไม่ได้พักที่นี่จะไม่สามารถเข้าชมได้) เราเดินเท้าผ่านที่พักเรือนกระท่อมไม้ไผ่เป็นเอกลักษณ์ มีเปลผูกให้นอนชมทะเล ผ่านจุดชมวิวบนผาต่างๆ และสุดทางกับการเข้าชมถ้ำระเบียงดาว
ชมวิวช่องเขาขาด
นั่งเล่นที่หาดถ้ำพัง
[caption id="attachment_95636" align="aligncenter" width="100%""] ชมวิว ว่ายน้ำ พายเรือคายัด ต้องมาที่ช่องเขาขาดและหาดถ้ำพัง เพราะหินสวย ทรายขาว มีที่นั่งพักผ่อนรับลมสบายๆ[/caption]
ช่องเขาขาด หรือช่องอิศริยาภรณ์ เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกแห่งหนึ่งบนเกาะ มีลักษณะเป็นผาทอดยาวออกไปเป็นปลายแหลม คล้ายกับแหลมพรหมเทพ มีสะพานทอดยาวให้เดินชมวิว มีหาดหินกลมให้แวะเดินเล่น สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกได้ที่นี่ ถ้านั่งเรือผ่านจุดนี้ จะเห็นเป็นช่องโหว่ของเขา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพลับพลาที่ประทับชมวิวของรัชกาลที่ 5
เราขับมอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปตามถนน ผ่านเนินชัน มุ่งหน้าสู่หาดถ้ำพัง หาดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมาเล่นน้ำ และพายเรือคายัคกัน เพราะเป็นชายหาดที่มีโขดหินน้อยที่สุด มีทรายขาวละเอียด น้ำใส มีที่นั่งพักผ่อน และร้านอาหารริมทะเลหลายร้าน
ไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่
กราบรอยพระพุทธบาท
[caption id="attachment_95633" align="aligncenter" width="100%""] สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบนเกาะสีชังนับถือกันมานานและยังเป็นจุดชมวิวมุมสูง มองเห็นชุมชน บ้านเรือนได้รอบเกาะ[/caption]
ก่อนเดินทางกลับ ผมไปไหว้สักการะ เจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเก่าแก่ของชุมชนเกาะสีชัง โดยมีประวัติเล่าต่อกันมาว่า มีพ่อค้าต่างชาติที่เดินทางมาด้วยเรือสำเภา และจอดเรือเทียบท่า จึงเดินเข้ามาสำรวจ จนพบถ้ำที่ภายในมีหินลักษณะคล้ายเจ้าพ่อเขาใหญ่ จึงกราบไหว้ บนบานให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง จนประสบผลสำเร็จตามที่บนไว้ หลังจากนั้นจึงก่อตั้งศาลขึ้น นอกจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ บริเวณรอบๆ ยังมีสถานที่ให้สักการะกันอีก เช่น เจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าพ่อขุมทรัพย์ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย
หลังจากสักการะ เจ้าพ่อเขาใหญ่ แนะนำให้เดินทางไปที่ มณฑปรอยพระพุทธบาท ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้บนยอดเขา จุดนี้สามารถมองเห็นวิวทะเล และเรือสินค้าน้อยใหญ่จอดรายรอบเกาะอยู่มากมาย
ที่กิน
มาเที่ยวเกาะสีชัง ถ้าเรื่องกิน ต้องยกให้ร้าน "ครัวไอทะเล" เพราะที่นี่บรรยากาศดี ติดริมทะเล มองเห็นป้อมประภาคาร ที่ถูกประดับตกแต่งด้วยไฟ สวยงามยามค่ำคืน มาช่วงนี้เจ้าของร้านแนะนำ หอยฟันกระต่ายผัดฉ่า ซึ่งจับได้ในช่วงเดือน มิย.-ตค. เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดอย่าง น้ำพริกปูหลน ต้มยำทะเลรวมมิตร และหมึกมะนาว ในราคาสบายกระเป๋า
ที่นอน
หลังจากท่องเที่ยว ตระเวนรอบเกาะกันมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาพักผ่อน ผมเลือกที่พักไม่ไกลจากชุมชน และท่าเรือ เดินทางได้สะดวก กับ "สีชัง พาเลช โฮเต็ล&รีสอร์ท" รองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 60 ห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น อ่างอาบน้ำ ตู้เย็น โทรทัศน์ สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุมสัมมนา ราคาเริ่มต้นคืนละ 1,260 บาท
ขอขอบคุณ
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง
เรื่องโดย : พีรพัฒน์ อินทมาตย์
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/95618